Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 352
บทที่ 352 ไม่มีทางตัดขาดกันได้
ในเวลานี้ มู่ซือซือได้จัดเตรียมบอดี้การ์ดนำอาหารที่นักศึกษาหลายคนส่งมาให้มู่วี่สิง “คุณอยากจะกินอะไร เดี๋ยวฉันจะไปซื้อมาให้”
“ไม่ต้อง ผมอยากกลับบ้าน”
“ไม่ ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนคุณ”
“ไม่มีใครเลยเหรอ” มู่วี่สิงมองไปที่เวินจิ้ง
เวินจิ้งกระพริบตา เธอล่ะ
และมู่ซือซือก็ได้มองไปยังเธอ ถึงแม้ว่าจะไม่พอใจ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร
“งั้นเธอก็เห็นพี่ชายฉันแล้วหนิ ว่าเขาเกิดอุบัติเหตุ เธอนั่นแหละต้องเป็นรับผิดชอบ” มู่ซือซือพูดเตือน
พูดจบ ก็จากไปอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้น ในห้องผู้ป่วยก็เหลือคนอยู่แค่สองคน
เวินจิ้งรู้สึกโล่ง
“สรุปแล้วคุณเจ็บตรงไหนเหรอ” เวินจิ้งถาม
ทำไมเธอถึงคิดว่ามู่วี่สิงปกติดีล่ะ……
“ขยับไม่ได้”
“ฮื้ม” เวินจิ้งเดินเข้าไปใกล้
หรือว่า……จะเป็นที่ขา
เธอหยิบรายงานผู้ป่วยที่อยู่ด้านข้าง กระดูกขาขวาหักเหรอ
“เกิดอะไรขึ้น”
“รถชน”
สีหน้าของเวินจิ้งก็ซีดเซียวลง เปิดผ้าห่มออกอย่างกังวล และแล้วขาของมู่วี่สิงใส่เฝือกอยู่
“เป็นอุบัติเหตุเหรอ” เธอถาม
“อืม” ความเยือกเย็นในดวงตาของผู้ชายคนนั้นได้เปล่งประกายออกมา
เวินจิ้งใช้เวลาสักพักในการเรียกสติกลับมา และได้พลิกดูรายงานผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง อาการของมู่วี่สิงก็ไม่ได้รุนแรงมาก แต่ต้องนอนพักอยู่โรงพยาบาลอย่างน้อยครึ่งเดือน
“ได้จ้างพยาบาลมาดูแล้วเหรอ” เวินจิ้งถาม
อาการของเขาแบบนี้ จำเป็นต้องมีคนมาดูแล
“ที่จริงก็มี เพิ่งจะกลับไปเอง”
“มู่ซือซือเหรอ”
“อืม”
เวินจิ้งรู้สึกงุนงง ทำไมรู้สึกเหมือนมู่วี่สิงกำลังโกหกอยู่…..
มู่ซือซือเป็นคนพิการ จะมาดูแลเขาได้ที่ไหน….
“เดี๋ยวฉันจะไปติดต่อพยาบาลมาให้สักคนแล้วกัน”
“ไม่ต้อง ผมไม่ชอบให้คนอื่นมาเข้าใกล้ผม” น้ำเสียงของมู่วี่สิงพูดเพื่อเลี่ยงอะไรบางอย่าง
เวินจิ้งลำบากใจ “คุณทำอย่างนี้ไม่ได้นะ แล้วคุณจะเข้าห้องน้ำได้ยังไงล่ะ”
“ล้มลงสองสามครั้งก็ยังลุกขึ้นเดินได้”
คำพูดนี้ ….. ได้ยินแล้วเวินจิ้งก็รู้สึกตกใจกลัว
สีหน้าเธอก็ซีดลง
แล้วภาพนั้นเธอคิดแล้วก็รู้สึก ….. เจ็บปวดมาก!
“กลับไปเถอะ ต้องไปเรียนไม่ใช่เหรอ” มู่วี่สิงไม่ได้มองเธอ และยังคงจัดการกับงานที่อยู่ในมือต่อไป
แม้ว่าเขาจะบาดเจ็บ เขาก็ยังคงเป็นคนบ้างาน
แต่เวินจิ้งกลับไม่มีทางจะนิ่งเฉยได้ ประวัติผู้ป่วยได้เขียนไว้ มู่วี่สิงหักโหมงานหนักไม่ได้ และอีกอย่างส่วนขาไม่ว่าอะไรก็ตามไม่ควรได้รับอันตรายใดๆ
“ฉันไม่วางใจ” เวินจิ้งพูดด้วยความหงุดหงิด
มู่วี่สิงจะปฏิบัติต่อตัวเองอย่างนี้ได้อย่างไร
“แล้วจะอยู่เป็นเพื่อนผมเหรอ” มู่วี่สิงขมวดคิ้ว
“ฉันอยู่กับคุณได้แค่แป๊บเดียวเท่านั้น”
อีกเดี๋ยวเธอต้องกลับไปเข้าเรียน
“ตอนเย็นมาได้” ใครคนหนึ่งค่อยๆโน้มน้าว
กระต่ายขาวตัวน้อยยังคงไม่สังเกตเห็น……
ในหัวเต็มไปด้วยภาพของมู่วี่สิงที่กำลังล้มลงอยู่ในห้องน้ำ เมื่อคิดแล้วก็รู้สึกทุกข์ใจ
“ได้” ทั้งหมดนี้เหมือนเป็นผีหรือเทพเจ้าที่ได้ตอบตกลงไป ……
ในตอนบ่ายเวินจิ้งกลับไปเรียน เรื่องที่ต้องดูแลมู่วี่สิงนั้น หลังจากที่เธอกลับไปที่หอพักในตอนเย็น เธอก็ได้บอกกับหลิงเหยาแล้ว
“มู่วี่สิงได้รับบาดเจ็บ เธอเป็นห่วงมากใช่ไหม”
“เป็นห่วงมาก”
“พวกเธอหย่ากันแล้วนะ” หลิงเหยาเตือน
ได้ยินดังนั้น เวินจิ้งก็ได้นิ่งไป เธอมักจะจงใจเพิกเฉยกับความจริงข้อนี้
“เขาไม่มีคนดูแล…..”
ในห้องผู้ป่วยมีเพียงแค่มู่วี่สิงคนเดียว บอดี้การ์ดต่างกำลังเฝ้าอยู่ข้างนอก ส่วนมู่ซือซือก็ไม่สะดวกที่จะมาคอยดูแลเขา……
หลิงเหยาสูดหายใจเข้าลึกๆ และอยากเขกหัวเวินจิ้งให้ตื่นขึ้นมาจริงๆ
ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าเรื่องนี้มู่วี่สิงมีเจตนา
“ช่างมัน เธออยากเหวี่ยงตัวเองเข้าไปในแหก็ไปเถอะ กลางคืนไม่กลับมาแล้วใช่ไหม”
“กลับแน่นอน”
หลิงเหยาไม่อยากจะเชื่อ ดูจากนิสัยของมู่วี่สิงแล้ว ถ้าเวินจิ้งไปแล้ว จะต้องให้เธออยู่ต่อแน่นอน
“ทำตัวดีๆล่ะ” หลิงเหยาเตือนเธอ
แก้มของเวินจิ้งแดงในทันที และรีบมาปิดปากเขา
“อย่าพูดอะไรมั่วๆ ! เราไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันแบบนั้น!”
หลิงเหยาอดยิ้มไม่ได้ “หรือเธอจะบอกว่าพวกเธอเป็นเพื่อนกันเหรอ”
เวินจิ้งรู้สึกเขินอาย เธอและมู่วี่สิง……
ไม่ควรนับเป็นเพื่อนงั้นเหรอ
แต่ก็ไม่ได้เป็นสามีภรรยากันแล้ว
ดังนั้น ……เธอกำลังจะทำอะไร
แต่ก็ไม่มีทางจะตัดขาดกันได้
มู่วี่สิงมาปรากฏตัวต่อหน้าเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถ้าสองคนนี้ไม่ได้พบเจอกันอีก เธอก็ตัดใจไปได้แล้วใช่ไหม
ในใจยังคงไม่มีคำตอบ
เมื่อมาถึงโรงพยาบาล เวินจิ้งได้เตรียมอาหารว่างมาล่วงหน้าแล้ว
แต่กลับไม่เห็นมู่วี่สิงในห้องผู้ป่วย เธอจึงวางกล่องข้าวที่ซื้อมา เมื่อได้ยินการเคลื่อนไหวในห้องน้ำ เธอก็รีบวิ่งไปทันที
เมื่อผลักประตูเข้าไป ภาพที่เห็นทำให้แก้มของเธอได้แดง …..
ตื่นเต้นชะมัด!
มู่วี่สิงกำลังพิมกำแพง เมื่อเห็นเวินจิ้งเข้ามา ดวงตาของเขาก็ยังคงนิ่งเงียบ
ได้สวมกางเกง เขายื่นมาที่ล้างสะอาดแล้วออกมาก
เวินจิ้งงุนงงไปหมด สายตาไม่มีที่ให้มองเลย
“ช่วยประคองผมออกไปหน่อย” น้ำเสียงที่อบอุ่นของมู่วี่สิงดังขึ้น
เวินจิ้งกระพริบตา ในที่สุดก็เรียกสติกลับมาได้
ภาพเมื่อกี้นี้อยู่ในหัวของเธอนานไม่หายไปไหน ….
ประคองแขนของมู่วี่สิง อุณหภูมิร่างกายของเธอร้อนระอุมาก
มู่วี่สิงยิ้มเบาๆอยู่ข้างหูของเธอ “ไม่เคยไม่เห็นซะหน่อย”
เวินจิ้ง : ………
“ทำไมคุณไม่ล็อคประตู!” เธอพูดพลางหงุดหงิด
“ผมก็ไม่รู้ว่าคุณจะรีบเข้ามา”
“ฉันคิดว่าคุณเป็นอะไร” ตอนนี้เวินจิ้งเริ่มหงุดหงิดมากขึ้น
ช่วยประคองมู่วี่สิงกลับมานอนบนเตียง สายตาของเวินจิ้งก็ไม่กล้ามองดูมู่วี่สิง
ช่วยเขาเปิดกล่องข้าว และเธอก็ยื่นมันต่อหน้าเขา แล้วนั่งลงบนโซฟาที่อยู่ไกลที่สุด
“มานี่สิ” สายตามู่วี่สิงลืมตาขึ้นอย่างไม่พอใจ
เวินจิ้งไม่ขยับ และก้มหน้าอ่านหนังสือ
สีหน้าของมู่วี่สิงนิ่งเงียบลง และก็ยังไม่ได้กินข้าว ได้แต่มองไปที่เวินจิ้ง
“คุณกินข้าวไปโอเคไหม” สุดท้ายเวินจิ้งก็เงยหน้าขึ้น
“มาอยู่กับผม”
“ก็ฉันอยู่เป็นเพื่อนคุณแล้วนี่ไง”
“ไกลเกินไป”
เวินจิ้งไม่ได้สนใจเขา
แต่มู่วี่สิงกินข้าวช้า จนทำให้อาหารเย็นหมดแล้ว
เวินจิ้งถึงจะยอม
ผู้ชายคนนี้รู้จักใช้จิตวิทยากับเธอจริงๆ
แม้ว่าเขากำลังรับประทานอาหารอยู่ ร่างของมู่วี่สิงไม่สามารถซ่อนออร่าที่ดูแพงและสง่างามไว้ได้ เขาอบรมเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดี เห็นได้ชัดว่าเป็นเพียงกล่องข่าวราคาแค่สิบหยวน แต่เธอมีความรู้สึกว่ามู่วี่สิงกำลังกินอาหารตะวันตกอยู่
ผู้ชายคนนี้ มีเสน่ห์มาก ……
เมื่อสังเกตเห็นสายตาของเวินจิ้ง มู่วี่สิงสบตา และยกปลายนิ้วนิ้วสัมผัสที่ใบหน้าสีขาวของเธอเบาๆ
“คุณยังไม่ได้กินข้าวเลยนะ” น้ำเสียงของเขาจริงจัง
เวินจิ้งกัดริมฝีปาก “ฉันไม่หิว”
“หรือคุณอยากให้ผมลากคุณมากิน” แววตาของมู่วี่สิงนิ่งลง
เวินจิ้งรู้สึกไม่สบายตัวที่ถูกสายตาของเขามองมา แต่เขามีสิทธิ์อะไรที่ยังจะมาสนใจเธอ……
เวินจิ้งพูดอย่างไม่พอใจ “คุณไม่ต้องมาสนใจฉัน”
วินาทีต่อมา คางก็ถูกบีบแน่น สายตาของมู่วี่สิงนั้นเยือกเย็นมาก
“อย่าสนใจคุณงั้นเหรอ ฮื้ม” น้ำเสียงของเขายิ่งอันตรายมากขึ้น
เวินจิ้งมองดูสายตาของเขา ชั่วพริบตาเดียวหัวใจก็เต้นแรง
“ใช่” เธอพูดอย่างนิ่งเฉย
“ไม่มีทาง” มู่วี่สิงเริ่มปล่อยมือที่เย็นชา
เวินจิ้งไม่มองเขา
เธอลดตาลง ในเวลานี้ เสียง “กูกู” ท้องร้องก็ดังออกมาพอดี เธอหิวมากแล้วจริงๆ
มู่วี่สิงรีบสั่งให้เกาเชียนเข้ามา “ออกไปซื้อไก่ทอดมาหน่อย”
“มู่วี่สิง! เดี๋ยวฉันก็กลับไปแล้ว ฉันไปกินที่มหาวิทยาลัย” เวินจิ้งถึงกับห้ามทันที
ได้ยินดังนั้น สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชากว่าเดิม
วางตะเกียบลง และเขาก็ย้ายโน๊ตบุ๊คมาไว้ข้างหน้า
“อืม” น้ำเสียงของเขาไม่แยแสอย่างยิ่ง
เกาเชียนยืนอยู่ข้างๆ ก็ได้ตะลึงกับการทำงานของเขาเป็นอย่างมาก
ทำไมรู้สึกเหมือนว่าทั้งสองคนกำลังจีบกันอยู่
แต่เขาก็ไม่ได้พูดและก็ไม่กล้าที่จะดูเช่นกัน