Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 371
บทที่ 371 ปฏิเสธผู้ชายคนนี้
“ทำไมถึงมาแล้ว?” มู่วี่สิงเป็นคนเก็บอารมณ์เป็น เวลานี้มองดูเวินจิ้ง สีหน้ากลับคืนสู่ภาวะปกติแล้ว
“เกาเชียนบอกว่า คุณเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง” เวินจิ้งพูดเสียงเบา
“หากคุณไม่เป็นไร ฉันจะกลับแล้ว” เวินจิ้งรู้สึกละอายเล็กน้อย หันตัวกำลังจะออกไป
แต่มู่วี่สิงเร็วกว่าได้จับข้อมือเธอไว้ได้ทัน เวินจิ้งล้มเอนไปพิงในอ้อมอกของเขาโดยไม่ทันตั้งตัว
ตรงหน้า ใบหน้าที่หล่อเหลาและน่าหลงใหลของเขา
หัวใจเธอเต้นเร็วมาก…
“เป็นห่วงฉันเหรอ?” น้ำเสียงของมู่วี่สิง คือมั่นใจ
เวินจิ้งก็ปิดบังอารมณ์ได้ไม่มิด ได้เขียนไว้บนหน้าแล้ว
“เธอคิดว่า ฉันจะเกิดอะไรขึ้น?” มู่วี่สิงมองเธอ
เวินจิ้งส่ายหน้าอย่างไม่ลังเล
มู่วี่สิงที่เธอรู้จัก มีประสิทธิภาพ และมีความแข็งแกร่งมากพอ
เธอไม่เคยได้เห็นในมุมอ่อนแอของเขา
เธอไม่เคยเชื่อ ว่าเขาจะมีมุมอ่อนแอ
“งั้นก็ใช่แล้ว เพื่อเธอ ฉันไม่ให้ตัวเองเกิดอะไรขึ้นหรอก”
คำพูดนี้ ราวกับว่าได้กระแทกเข้าไปในหัวใจที่นุ่มนวลของเวินจิ้ง
คำพูดที่ต้องการพูดก็ถูกกลืนลงไปทันที
“ฉันสำคัญมากเลยเหรอ?” เธอมองเขา
“สำคัญมาก” มู่วี่สิงจับศีรษะหลังของเธอ แล้วผลักเธอไปที่ประตู ตามด้วยจูบที่คุ้นเคย
แต่ครั้งนี้ เวินจิ้งหยุดเขาไว้
“อย่าจูบไม่เรื่อย” น้ำเสียงของเธอเรียบเฉย
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ความเย็นชาในสายตาของมู่วี่สิงแทบจะทะลักออกมา
น้ำหนักในมือยิ่งเพิ่มขึ้น
เวินจิ้งผลักเขาออกไม่ไหว แต่เธอกลับต่อต้าน
ไม่ชอบความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจน ที่เกิดขึ้นกับมู่วี่สิงแบบนี้
เขาไม่รู้…ว่าจะตามใจตัวเอง?
“เธอคือผู้หญิงของฉัน” ปลายนิ้วเรียวยาวบีบคางของเวินจิ้งไว้ สายตาของมู่วี่สิงลึกซึ้งและลุกไหม้
แต่เวินจิ้งมีสติมาก
มีสติจำเป็นต้องให้ตัวเองปฏิเสธ
ปฏิเสธผู้ชายคนนี้!
“ฉันไม่ใช่ คุณมู่ได้โปรดระวังคำพูดของตัวเองด้วย ฉันไม่ใช่ภรรยามู่แล้ว” เวินจิ้งพูดทีละคำ
“งั้นเหรอ?” สายตาของมู่วี่สิงหรี่ลงอย่างอันตราย
ในเวลานี้ เวินจิ้งรู้สึกกลัวเล็กน้อย
ผู้ชายตรงหน้านี้ ทรงพลังมาก
เธอไม่เคยเห็นด้านที่รุนแรงของเขา แต่ตอนนี้ เหมือนว่าจะมีแนวโน้มดังกล่าว
เธอใช้แรงต่อต้านมากยิ่งขึ้น
แต่มู่วี่สิงกลับปิดประตู ยิ่งไปกว่านั้น ยังล็อคประตู
ทั่วห้องทำงาน มีเพียงสองคน
เขานำเธอไว้ในอ้อมแขนของตัวเอง วินาทีต่อมา ดันไปตรงโซฟา
“มู่วี่สิง!” เวินจิ้งถลึงตาใส่เขาด้วยความโกรธ
“เด็กดี เรียกสามี” น้ำเสียงของมู่วี่สิงอ่อนโยนลง
กลับยิ่งทำให้เวินจิ้งรู้สึกหวาดกลัว
“ไม่…” เธอส่ายหัวตลอด
แต่มู่วี่สิงได้คล่อมตัวเธอไว้ ก้มศีรษะลงกัดไปที่ลำคอของเธอ
เพียงครู่เดียว เวินจิ้งตัวสั่นไปหมด รับรู้ได้ถึงอุณหภูมิในฝ่ามือของเขาที่เคลื่อนไหวบนผิวของเธอ
เขาต้องการทำอะไร! เธอชัดเจนดี!
น้ำตาในดวงตา เธอพยายามใช้แรงผลักเขาออก
“มู่วี่สิง คุณออกไป…”
ไอ้น้ำตาบ้าก็มาหยดลงบนหลังมือของเขา ผู้ชายหยุดชะงัก เงยหน้าขึ้น เวินจิ้งได้น้ำตานองหน้าแล้ว
เขาหยุดการกระทำ
เปลวไฟในดวงตาเหมือนถูกน้ำเย็นดับทันที
ขณะที่นั่งขึ้นมา เวินจิ้งพยายามอย่างสุดความสามารถหนีออกจากอ้อมแขนของเขา
สายตาผิดหวังมาก
“สารเลว!” พูดคำที่โกรธอออกไป เวินจิ้งรีบวิ่งออกไป
เธอบ้าไปแล้วที่ไปเป็นห่วงเขา จึงวิ่งออกมาจากบริษัทมู่ซื่อ
คำพูดนั้นมันยังคงวนเวียนอยู่รอบๆหูของมู่วี่สิง สีหน้าของเขายับยู่ยี่ วินาทีต่อมา หยิบกุญแจรถแล้วไล่ตามไป
เวินจิ้งได้วิ่งออกจากบริษัทมู่ซื่อแล้ว น้ำตาก็ไหลลงมาไม่หยุด ทำให้สายตาของเธอพร่ามัว
ณ เวลานี้ เธอไม่รู้ว่าตัวเองจะไปไหน แต่ว่า อยู่ให้ไกลจากมู่วี่สิงได้มากเท่าไหร่ยิ่งดี
ทันใดนั้น มีเสียงแตรดังเข้ามาในหู ฝีเท้าของเวินจิ้งได้หยุดชะงักลง เมื่อหันไป รถคันสีขาวได้พุ่งมาอย่างรวดเร็ว
ระหว่างสติหลุด ได้มีมือข้างหนึ่งยื่นมา ใช้แรงดึงเธอไปอีกฝั่ง และรถได้เคลื่อนผ่านกระโปรงเธอไป เวินจิ้งตกใจจนยืนไม่ไหว ขาอ่อนแทบจะล้มลง
มู่วี่สิงกอดเธอไว้อย่างมั่นคง
“เวินจิ้ง มองทางด้วย!” มู่วี่สิงดุใส่เธอ
เมื่อเวินจิ้งได้สติ สีหน้าขาวซีดมาก
มองดูใบหน้าที่หล่อเหลาของมู่วี่สิง สายตาที่เป็นห่วงของเขาปิดไม่มิด
เขากลัวเหรอ?
เวินจิ้งหัวเราะออกมาอย่างกะทันหัน
มู่วี่สิงผู้ใจเย็น ก็กลัวเป็นเหรอ?
“ยิ้มอะไร?” เขาโอบเธอเดินไปยังทางเดินทางเท้า
“ไม่มีอะไร ถ้าหากเมื่อกี้ฉันถูกชนตาย คุณจะเป็นยังไง?” เวินจิ้งถามทันที
ผู้ชายตรงหน้าคนนี้ จะเสียใจไหม?
เมื่อได้ยินที่พูด มู่วี่สิงกลอกตา
อยากจะโกรธ แต่เมื่อได้สบตาของเวินจิ้งแล้ว ก็พูดไม่ออก
เป็นเวลานาน เขาถึงจะพูดเบาๆ: “ฉันต้องเจ็บปวดจนไม่อยากมีชีวิตอยู่”
เวินจิ้งยังคงยิ้ม แต่ยิ้มไปยิ้มมา น้ำตาก็ไหลลงมา
คุณไม่ชอบฉันจริงๆเหรอ?” เธอคว้าคอเสื้อของเขา
ถ้าหากไม่ชอบเธอ ทำไมต้องมีอารมณ์แบบนี้
เขาสามารถเพิกเฉยได้อย่างสมบูรณ์ ไม่ใช่เหรอ?
เมื่อได้ยินเช่นนี้ มู่วี่สิงมองเธอ และไม่ได้ตอบ
เขาอุ้มเธอขึ้นมา เดินไปยังรถคันสีดำที่จอดอยู่อีกฟาก
“เธออยากฟังคำตอบอะไร?” เขาถามเธอ
เวินจิ้งกระพริบตามองเขา ตอนที่เขาช่วยเธอรัดเข็มขัดนิรภัยนั้น ทันใดนั้นเธอก็โอบคอของเขาไว้ ก้มหัวแล้วจูบอย่างดูดดื่ม
มู่วี่สิงรีบเปลี่ยนการกระทำ เริ่มรุก
ทั้งสองคนจูบกันอย่างลืมตัว
ผ่านไปเนิ่นนาน ไม่มีทีท่าว่าจะแยกจากกัน
ครึ่งชั่วโมงหลัง รถได้จอดตรงทางเข้าโรงพยาบาล
“ฉันกลับไปที่วิทยาลัยเอง”
เวินจิ้งผลักประตูลงจากรถ
มู่วี่สิงกลับจับข้อมือเธอไว้ ไม่ยอมให้เธอดิ้น
“อยู่กับฉันก่อน” น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนมาก
เวินจิ้งมองดูหน้าข้างๆของเขา แต่ก็ผลักออก
มู่วี่สิงเม้มริมฝีปากบาง เห็นว่าเวินจิ้งจะโบกเรียกแท็กซี่ เขาได้ลากเธอเข้ามาในรถ แล้วล็อคไว้
“รอฉันก่อน”
สิ้นเสียง เขาก็รีบเดินไปในโรงพยาบาล
ไม่ได้ขึ้นไปเยี่ยมมู่ซือซือ เขาเดินไปที่ห้องทำงานของโรงพยาบาล
“คุณหมอมู่” น้ำเสียงของอีกฝ่ายสุภาพ
“สถานการณ์ของฉีเซิน นายพูดให้ฉันฟังหน่อย”
มู่วี่สิงมองดูใบตรวจ แล้วก็ฟังคำชี้อแจงไปด้วย
ฉีเซินร่างกายช้ำนอกหลายที่ เขาได้ไปขอให้ออกใบรายงานการบาดเจ็บด้วยตัวเอง มู่วี่สิงมองดู สายตายิ่งอยู่ยิ่งลึก
หลักฐานชิ้นนี้ เป็นที่น่ารังเกียจอย่างยิ่งต่อมู่ซือซือ
แต่ว่าเขามองออก สำหรับสถานการณ์ร่างกายของมู่ซือซือ เป็นไปไม่ได้ที่จะทำร้ายฉีเซินได้หนักขนาดนี้
ครึ่งชั่วโมงต่อมา มู่วี่สิงออกจากโรงพยาบาล
นั่งเข้าไปในรถ อารมณ์ของเวินจิ้งนิ่งมาก
“ส่งเธอกลับวิทยาลัย”
“ค่ะ” น้ำเสียงของเวินจิ้งเย็นชา
ทั้งสองคนไม่มีคำพูดตลอดทาง จนกระทั่งรถจอดลง
มองดูเวินจิ้งลงจากรถ และปิดประตู ในที่สุดร่างผอมบางก็ลับตาไป
เขาเอนหลังพิงเก้าอี้ ยังไม่ได้ไปไหน
เวลาหลายคืน เขาก็ใช้เวลาเช่นนี่
สามวันต่อมา โรงพยาบาล
การฟื้นตัวของฉีเซินดีขึ้น เดี๋ยวก็ได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว ทันใดนั้นร่างของมู่เหิงก็ปรากฏตัวที่ห้องผู้ป่วย