Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 386
บทที่ 386 หลอกลวงตลอด
เวินจิ้งกอดคุณแม่อย่างปลอบโยน ถามอย่างเป็นห่วง “แม่ คุณไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนใช่ไหม?”
“ฉีเซินยังไม่กล้าทำร้ายฉัน แต่เธอ…” หลินเวยส่ายหัว
“ฉันไม่เป็นไร”
ตอนแรกเวินจิ้งจะกลับไปวิทยาลัย แต่อารมณ์ของเวินจิ้งยังไม่ค่อยดีนัก จึงกลับไปตระกูลหลินอยู่เป็นเพื่อนเธอ
หลิงอี้ก็อยู่ข้างๆตลอด
“ตอนนี้บริษัทฉีเซินตกอยู่ในอันตราย แม่ไม่สามารถจัดการกับฉีเซินได้อีกแล้ว ระยะนี้เธอต้องเลี่ยงที่จะพบเจอหน้าเขา” หลินเวยบอก
เธอรู้ว่าหลิงอี้ได้ส่งคนมาคุ้มกันเวินจิ้งแล้ว วางใจได้
เวินจิ้งพยักหน้า “ฉันรู้”
“ผมจะจับตามองเบาะแสของฉีเซิน คุณนายหลิน ผมจะไม่ให้เขาทำร้ายเวินจิ้งอีกแล้ว” หลิงอี้พูดเสียงเข้ม
“ต้องรบกวนเธอด้วยนะ หลิงอี้”
บริษัทมู่ซื่อ
เกาเชียนนำผลตรวจของเวินจิ้งยื่นให้มู่วี่สิง
“ประธานมู่ ผมได้เปลี่ยนผลตรวจล่วงหน้าแล้ว”
“อืม”
มู่วี่สิงตอบเรียบๆ และรับผลตรวจมา
ครั้งนี้เวินจิ้งได้ทำการแสกนสมองด้วยCT เขาเอาฟิล์มออกมา มองนิ่งๆเป็นเวลานาน สีหน้าก็ยิ่งอยู่ยิ่งตึงเครียด
“วันที่เกิดอุบัติเหตุใครเป็นหมอที่ผ่าตัดให้”
“ผมไปเช็คดู”
“ไม่ต้องแล้ว ฉันจะไปโรงพยาบาลตอนนี้”
สิ้นเสียง แล้วก้าวเท้าเดินออกไป
ระหว่างทาง เกาเชียนได้เช็ครายชื่อของคุณหมอที่ทำการผ่าให้เวินจิ้งในวันที่เกิดอุบัติเหตุได้แล้ว หลังจากมาถึงโรงพยาบาล มู่วี่สิงตรงไปที่ห้องทำงาน
แม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ในสถานะคุณหมอ แต่ในโลกทางการแพทย์ แต่ศักดิ์ศรีของเขาไม่มีใครเทียบได้
เกาเชียนรออยู่ข้างนอกด้วยความกังวล หลังจากถึงหนึ่งชั่วโมง มู่วี่สิงถึงจะเดินออกมาพร้อมกับคุณหมอที่ทำการผ่าตัดให้ในวันเกิดอุบัติเหตุ
“มีบุหรี่ไหม?” มู่วี่สิงถาม
นี่เป็นครั้งแรก ที่เกาเชียนได้ยินบอสถามแบบนี้
ปกติมู่วี่สิงไม่ได้ติดบุหรี่ ส่วนมากจะหนีบบุหรี่ไว้ แต่ไม่เคยสูบ
เกาเชียนคิดว่าครั้งนี้ก็เหมือนกัน แต่ไม่คิดว่า มู่วี่สิงจะสูบบุหรี่
สีหน้าของเขา นั้นดูเครียดกว่าวันก่อนๆ
ยังมีความเจ็บปวดและความทุกข์อยู่ในนั้นด้วย
เกาเชียนคิดว่าตัวเองมองผิดไป…
แต่มันคือความจริง
เขาถอยไปอีกด้านอย่างรู้ หรือว่า จะเกิดอะไรขึ้นกับคุณเวิน?
ไม่เช่นนั้น บอสคงไม่เปลี่ยนผลตรวจให้เป็นปกติทุกอย่าง
…
ช่วงนี้ เนื่องจากยอดขายยาตัวใหม่ของบริษัทฉีซื่อพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งได้ไหลเข้าสู่ตลาดหลายแห่งของบริษัทมู่ซื่อ วิกฤติจึงจะพลิกผันในที่สุด
แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีปัญหามากมาย เนื่องจากมีการใช้ทุนจำนวนมากมาสักระยะ ตอนนี้ห่วงโซ่ทุนขาดตลาด หากไม่มีการจัดหาเงินทุน บริษัทฉีซื่อก็ไม่สามารถถือครองได้นาน
ฉีเซินประชุมเสร็จ ก็ได้ไปที่ตระกูลหลิน
หลินเวยไม่ได้เจอเขา ฉีเซินทำได้เพียงรอที่ชั้นหนึ่งตลอด
จนกระทั่งตอนกลางคืน หลินเวยถึงจะออกจากบริษัทฉีซื่อ
เมื่อเห็นฉีเซิน สีหน้าอ่อนโยนของเธอก็เคร่งขรึมทันที
“แกยังมีหน้ามาเจอฉัน?” น้ำเสียงของหลินเวยเยือกเย็นมาก
“แม่ ผมสำนึกรู้แล้ว” เวลานี้ น้ำเสียงของฉีเซินปราศจากความเย่อหยิ่งที่ไม่เหมือนก่อนหน้า
ถ้าหากไม่มีบริษัทฉีซื่อแล้ว เขาก็ไม่เหลืออะไรแล้ว
“ฉีเซิน ฉันรู้ว่าแกอยากให้ฉันช่วย แต่ว่า เป็นไปไม่ได้” หลินเวยไม่สนใจเขา แล้วออกไปจากบริษัทหลินซื่อโดยตรง
แต่ฉีเซินเดินตามตลอด แล้วมาขวางรถของเธอไว้
คนขับรีบเบรกอย่างรวดเร็ว หันไปมองหลินเวยด้วยความลำบากใจ “คุณนายครับ คุณฉีมาขวางทางไว้ครับ…”
หลินเวยทำได้เพียงลงจากรถ มองฉีเซิน อันที่จริงก็ใจอ่อนเล็กน้อย
ยังไงก็เป็นเด็กที่เธอเลี้ยงมาจนโตป่านนี้
แต่สิ่งที่เขาทำกับเวินจิ้ง เธอไม่สามารถให้อภัยได้
การลงมือของฉีเซิน ส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพลจากเธออย่างละเอียด ในการได้นั่งในตำแหน่งสูงให้มั่นคงได้ จำเป็นต้องเย็นชามากพอ
แต่ว่า เนื่องจากตอนนี้เวินจิ้งกลับมาแล้ว เธอก็ใจอ่อนแล้ว
“ฉีเซิน ยอมแพ้จากบริษัทฉีซื่อเถอะ ฉันจะส่งแกไปฝรั่งเศส” เป็นเวลานาน หลินเวยพูดเสียงเข้ม
“ผมขอแค่บริษัทฉีซื่อ” น้ำเสียงของฉีเซินก็เย็นชา
เขาไม่ต้องการเริ่มต้นใหม่อีกแล้ว อาณาจักรของบริษัทฉีซื่อ เขาคิดว่าไม่อ่อนแอขนาดนั้น แต่ระยะนี้การลงมือของมู่วี่สิงกำลังเผชิญกับบริษัทฉีซื่อหนึ่งต่อ เขาได้ตระหนักว่า มู่วี่สิงได้นำไปใช้ตั้งนานแล้ว
“แม่ ผมต้องการเงินเพียงเล็กน้อยจากบริษัทหลินซื่อ!”
“แม้ว่าบริษัทหลินซื่อจะให้เงินกับแก ก็ช่วยบริษัทฉีซื่อไว้ไม่ได้”
สถานการณ์ในปัจจุบัน หลินเวยมองเห็นชัดเจนตั้งนานแล้ว
วิธีการของบริษัทมู่ซื่อนั้นเหนือกว่าบริษัทฉีซื่อ เขาจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้อย่างไร
“ยังไงคุณก็ไม่เชื่อผม!” ฉีเซินโกรธ “ตอนนี้สถานการณ์ของบริษัทฉีซื่อได้พลิกผันสูงขึ้นแล้ว สามารถพลิกสถานการณ์ได้แน่นอน!”
“ช่วงนี้ยาตัวใหม่หลายตัวที่แกได้วิจัยและพัฒนาเป็นการเลียนแบบยาของบริษัทมู่ซื่อหมดเลย ไม่นานองค์การอาหารและยาก็จะตรวจสอบได้ ฉีเซิน รีบหยุดเถอะ” หลินเวยเตือน
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ฉีเซินมีแนวโน้มที่จะถูกเรียกเก็บเงิน
“ไม่มีทาง ผมได้ทำการปรับปรุงแก้ไขแล้ว! ไม่ได้เลียนแบบทั้งหมด!” ฉีเซินอธิบาย
ในที่สุดสีหน้าของหลินเวยก็นิ่ง “แกกลับไปเถอะ เรื่องของบริษัทฉีซื่ออย่ามาหาฉันอีก แก ก็ไม่ต้องมาหาฉันอีกแล้ว ทั้งหมดของตระกูลฉีอยู่ในมือแก ฉันก็ไม่ได้ต้องรู้สึกผิดต่อแก”
สิ้นเสียง หลินเวยก็ขึ้นรถอย่างเย็นชา
เธอสั่งคนขับ “ออกรถ”
“แต่ว่า…”
คนขับมองตรงหน้าอย่างกังวล ฉีเซินก็ยังขวางทางไว้อยู่!
“ออกรถ”
หลินเวยสั่งอีกครั้ง คนขับทำได้เพียงกัดฟัน เหยียบคันเร่ง ฉีเซินรีบวิ่งไปอีกฝั่งอย่างกล้าหาญ ใบหน้าถูกรมควัน
…
สุดท้ายสถานการณ์ของบริษัทฉีซื่อก็ดีขึ้นได้ไม่กี่วัน องค์กรอาหารและยาก็ลงมาตรวจสอบผล
“ลู่หลิน” ยาตัวให้ที่บริษัทฉีซื่อได้วิจัยและพัฒนาถูกตัดสินว่าได้ลอกเลียนแบบชนิดยา “ลู่หลิน”ของบริษัทมู่ซื่อ
ถูกสั่งให้หยุดขายทันที และได้ลงโทษบริษัทฉีซื่อ
ในวันนี้ หุ้นของบริษัทฉีซื่อแทบจะร่วงลง
หลิงเหยาได้จับตาดูข่าวของบริษัทฉีซื่อทุกวัน กังวลว่าเดี๋ยวบริษัทฉีซื่อก็ต้องล้มละลายแล้ว
เมื่อเห็นข่าวแบบนี้ สะใจมากโดยอัตโนมัติ
เวินจิ้งได้ยินเสียงของเธอ เดินมาก็ได้มาเห็นข่าว
ช่วงนี้สถานการณ์ของบริษัทฉีซื่อมีความผันผวน แต่ทั่วทั้งเมือง ไม่มีบริษัทไหนเต็มใจช่วยเหลือเลย
ใครๆก็คาดไว้แล้วว่าบริษัทฉีซื่ออยู่ได้ไม่นาน
สีหน้าของเวินจิ้งเรียบเฉย ไม่ค่อยรู้สึกกับสิ่งนี้มากนัก
แต่ว่า หลินเวยตอนนี้ยังคงเฝ้าดูอยู่ มันกลับเกินความคาดหมายของเธอ
ยังไงบริษัทฉีซื่อก็เป็นลูกชายที่เธอเลี้ยงมาจนโต เธอคิดว่าหลินเวยจะช่วยเหลือ แต่ตอนนี้ดูแล้ว กลับไม่
ตอนกลางคืน เวินจิ้งไปที่โรงพยาบาลไปช่วยไป๋สือจัดการธุระ ยุ่งจนดึกถึงจะออกไปได้
บางทีอาจเป็นเพราะไม่ได้พักผ่อน หัวสมองจึงเจ็บปวด เธอนั่งลงมา สีหน้าซีดขาวขึ้นเรื่อยๆ
ในมุมมืดบอดี้การ์ดที่คอยคุ้มครองเวินจิ้งอยู่ก็รีบเดินเข้ามา ในเวลาเดียวกันก็ได้รายงานให้หลิงอี้ด้วย
และมู่วี่สิง ก็ได้รับสายจากบอดี้การ์ด คนของเขาก็ได้คุ้มครองเวินจิ้งด้วยเช่นกัน
รู้ว่าหลิงอี้รีบไปให้ทัน สีหน้าของเขาเคร่งขรึมขึ้นมา ยังประชุมอยู่ ผู้บริหารได้มองใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิง ไม่กล้าเอ่ยปากครู่หนึ่ง
มู่วี่สิงนวดหว่างคิ้ว พูดเย็นชา “ต่อ”
โรงพยาบาล
คุณหมอได้รีบมาให้ทัน ตรวจอาการให้เวินจิ้ง ยืนยันว่าเวินจิ้งความดันต่ำจึงจะเป็นลม
“วันนี้ไม่ได้ทานอาหาร?” คุณหมอถาม
เวินจิ้งใช้ความคิด “ตอนเย็นยังไม่ได้ทาน”
เมื่อกี้มีเรื่องเยอะแยะมากมาย
“ต้องระวังทานอาหารให้ครบสามมื้อ ตอนนี้ร่างกายของเธอยังคงอ่อนแอ” คุณหมอแนะนำ
เวินจิ้งพยักหน้า ระยะนี้ เธอก็รู้สึกว่าร่างกายของตัวเองไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว
แต่เธอเพิ่งอายุเพียงแค่ยี่สิบห้าปี ทำไมร่างกายถึงแย่ได้ขนาดนี้?