Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 400
บทที่ 400 คิดถึงเขาตลอดเวลา
“คุณโจว บอกผมสิว่า เงื่อนไขของคุณคืออะไร? คุณใส่ร้ายเวินจิ้ง คนบงการที่อยู่เบื้องหลังเป็นใคร?” คำพูดของมู่วี่สิงนั้นเย็นชาตลอด
สำหรับท่าทีการอ่อยของโจวหย่าน ไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาเลยแม้แต่นิด
โจวหย่านรู้สึกว่า ตัวเองเหมือนกับกำลังนั่งคุยธุรกิจ สนทนากันอย่างเยือกเย็น
ฉากที่เธอต้องการไม่ใช่เป็นแบบนี้
“ฉันต้องการให้คุณแต่งงานกับฉัน” เธอเรียกความกล้าหาญขึ้นมา คำพูดนี้ได้ถูกเก็บไว้ในใจเธอมานานมากแล้ว
เธอไม่เคยคิดว่าสักวันเธอจะได้พอเจอมู่วี่สิงอีก หากได้พบเจอเขาอีกครั้ง เธอจะไม่ยอมปล่อยเขาไปอีก
ได้ยินทุกคำพูด แต่สีหน้าของมู่วี่สิงก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลง
อดีตที่เป็นเย่เฟยเฟย และปัจจุบันที่เป็นโจวหย่าน ก็ยังคงเป็นบุคคลเดียวกัน
เขาเข้าใจ
“ถ้าหากผมไม่แต่งงานกับคุณ คุณก็จะไม่ช่วยเวินจิ้งชี้แจงใช่ไหม หืม?” เสียงจากลำคอเขาต่ำมาก อันตรายมาก
เมื่อมองสายตาของโจวหย่าน ยิ่งทำให้เธอรู้สึกเกรงกลัวอย่างบอกไม่ถูก
แต่ในเวลานี้ เธอยังคงกล้าหาญและพูดว่า “ฉันไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดอะไร ถ้าหากคุณแต่งงานกับฉัน คุณก็จะเป็นสามีของฉันแล้ว ฉันต้องช่วยคุณอยู่แล้ว มิฉะนั้น เรื่องที่คุณพูดมาฉันจะไม่เข้าไปยุ่งเด็ดขาด”
มู่วี่สิงขมวดคิ้ว และเข้าใจความหมายของโจวหย่าน
และยิ่งชัดเจนว่า ถ้าหากโจวหย่านไม่ออกหน้าให้ เรื่องเวินจิ้งถูกให้ออกจากมหาวิทยาลัยเกือบจะเป็นเรื่องจริงในไม่ช้า
ด้วยความสามารถของมหาวิทยาลัยหลินไห่เขาไม่สามารถที่จะทำให้สั่นคลอนได้ ผู้หญิงที่อยู่ตอนนี้ คือจุดก้าวผ่านเพียงอย่างเดียว
มู่วี่สิงกดบีบที่ระหว่างคิว ไม่ได้ดื่มไวน์ แต่ได้หยิบแก้วน้ำมะนาวที่อยู่ด้านข้างขึ้นมา
ลูกเล่นเล็กๆน้อยๆพวกนั้นของโจวหย่าน เขาทราบเป็นอย่างดี
ในแก้วไวน์ได้ใส่ของพวกนั้นลงไปแล้ว
“เป็นอย่างไรบ้าง มู่วี่สิง แต่งกับฉันไม่เสียเปรียบแน่ ตอนนี้ครอบครัวของพ่อเลี้ยงฉัน ใหญ่กว่าบ้านตระกูลเย่มาก” โจวหย่านมองเขาด้วยความคาดหวัง
แต่มู่วี่สิงตั้งแต่แรกถึงตอนนี้ ยังคงเย็นชาไม่เปลี่ยนทำให้เธอรู้สึกจิตใจเย็นยะเยือก
สายตาเธอลดต่ำลง สีหน้าค่อยๆเปลี่ยนเหมือนหงอยเหงา
“โจวหย่าน พวกเราสามารถแต่งงานกันได้”
เมื่อเธอเกือบหมดความมั่นใจ พอได้ยินคำพูดน้ำเสียงต่ำๆของมู่วี่สิงแล้ว
แสงในดวงตาของเธอก็ค่อยๆสว่างขึ้นมา เธอจ้องมองชายรูปงามอยู่ตรงหน้าเธอโดยไม่กระพริบตา
เธอไม่ได้ฝันไปใช่ไหม……
ใช้แรงบีบต้นขาอย่างแรง เจ็บ
นี่มันเป็นเรื่องจริง
“มู่วี่สิง……”เธอมองเขาอย่างปลาบปลื้ม รอยยิ้มบนใบหน้ายิ่งยิ้มยิ่งลึกเข้าไป
“กลับหนานเฉิงกับผม” มู่วี่สิงพูดอย่างเฉยเมย และไม่ได้กินอาหารเย็นมื้อนี้ต่อ
หัวใจของโจวหย่านเริ่มเบ่งบานขึ้น เธอวิ่งเหยาะเพื่อตามไปให้ทันมู่วี่สิง “ฉันจะกลับไปกับคุณทันที แล้วพวกเราจะแต่งงานกันเมื่อไรดี”
“หนึ่งเดือนต่อมา”
“พรุ่งนี้เช้ารอผมที่สนามบินนะ” หลังจากส่งโจวหย่านกลับไปแล้ว มู่วี่สิงได้สั่งไว้
“คุณไม่มารับฉันเหรอ?” โจวหย่านมองเขาด้วยความคาดหวัง
“ผมยุ่งมาก” สีหน้าของมู่วี่สิงซีดมาก
โจวหย่านกัดริมฝีปากเล็กน้อย กำลังจะอ้าปากพูด เสียงอันขุ่นมัวของมู่วี่สิงก็ได้แทรกดังขึ้นมา “ในเมื่อการแต่งงานนี้เกิดขึ้นซึ่งการข่มขู่ของคุณ ก็อย่าคาดหวังว่าผมจะสนใจอะไรคุณมากมาย โจวหย่าน ผมไม่ชอบคุณ”
ผมไม่ชอบคุณ
คำพูดของมู่วี่สิงชัดเจนจนสะท้อนไปมาในหัวสมองของโจวหย่าน ชั่งหมุนเวียนจริง
เธอสะอึกสะอื้นและวิ่งเข้าไปในบ้านพัก
พี่ชายโจวเซินเดินลงชั้นล่างพอดีโจวหย่านไม่ทันได้มองทาง วิ่งตรงชนเข้าไปในอ้อมกอดของเขา
“โอ้” โจวหย่านเกิดอารมณ์เสีย
โจวเซินคิ้วขมวด และประคองน้องสาวไว้ “ใครทำให้เธอร้องไห้นี่?”
“ฉันเอง”
โจวเซินขมวดคิ้วจนหว่างคิ้วยิ่งลึกขึ้น สายตามองไปที่ประตู มุมปากอันเยือกเย็นค่อยๆโค้งเว้าจนเกิดเป็นรอยยิ้ม
“มู่วี่สิงคุยกันเป็นอย่างไรบ้าง?” เขานั่งอยู่บนโซฟา เสื้อเชิ้ตสีดำสนิทคลุมอยู่บนตัว รัศมีทั้งตัวค่อนข้างที่ลึกลับ
“เขาตอบตกลงที่จะแต่งงานกับฉันแล้ว แต่เขาบอกว่าเขาไม่ชอบฉัน” โจวหย่านรู้สึกเสียใจมาก
“นั่นมันไม่ใช่สิ่งที่คาดหวังไว้เหรอ?” ปลายนิ้วอันเรียวยาวของโจวเซินเปิดไฟแช็กออกมา แสงจากเปลวไฟกระทบกับใบหน้าอันหล่อเหลาและมีเสน่ห์อันล้ำลึก
“แต่ว่า……เขาและเวินจิ้งหย่าร้างกันแล้ว ทำไมไม่สามารถชอบฉันบ้างเหรอ?”
“เธอแต่งกับเขาได้ ก็พอแล้ว” โจวเซินสูบบุหรี่อย่างดูดดื่ม
โจวหย่านปูดแก้มของเขาแล้วพูดอย่างจริงจังว่า “ฉันไม่เพียงแต่จะแต่งงานกับเขา ฉันยังต้องการทำให้เขาตกหลุมรักฉัน”
โจวเซินเอนศีรษะของเขา และมองไปยังน้องสาวที่อายุเยาว์วัย แต่งกายได้เหมือนผู้ใหญ่มากพอ แต่ด้านจิตใจยังคงขาดความเป็นผู้ใหญ่อยู่บ้าง
หลังจากหนึ่งปีแห่งการฝึกอบรม ยังไม่มีความก้าวหน้าอะไรมากนัก
“อย่างนั้นก็ขอให้น้องสาวของผมโชคดีนะ จำไว้นะ สิ่งที่ไม่ควรพูด ก็หุบปากไว้บ้าง” โจวเซินเตือน
โจวหย่านมองเงาด้านหลังของพี่ชาย รอยยิ้มที่เย็นชาของเขาเมื่อตะกี้ ทำให้ร่างกายของเธอทนไม่ไหวสั่นเทาขึ้นมาทันที
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามสงบอารมณ์ของเธอไว้
พรุ่งนี้เธอก็จะสามารถติดตามมู่วี่สิงไปยังหนานเฉิงแล้ว จากนั้นเธอก็จะมีโอกาสหลุดพ้นจากโจวเซินแล้ว
หนานเฉิง
หลิงอี้ส่งเวินจิ้งกลับไปยังมหาวิทยาลัย สีหน้าของเธอดีขึ้นมาก
เมื่อนึกถึงสภาพร่างกายของเธอแล้ว หลิงอี้ก็พูดอะไรไม่ออก
แต่สุดท้ายแล้ว อะไรก็ไม่ได้พูดออกมา
“วันนี้ขอบคุณคุณมากๆนะคะ” เวินจิ้งพูดอย่างมีมารยาท
“ไม่ต้องเกรงใจขนาดนี้หรอก” หลิงอี้มองเธอลงจากรถ สายตาที่ลดต่ำลงด้วยความหลงใหลเธอค่อยๆกระจายออกไป
จับพวงมาลัยไว้แน่น ตั้งนานก็ยังไม่ขับออกไป
เวินจิ้งกลับถึงหอพัก ยังมีการบ้านอีกมากมายที่ต้องทำ เธอกำลังที่จะเข้าสู่ท่ามกลางการศึกษาเรียนรู้
สายตารีบจ้องมองไปยังปฏิทิน ยังมีเวลา……3วัน
เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วมองไปที่หน้าจอโดยไม่เห็นมีข่าวสารอะไรเลย มู่วี่สิงยังคงไม่ได้ติดต่อหาเธอ
เธอไม่ควรนำความหวังไปฝากไว้กับตัวเขาใช่ไหม?
แต่เธอคิดเสมอว่า ทั้งสองมีความสัมพันธ์แบบคู่รักกันแล้ว
แต่หากเป็นเช่นนี้ แล้วทำไมเขาถึงไม่ติดต่อมาหาเธอเป็นเวลาสองวันเต็มๆ?
จิตใจของเวินจิ้งเศร้าหมองลง ปลายนิ้วยังคงหยุดอยู่ตรงหมายเลขโทรศัพท์ของมู่วี่สิง กดโทรออกไป
ครั้งนี้ ในที่สุดก็โทรติดสาย
“เวินจิ้ง” เสียงของเขาแหบแห้งมาก ดูเหมือนว่ามีการพักผ่อนไม่เพียงพอ
“ฉันอยากถามว่า……คุณพบเจอพยาบาลคนนั้นไหม?” เวินจิ้งถามตรงเข้าสู่เรื่องหลัก
“อื่ม พบแล้ว”
“แล้วเธอสามารถกลับมาที่หนานเฉิงได้ไหม?”
“พวกเรากลับมาถึงพรุ่งนี้เช้า”
นี่เห็นได้ชัดว่าเป็นข่าวดี แต่เวินจิ้งกลับยิ้มไม่ออก
ถึงกับรู้สึกอยากร้องไห้
“โอเคฉันทราบแล้วค่ะ”
ไม่นาน เวินจิ้งก็วางสายโทรศัพท์ การสนทนาระหว่างคนทั้งสอง ทำไมถึงเปลี่ยนมาเย็นชาแบบนี้
เธออยากจะใส่ใจเขา แต่เธอก็ไม่ได้พูดออกมาจากปากของเธอ
บางที พรุ่งนี้รอมู่วี่สิงกลับมาทุกอย่างก็อาจจะดีขึ้น เขาแค่ทำงานเหนื่อยไปหน่อย
เวินจิ้งปลอบโยนตัวเองเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่คืนนี้ คงนอนไม่หลับ
วันรุ่งขึ้น สนามบินที่หนานเฉิง
โจวหย่านไม่ได้กลับมาพร้อมกับมู่วี่สิง ซึ่งเที่ยวบินของมู่วี่สิงเร็วกว่าเธอ1ชั่วโมง
อย่างไรก็ตาม เขาได้จัดรถให้ไปรับ จุดหมายปลายทางคือมหาวิทยาลัยหลินไห่
เพิ่งจะขึ้นรถ โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
“เดี๋ยวไปถึงมหาวิทยาลัย เกาเชียนจะพาคุณไปหาเวินจิ้ง” น้ำเสียงอันขุ่นมัวของมู่วี่สิง
โจวหย่านกัดริมฝีปากเล็กน้อย พูดอย่างไม่พอใจ “ตอนนี้ฉันยังไม่อยากไป ฉันเหนื่อยมาก ฉันต้องการพักผ่อน”
“อื่ม อย่างนั้นก็ไปพักผ่อนที่อพาร์ทเมนต์ก่อน ช่วงบ่ายค่อยไปมหาวิทยาลัย”
“มู่วี่สิง คุณจำเป็นต้องรีบขนาดนี้หรือ” โจวหย่านพูดอย่างไม่รื่นหู
“ใช่ ไม่อย่างนั้น คุณจะไม่ได้เห็นฉันในวันนี้หรอก” มู่วี่สิงพูดด้วยน้ำเสียงอันเยือกเย็น
โจวหย่านบึนปาก ไม่พบมู่วี่สิง……เธอคงจะเสียใจมาก
“ฉันจะไปช่วงตอนบ่ายนะ”
หลังจากวางสายแล้ว โจวหย่านก็ได้สั่งให้เกาเชียนส่งเธอไปที่มหาวิทยาลัย