Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 411
บทที่ 411 ไม่กลัวฉันไปพังงานเธอเหรอ
หลินเวยดีใจเป็นที่สุด ที่ได้เจอเวินจิ้ง และรู้ว่าเวินจิ้งนั้นยุ่ง และไม่ได้โทรมาหาเธอนานมากแล้ว
“หลิงอี้ ขอโทษที่รบกวนนะ”
“ผมมาทางเดียวกันพอดีครับ เวินจิ้ง วันพรุ่งนี้ผมมารับคุณกลับมหาวิทยาลัยนะ” หลิงอี้พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
เวินจิ้งขมวดคิ้ว แล้วพูดเบาๆ ว่า“ไม่เป็นไร ฉันกลับเองได้”
หลินเวยเห็นสีหน้าหมางเมินของลูกสาว ก็ได้แต่แอบถอนหายใจออกมาเบาๆ
หลังจากหลิงอี้จากไป เธอและเวินจิ้งก็นั่งบนโซฟา และถามด้วยความกังวล “เร็วๆ นี้ มู่วี่สิงกับโจวหย่านกำลังจะแต่งงานกัน มันเป็นเรื่องจริงไหม?”
“หนู……หนูไม่ทราบค่ะ”เวินจิ้งสีหน้านิ่งเรียบ พร้อมกับส่ายหน้าไปมา
“หลิงอี้ เด็กคนนั้น เขาจริงใจต่อลูกนะ”หลินเวยพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก
“แม่คะ ครั้งหน้าไม่ต้องพูดอีกนะ เมื่อก่อนหนูไม่ได้ชอบเขา ตอนนี้ก็ไม่ได้ชอบ ในอนาคตก็ไม่คิดจะชอบเขา หรือแม่จะให้หนูแต่งงานกับเขาเพื่อประโยชน์ของครอบครัวคะ ?”เวินจิ้งพูดด้วยความอดกลั้น
หลินเวยหยุดนิ่ง และไม่พูดอะไรต่อ
เพื่อผลประโยชน์ของครอบครัวเหรอ……ตอนนี้ตระกูลหลินแข็งแกร่งพอที่จะไม่ต้องทำอย่างนี้
เธอก็แค่ไม่ต้องการที่จะเห็นลูกสาวของเธอ ยังคงคิดถึงมู่วี่สิง
“แม่ไม่ได้คิดอย่างนั้นนะ หรือหนูชอบผู้ชายแบบไหน เดี๋ยวแม่แนะนำให้”
“แม่คะ ตอนนี้หนูยังไม่ได้คิดเรื่องแต่งงานค่ะ”เวินจิ้งกดคิ้วลงอย่างเหนื่อยล้า
“หนูขึ้นไปพักผ่อนแล้วนะคะ”พูดจบ ก็เดินนำขึ้นไปข้างบน
วันรุ่งขึ้น เวินจิ้งถูกปลุกให้ตื่นแต่เช้า ด้วยเสียงโทรศัพท์ เป็นสายจากโรงพยาบาลโทรมา ให้เธอรีบเข้าไปหาทันที
วันนี้เป็นวันทำงานวันแรกของมู่วี่สิง โรงพยาบาลกำลังขาดบุคลากร ในระยะเวลานี้ต้องการให้เวินจิ้งมาแทนในตำแหน่งผู้ช่วยแพทย์
“ฉัน……”เวินจิ้งนิ่งเงียบ
ผู้ช่วยของมู่วี่สิง?
เนื่องจากเป็นความต้องการของโรงพยาบาล จึงไม่มีทางปฏิเสธได้ ยิ่งไปกว่านั้นไป๋สือก็ได้รับการยินยอมแต่แรกแล้ว
เมื่อเธอได้เป็นผู้ช่วยของมู่วี่สิง เธอจะได้เรียนรู้ในสิ่งต่างๆ เพิ่มมากขึ้น
เธอขยี้ผมอย่างหงุดหงิด หลังจากเวินจิ้งล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ ยังไม่ทันจะได้ทานอาหารเช้ากับหลินเวย ก็ได้ออกจากบ้านไปแล้ว
หลิงอี้ได้รออยู่ข้างนอกตั้งแต่เช้าแล้ว
ระยะทางจากที่นี่ไปถึงป้ายรถเมล์ถือว่าไกลพอสมควร แต่เธอไม่มีเวลาแล้ว มีแค่ทางเดียวคือหลิงอี้ต้องไปส่งเธอ
“ขอโทษที่รบกวนนะ”
“ออกมาเร็วกว่าที่ผมคิดไว้นะ”หลิงอี้เม้มริมฝีปาก ทันใดนั้นก็ขมวดคิ้วขึ้น“ไม่ได้ทานข้าวเช้าเหรอ?”
“ไม่ทานแล้ว ไปโรงพยาบาลกันเถอะ”เวินจิ้งพูด พร้อมกับคาดเข็มขัดนิรภัย
แต่กลับเห็นหลิงอี้หยิบแซนด์วิชและนมออกมาหนึ่งชุด เหมือนกับมันถูกเสกขึ้นมา
เวินจิ้งกระพริบตา ไม่ได้คาดคิดกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“ทานระหว่างทางละกันนะ ทานหมดก็คงจะใกล้ถึงที่หมายพอดี”พูดจบ เขาก็รีบสตาร์ทเครื่องยนต์ทันที
“ขอบคุณนะ”
และก็เป็นจริงอย่างที่ว่า พอดื่มนมอึกสุดท้ายจนหมด ก็มาถึงโรงพยาบาลพอดี
เวินจิ้งเรียกว่าแทบจะวิ่งเข้าโรงพยาบาล มู่วี่สิงมาก่อนเวลาแต่เช้าแล้ว เวินจิ้งหลังจากเปลี่ยนเป็นเสื้อคลุมสีขาวก็มาที่ห้องทำงาน
มู่วี่สิงได้เริ่มการรักษาผู้ป่วยไปแล้ว ไม่เพียงแค่นั้น รอบตัวเขายังถูกห้อมล้อมไปด้วยแพทย์ฝึกหัดจำนวนไม่น้อย ที่กำลังยุ่งอยู่กับการเป็นผู้ช่วยเขา
เมื่อเห็นเวินจิ้ง เขาก็ให้เธอมาอยู่ข้างๆ เขา
“นั่งลงสิ”
เวินจิ้งรู้สึกชาทั้งหัวศีรษะ,สายตารอบด้านที่มองมาที่เธอให้ความรู้สึกเหมือนนั่งอยู่บนพรมเข็มแหลม
ทั้งอิจฉา ทั้งริษยา และความไม่พอใจ
ถัดไปเป็นช่วงเวลารักษาคนป่วย เพราะความยุ่ง จึงทำให้เวินจิ้งค่อยๆ ผ่อนคลายลง ทุ่มเทให้กับงาน โดยไม่ค่อยได้ใส่ใจหรือสนใจตัวเอง ผู้ชายคนนั้นก็คือ มู่วี่สิง
ตั้งแต่เช้า เวินจิ้งแทบจะไม่มีเวลาพักเลย เวลาเกือบจะบ่ายสองโมงแล้ว มู่วี่สิงเพิ่งจะตรวจผู้ป่วยทั้งหมดเสร็จ ทั้งยังมีพยาบาลได้สั่งอาหารไว้ให้สำหรับทั้งสองคนเรียบร้อยแล้ว
ภายในห้องทำงาน เวินจิ้ง จงใจนั่งให้ห่างจาก มู่วี่สิงให้ไกลมากที่สุด
เมื่อเห็นผู้ชายคนนั้นยังคงดูบันทึกทางการแพทย์อย่างตั้งใจ เธอค่อยๆ ขมวดคิ้วขึ้น
กล่องอาหารที่วางอยู่ข้างๆ เขา ยังคงไม่ถูกแตะต้องหรือเคลื่อนย้ายเลย
“คุณหมอมู่คะ ทานข้าวก่อนไหมคะ”เวินจิ้งทนไม่ไหวที่จะเริ่มพูดก่อน
เมื่อเขาได้ยิน มู่วี่สิงก็เงยหน้าขึ้นมอง ถึงแม้ใบหน้าเขาจะดูเหนื่อยล้า แต่ก็ยังคงแสดงออกถึงความมุ่งมั่น
“มาอยู่ข้างๆ ผมหน่อยสิ”
เวินจิ้งขมวดคิ้ว ไม่ได้ยินประโยคที่มู่วี่สิงพูด เธอจะเริ่มกังวลก็ถูกแล้ว!
เมื่อมองดูเวลา ก็ถึงเวลาที่เธอใกล้จะต้องกลับไปที่มหาวิทยาลัยแล้ว ไม่สามารถอยู่ต่อได้
แต่มู่วี่สิง ก็เรียกเธอไว้“ข้อมูลของผู้ป่วยเหล่านี้ ให้คุณจัดการแยกข้อมูลรายละเอียดทั้งหมดให้เรียบร้อย ในคาบเรียนวันศุกร์ผมจะต้องใช้”
“นี่ไม่ใช่งานที่ฉันต้องทำ!”เวินจิ้งสวนตอบ
“ตอนนี้ คุณคือผู้ช่วยของผม”มู่วี่สิงเตือนเธอ
เวินจิ้งโกรธ แต่ก็ไม่สามารถตอบโต้เขาได้
นี่คือคำสั่งการของคณบดี แต่ตำแหน่งผู้ช่วยของมู่วี่สิง มองยังไงก็ยังไม่น่าจะถึงรอบของเธอ……
อันที่จริง เมื่อตะกี้ เธอเห็นแพทย์ฝึกหัดจำนวนไม่น้อย ที่อยากจะอยู่กับมู่วี่สิง
แต่ก็แค่ปล่อยเธอทิ้งไว้คนเดียว
“ก่อนวันศุกร์ฉันจะส่งให้คุณค่ะ”เวินจิ้งทำได้แค่ตอบกลับไป
ในเวลานี้ โจวหย่านในชุดพยาบาลได้ผลักประตูเข้ามา เมื่อได้เห็นเวินจิ้ง สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นแข็งทื่อ
แต่เพียงไม่นานสีหน้าก็กลับมาเป็นปกติ เธอเดินไปหยุดอยู่ข้างๆ มู่วี่สิง“วี่สิง ฉันผ่านการทดลองงานแล้วนะ แล้วก็ได้สมัครกับผู้บริหารแล้วด้วย ว่าจะมาอยู่ข้างๆ คุณน่ะค่ะ”
สีหน้าของมู่วี่สิงเฉยเมย และก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
โจวหย่านกัดริมฝีปากของเธอ แล้วหมุนตัวออกมาอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ทันกับเวินจิ้ง ที่ได้เดินออกมาแล้ว
เธอดึงการ์ดแต่งงาน ออกมาจากกระเป๋าของเธอ
“งานแต่งของฉันกับวี่สิง ถ้าเธอว่างก็มาได้นะ”
เวินจิ้งขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่ได้รับมา
“ไม่กลัวฉันไปพังงานเธอเหรอ?”เธอพูดน้ำเสียงเยือกเย็น
“ไม่กลัว พังได้ก็ตามฝีมือ”โจวหย่านยักคิ้ว
ปัจจุบันของโจวหย่าน ท้ายที่สุดก็ได้ถอดความไร้เดียวสาออกไป ตั้งแต่หนึ่งปีที่แล้ว โตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก
การเปลี่ยนแปลงนี้ ทำให้เวินจิ้ง คาดไม่ถึง
เมื่อก่อนคิดว่าเธอเป็นแค่เด็กสาวคนหนึ่ง แต่ว่าตอนนี้ กลับคิดว่าเธอเหมือนกับผู้ใหญ่คนหนึ่ง
“รับไปเถอะน่า ฉันไม่ได้อาฆาตพยาบาทนะ แค่หวังว่างานแต่งงาน จะมีคนเยอะหน่อย ให้มันคึกครื้นน่ะ”แล้วก็ยัดการ์ดเชิญใส่ไว้ในมือของเวินจิ้ง แล้วโจวหย่านก็รีบกลับเข้าไป ที่ห้องทำงานของมู่วี่สิงทันที
เธอพูดด้วยความตื่นเต้นว่า“รายละเอียดของงานแต่งงาน ฉันได้ตรวจสอบกับผู้ช่วยเกาแล้วนะคะ เวลาก็ช่างผ่านไปเร็วเนอะ เหลืออีกแค่หนึ่งอาทิตย์ พวกเราก็จะแต่งงานกันแล้วค่ะ”
มู่วี่สิงสีหน้าเรียบนิ่ง“โจวหย่าน นี่คือสิ่งที่คุณต้องการจริงๆ ใช่ไหม?แต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักคุณเลย”
คำพูดของมู่วี่สิง ตรงไปตรงมา และไม่ได้ใส่ใจ
โจวหย่านนิ่งงัน แน่นอนว่านี่คือสิ่งที่เธอต้องการ
ตราบใดที่ได้อยู่ข้างๆ เขา แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว
เธอจะทำให้เขาตกหลุมรักเธออย่างช้าๆ
“มู่วี่สิง นี่คือความปรารถนาของฉันมาตลอด”โจวหย่านพูดอย่างมั่นใจ
มู่วี่สิงกระตุกริมฝีปากบาง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความหม่นหมอง
……
การสอบปิดภาคเรียนใกล้เข้ามาถึงแล้ว เวินจิ้ง วิ่งไปวิ่งมา ระหว่างโรงพยาบาลและมหาวิทยาลัย รอจนถึงเช้าวันพฤหัส ถึงจะจัดการทำเอกสารที่มู่วี่สิต้องการ แล้วส่งเข้าเมลล์เขาทันที
หลังจากจัดการเรื่องนั้นเสร็จ เวินจิ้งก็ได้รับสายโทรศัพท์จากหลินเวย ว่าให้ไปทานอาหาร ที่ร้านอาหารยุโรปในใจกลางเมือง หลังจากเธอเลิกเรียน รถของตระกูลหลินก็ได้มารอรับเธอก่อนแล้ว
เธอคิดว่าจะเป็นมื้อเย็นสำหรับสองคน แต่ไม่คิดว่าทั้งโต๊ะจะมีคนจำนวนหนึ่ง
“เสี่ยวจิ้ง มานั่งนี่มา ท่านนี้คือคุณน้าหลี่ และนี่คือลูกชายของน้าเขา ชื่อหลี่ซี่จ๊ะ”
“สวัสดีครับ”หลี่ซี่ยื่นมือออกมา
เวินจิ้งสีหน้านิ่งเรียบ ใช้เวลานาน กว่าจะยื่นมือไปจับมือเขา
ตอนที่อยู่มหาวิทยาลัยนั้น เธอยุ่งมาก ยุ่งจนลืมถามหลินเวยว่า อาหารเย็นคืออะไร!
ถ้ารู้ว่านัดมาหาคู่ เธอก็คงไม่มาแล้ว!
แต่ตอนนี้ ได้แต่ฝืนใจนั่งลงไป