Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 424
บทที่ 424 เธอคือคนที่เขารักสุดหัวใจ
“เมื่อ10ปีก่อน เขาผลักคุณแม่ของพวกเราลงจากตึกชั้นที่สิบแปดด้วยมือของเขาเอง” มู่วี่สิงพูดทีละถ้อยคำ นัยน์ตาค่อยๆแดงขึ้นมา
ครั้งนี้เวินจิ้งถึงกับตกตะลึงสุดๆ ภาพเหตุการณ์แบบนี้ เธอแค่คิดยังรู้สึกขนลุกเลย
นั่นคือแม่แท้ๆนะ มู่เหิงทำได้ยังไง!
เขาทำไมถึงโหดเหี้ยมขนาดนี้!
“ผมเห็นกับตา แต่กลับขัดขวางไม่ได้” น้ำเสียงมู่วี่สิงเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
เวินจิ้งรู้สึกสงสารจากใจ เข้าไปกอดหมู่วี่สิงไว้ เธอไม่ควรพูดเรื่องนี้ขึ้นมาเลย
เรื่องนี้ เป็นฝันร้ายของหมู่วี่สิง
ชั่วชีวิตนี้ก็ไม่อยากนึกขึ้น แต่เขากลับจำเป็นต้องจำ
ถึงจะแก้แค้นให้คุณแม่ได้
“เรื่องก็ผ่านไปแล้ว มู่วี่สิง มู่เหิงเขาต้องได้รับการลงโทษแน่นอน” เวินจิ้งกระซิบเบาๆ
เธอก็รู้สึกทรมานมาก นึกถึงเมื่อยี่สิบปีที่แล้วมู่วี่สิงยังเป็นเด็กอยู่เลย
กลับเห็นภาพแบบนี้กับตาตัวเอง ที่คุณแม่เจอเคราะห์ ร้ายต่อหน้าต่อตา
ถ้าหากเป็นเธอละก็ คงเป็นความเจ็บปวดที่สุดในชีวิตที่ไม่อาจรับได้
เธอทนไม่ไหวจึงร้องไห้ออกมา เพราะรู้สึกสงสาร
“อืม” อารมณ์มู่วี่สิงเย็นลงทันที
ก่อนที่จะเจอเวินจิ้ง ภาพพวกนี้จะโผล่ขึ้นมาในความฝันทุกคืน
แต่หลังจากนั้นเธอก็กลับมาอยู่ข้างกายเขาอีกครั้ง
ในที่สุดเขาก็มีเธอมาอยู่เคียงข้างตลอดไป
ยกคางของเธอ เขาจูบลงเบาๆที่น้ำตาเธอ อย่างระมัดระวัง เธอคือคนที่เขารักที่สุด
และเป็นที่สุดของหัวใจเขา
เขาทำใจไม่ได้ ที่เห็นเธอร้องไห้
“ไม่ร้องนะ อืม?” เสียงแหบของเขาดังอยู่ข้างหูเธอ
เวินจิ้งพยักหน้า เธอไม่ร้องไห้ เธอจ้องมองมู่วี่สิงทั้งน้ำตา จับที่หน้าเขา
“มู่วี่สิง ต่อไปเมื่อไหร่ที่คุณเสียใจ ฉันอยู่เคียงข้างคุณเสมอ”
เขาตอบรับด้วยการจูบเธอ เขากอดเธอไว้แน่นๆ แรงจนอยากขยี้ราวกับอยากให้เธอเข้าไปอยู่ในไขกระดูกของเขาปานนั้น
……….
หลินเวยพึ่งกลับมาจากบริษัทหลินซื่อ ในห้องรับแขกเต็มไปด้วยคนที่คุ้นเคย
เธอชะงักฝีเท้า เธอเงยหน้ามองฉีเซินด้วยความประหลาดใจ
ทั้งเมืองกำลังประกาศจับกุมเขา เขายังกล้ามา!
หลินเวยโกรธสุดขีด แต่พอเห็นสภาพที่น่าเวทนาของฉีเซิน ก็รู้สึกโกรธไม่ลง
“ฉีเซินเธอไม่ควรอยู่ที่นี่ ” หลินเวยมองเขาอย่างเย็นชา
ฉีเซินยิ้มอย่างเย็นชา อดีตคนที่เคยมีเกียรติและศักดิ์ศรีตอนนี้ไม่หลงเหลืออะไรแล้ว เเสื้อเชิ้ตยับยู่ยี่ หนวดเคราบนใบหน้าก็ไม่จัดการ
ลำบากสุดๆ
“คุณแม่ ผมอยู่ข้างกายแม่ตั้งหลายปี แม่จะใจดำเห็นผมถูกส่งเข้าไปอยู่ในคุกจริงเหรอครับ ” ฉีเซนตะโกน สายตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
หลินเวยเม้มปาก ถ้าบอกไม่ใจอ่อนก็เหมือนจะโกหก
แต่เรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้ว ฉีเซินหมดหนทางที่จะไปแล้ว
“ฉันเคยเตือนเธอแล้ว เธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมู่วี่สิง” หลินเวยพูดด้วยอารมณ์โมโห
“ผมถูกใส่ร้าย!” ฉีเซินพูดอย่างบ้าคลั่ง
“เธอทำผิดกฎหมายจริงๆ” หลินเวยขมวดคิ้ว
ฉีเซินหน้าบึ้งตึง “นั่นก็เพราะมู่วี่สิงบังคับผม! ไม่งั้นก็คงไม่มีการลงทุนให้บริษัทฉีซื่อกรุ๊ปทางด้านการเงิน ต้องโทษคุณแม่ที่ละเลยไม่สนใจบริษัทฉีซื่อกรุ๊ป!”
หลินเวยก้มหน้าลง นั่งบนโซฟา สีหน้าค่อยๆซีดลง
“เธอคิดจะทำยังไง”
“ช่วยผมให้ออกไปจากหนานเฉิง”
“อำนาจของหมู่วี่สิงคุมไปทั่วเมือง ฉันไม่มีหนทาง”
“ใช่เหรอ?”
วินาทีต่อมา ฉีเซินถึงกับหยิบมีดออกมา พุ่งเข้ามาหาหลินเวยอย่างรวดเร็ว เอามีดจ่อที่คอหลินเวย
“คุณแม่ ผมจะออกไปจากหนานเฉิง!”
หลินเวยกลับรู้สึกนิ่งสงบ ฉีเซินเป็นลูกที่อยู่ภายใต้การสั่งสอนของเธอ เธอยอมรับว่าเธอละเลยเขาขาดการเอาใจใส่ ทำให้เขาต้องกลายเป็นแบบทุกวันนี้
“ได้ เธอรอฉันอยู่ที่นี่ ฉันจะรีบจัดการให้
“เป็นอย่างนี้ตั้งแต่แรกก็ดีแล้ว” ฉีเซินยิ้มอย่างเย็นชา
แต่ก็ยังไม่ปล่อยหลินเวย
“โทรไปจัดการ!” เขาสั่ง
หลินเวยหยิบมือถือออกมา กดเบอร์ผู้ช่วยโทรออก
เครื่องบินส่วนตัวก็จะมาลงที่บนตึกบ้านหลินทันที
ฉีเซินถึงยอมปล่อยเธอ
หลินเวยนั่งอยู่ที่โซฟา มองฉีเซินด้วยแววตาที่ผิดหวัง
“อย่ามองผมแบบนี้ นอกจากออกไปจากที่นี่แล้ว ผมยังต้องการเงินสักก้อน” เขาข่มขู่
“ได้”
เวลานี้หลินเวยไม่มีทางเลือก
“เพียงแต่เธอกับฉันตัดขาดไม่เกี่ยวข้องกันอีกต่อไป” หลินเวยพูดอย่างเย็นชา
อีกอย่างฉีเซินเป็นคนยื่นข้อเสนอนี้เอง “ออกจากหนานเฉิง ผมก็จะไม่รบกวนแม่อีก” ฉีเซินหลับตาลง
ก่อนที่เขาจะฟื้นตัว เขาจะไม่ยอมกลับมาแน่นอน
หลินเวยเงียบ มองฉีเซินก้าวขึ้นบันไดทีละก้าวทีละก้าว เครื่องบินส่วนตัวได้มาถึงที่นั่นแล้ว
เบอร์แจ้งความโทรติดแล้ว ความลังเลแว๊บเข้ามาในสายตา แต่สุดท้ายก็บอกความเครื่องไหวของฉีเซินให้ตำรวจรู้
จ้องมองเครื่องบินส่วนตัวค่อยๆบินขึ้น ฉีเซินยื่นหัวออกมา “แม่ต่อไปพวกเราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก”
ใบหน้าหลินเวยไม่มีความรู้สึกใดๆ หันตัวกลับ พ่อบ้านวิ่งเขามาอย่างรีบร้อน
“คุณนาย ท่านบาดเจ็บครับ”
หลินเวยได้สติ พึ่งรู้ว่าที่คอถูกมีดของฉีเซินกรีดจนเป็นแผล
“ไม่มีอะไร”
“ไปหาหมอก่อนดีกว่าครับ!”
หลิงอี้พึ่งมาถึงโรงพยาบาลหนานเฉิงก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อบ้านว่าหลินเวยได้รับบาดเจ็บ
ขณะนี้เวินจิ้งที่อยู่ห้องผู้ป่วย เธอเองก็ได้ยิน
“คุณแม่เป็นอะไร?” เวินจิ้งถามอย่างกังวล
“ฉีเซินมาที่บ้านหลิน มาจี้ตัวคุณนายหลิน” หลิงอี้สีหน้าหนักแน่นจริงจัง
“ให้คุณแม่มาที่โรงพยาบาลหนานเฉิงเถอะ?” เวินจิ้งบอก
“ผมจัดการให้เรียบร้อยแล้ว คุณไม่ต้องเป็นห่วง”
ทันใดนั้น ผู้ช่วยของหลิงอี้เคาะประตูจากข้างนอก
“คุณหลิง ข่าวพึ่งรายงานมาว่าฉีเซินถูกจับกุมแล้ว”
ได้ยินข่าว หลิงอี้ถึงกับโล่งอก
“คอยจับตาดูความเครื่องไหวของฉีเซินไว้ตลอดนะ” หลิงอี้ออกคำสั่ง
ในใจเวินจิ้งห่วงแต่หลินเวย เรื่องของฉีเซินจะเป็นยังไงเธอไม่อยากรับรู้
“ไม่นาน หลินเวยมาถึงโรงพยาบาล เวินจิ้งไป คลินิกมีหลิงอี้ไปเป็นเพื่อน
“แม่คะ!” เห็นเลือดที่คอของหลินเวย เวินจิ้งยิ่งเป็นห่วงมากขึ้น
คุณหมอทำแผลห้ามเลือดให้อย่างรวดเร็ว แต่สีหน้าหลินเวยซีดมาก
เวินจิ้งจับมือคุณแม่ รู้ได้ชัดเจนว่าแม่กำลังสั่นอยู่
” ไม่มีอะไรแล้วค่ะ แม่”
“ทำให้หนูเป็นห่วงแล้วนะ เสี่ยวจิ้ง” หลินเวยยิ้ม
“ฉีเซินทำไมถึงมาบ้านหลินได้คะ”
“เขาแอบพังประตูเข้ามา คงคิดไว้แล้วว่าแม่ต้องกลับมาเวลานั้น เวลานี้เขาคงถูกจับกุมแล้วมั้ง”
“คุณนายหลิน ฉีเซินถูกจับไปที่ศาลเรียบร้อยแล้วครับ ทางตำรวจยืนยันแล้วว่าห้ามประกันตัว คุณวางใจได้” หลิงอี้อธิบายอยู่ข้างๆ
“คิดไม่ถึงว่าเขาจะเกลียดฉันขนาดนี้” หลินเวยพูดเสียงเบาๆ
นึกถึงเมื่อกี้ตอนฉีเซินข่มขู่เธอด้วยอารมณ์โกรธแค้น ยังไงเธอก็รู้สึกสงสารเขา
เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เด็ก จะมากจะน้อยถึงยังไงก็มีความผูกพันอยู่
เวินจิ้งจับมือที่สั่งระริกของแม่ ปลอบใจ “ในเมื่อฉีเซินเขาทำผิดกฎหมาย ก็เพราะตัวเขาเป็นคนเดินผิดทางเอง”
“ตอนแรกที่เขาทำแบบนี้กับมู่ซือซือ แม่ก็ไม่ควรทำเป็นเมินเฉย” หลินเวยส่ายศีรษะอย่างผิดหวัง
ห่างจากนี่ไม่ไกล มู่วี่สิงมองพวกเขาสามคนอยู่ห่างๆ มันช่างเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันจริงๆ
สีหน้าเขาบึ้งตึง มืดขรึมที่สุด
สักพัก เลยเดินเข้าห้องทำงานของตัวเองไป