Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 444
บทที่444 ไม่ควรแทรกแซง
บนเครื่องบิน เวินจิ้งคิดไม่ถึงว่าจะได้เจอกับโจวเซินอีก
ที่นั่งของทั้งสองคนห่างกับเพียงแค่ทางเดินเดียว ทางซ้ายของเวินจิ้งคือมู่วี่สิง ทางขวาก็คือโจวเซิน
ถอดแว่นกันแดดออก โจวเซินหรี่ตาลง และงอริมฝีปากยิ้ม “คุณเวิน พบกันอีกแล้วนะ”
เวินจิ้งขมวดคิ้ว ไม่ต้องการให้ความสนใจผู้ชายคนนี้
โจวเซินก็ไม่ได้รู้สึกรำคาญใจ ทักทายเสร็จก็สวมแว่นกันแดดกลับไป และนอนหลับไปเกือบตลอดทาง
ปลายทางอยู่ไม่ไกล ในขณะที่ลงจากเครื่องบินเวินจิ้งรู้สึกง่วงเล็กน้อย
มู่วี่สิงพาเวินจิ้งลงจากเครื่องบิน ต้องผ่านด้านข้างของโจวเซินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ทันใดนั้นเขาได้พูดขึ้นอย่างเฉยเมย “คุณมู่ต้องกลับแล้ว น่าเสียดายจริงๆ”
มู่วี่สิงหยุดนิ่งแล้วมองไปอย่างเย็นชา
“ในเมื่อคุณโจวเจ้าเล่ห์ ทำไมผมจะต้องเสียเวลาด้วย”
“คุณไม่ควรจะยื่นมือเข้ามาตั้งแต่แรก”
พูดจบ โจวเซินก็ได้ก้าวขาอันยาวของเขาเดินออกไปก่อน
มู่วี่สิงที่กำลังจับมือของเวินจิ้งอยู่ ค่อยๆเกร็งแน่นขึ้นเรื่อยๆ
“มู่วี่สิง….” เวินจิ้งขมวดคิ้ว เริ่มรู้สึกเจ็บเล็กน้อย
สีหน้าที่ตึงเครียดของมู่วี่สิงก็เริ่มอ่อนโยนลงเล็กน้อย เดินออกจากเครื่องบินอย่างไร้ความรู้สึก
เวินจิ้งไม่เข้าใจความหมายของการสนทนาระหว่างทั้งสองคน แต่เมื่อมองไปยังสีหน้าอันเคร่งขรึมของมู่วี่สิง จึงไม่ได้ถามอะไร
กลับมาถึงตระกูลหลิน สีหน้าของมู่วี่สิงยังคงเคร่งขรึม
“ฉันกลับแล้วนะ” เวินจิ้งมองเขาอย่างอาวรณ์
มู่วี่สิงก็จับมือของเธอไว้ไม่ยอมปล่อย
อารมณ์ในดวงตานั้นดูลึกล้ำ ซึ่งเวินจิ้งไม่สามารถจะเข้าใจได้
“พรุ่งนี้ไปตรวจที่โรงพยาบาล ยาใกล้หมดแล้วนินา” เขาถาม
เวินจิ้งพยักหน้า แต่เมื่อคิดถึงยาพวกนั้น ก็ไม่น่ากินเลยจริงๆ มันเป็นยาเม็ด ที่ขมมาก
“ยานี้ต้องกินอีกนานแค่ไหน ฉันคิดว่าช่วงนี้ก็ไม่ได้รู้สึกไม่สบายอะไรแล้ว”
“หนึ่งปี” มู่วี่สิงบอก
เวินจิ้งหน้าซีด “ทำไมล่ะ ฉันก็เรียนหมอนะ ผ่านตัดก็สำเร็จหมดแล้ว แม้แต่ยาแก้อักเสบไม่จำเป็นต้องกินนานขนาดนี้เลย”
ช่วงนี้เธออ่านเวชระเบียนจำนวนไม่น้อย หลังจากผ่าตัดสมองสำเร็จ หากไม่มีภาวะแทรกซ้อนก็ไม่จำเป็นต้องกินยาเป็นเวลานาน
มู่วี่สิงเม้มปาก และไม่ได้พูดอะไร
เขาไม่คิดจะหลอกเวินจิ้งเลย
เมื่อมองดูใบหน้าที่ตึงเครียดของเขา ในหัวของเวินจิ้งก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่าง
“หรือว่าการผ่าตัดของฉัน…..มันไม่สำเร็จ” เวินจิ้งถามอย่างวิตกกังวล
มู่วี่สิงมองดูเธอและส่ายหัว
“การผ่าตัดเรียบร้อยดีมาก แต่เชื่อผมเถอะ ตอนนี้คุณยังจำเป็นต้องกินยา”
เวินจิ้งมองไปยังเขา สีหน้าค่อยๆจมลง
ด้วยสัญชาตญาณแล้ว มู่วี่สิงไม่ได้พูดความจริง
“ฉันรู้แล้ว”
พูดจบ เวินจิ้งเริ่มหงุดหงิดเล็กน้อย เมื่อกลับถึงตระกูลหลิน เธอก็โทรหาไป๋สือ นำเรื่องของตัวเองอ้างไปว่าเป็นเรื่องของเพื่อนแล้วนำไปถามกับศาสตราจารย์
ไป๋สือก็ยังคงมีความสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ จึงขอให้เวินจิ้งนำตัวยามาให้เขาดู
บ่ายวันนั้น เวินจิ้งมายังบ้านของศาสตราจารย์ไป๋
แต่คิดไม่ถึงว่าจะอยู่ในบริเวณเดียวกันกับวิลล่าของตระกูลหลิน——ไป๋ลู่
“เวินจิ้งเหรอ” ไป๋ลู่รู้สึกแปลกใจ เมื่อได้สติกลับมาจึงรีบเปิดประตูทันที
เมื่อเวินจิ้งคิดถึงชื่อของไป๋ลู่ไป๋ลู่ไป๋สือ หรือว่าจะเป็นพ่อลูกกัน
“เวินจิ้งมาแล้วเหรอ” ในห้องรับแขก เสียงของไป๋สือดังออกมา
“พ่อ เวินจิ้งเป็นนักศึกษาของพ่อเหรอ” ไป๋ลู่ ถาม
“อืม เวินจิ้ง ขึ้นมาบนห้องหนังสือเถอะ” ไป๋สือเชิญเธอ
ไป๋สือไม่รู้เรื่องการผ่าตัดของเวินจิ้งมาก่อน นอกจากญาติที่สนิทและเพื่อน เรื่องนี้ก็ไม่ได้แพร่ออกไป
ไป๋สือดูยาเหล่านี้ สีหน้าเริ่มไม่ค่อยดี
“นี่เป็นยาต้องห้าม ในทางประสาทวิทยาและสมองไม่อนุญาตให้ใช้ยานี้มานานแล้ว เพื่อนของเธอใช้ยาชนิดนี้ ฉันเองก็บอกไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น” ไป๋สือส่ายหน้า
ยาชนิดนี้มีผลข้างเคียงมากเกินไป
“ยาต้องห้าม….อย่างนั้นที่ไหนกันถึงจะมียาแบบนี้” เวินจิ้งบ่นพึมพำ
ทำไมมู่วี่สิงถึงสั่งยานี้ให้กับเธอ
“สิ่งที่ฉันรู้ก็มีอยู่หนึ่งที่คือศูนย์วิจัยและพัฒนายาของหนานซาง แต่นับจากที่นี่แล้วก็ยังมีที่อื่นอีก ฉันก็ไม่รู้แล้ว ผลข้างเคียงของยานี้มีไม่น้อย หากใช้ระยะยาวอาจจะติดได้ จำเป็นที่จะต้องหยุดใช้แล้ว” ไป๋สือส่ายหน้า
หลังจากออกมาจากห้องหนังสือ ไป๋สือคิดจะรั้งเวินจิ้งให้อยู่กินข้าว เวินจิ้งไม่มีอารมณ์ที่จะอยู่คุยเรื่องการเรียนกับไป๋สือแล้ว และได้จากออกไป
ไป๋ลู่ ได้ออกไปส่งเธอที่หน้าประตู
“คุณก็อยู่ใกล้ๆที่นี่ มีเวลาว่างก็มาอยู่เป็นเพื่อนคุณพ่อได้ แม่เสียไปตั้งนานแล้ว คุณพ่อเหงามาก” ไป๋ลู่กล่าว
“ได้แน่นอน” เวินจิ้งยิ้ม
เมื่อมองไปยังด้านหลังของเวินจิ้งที่กำลังจากไป ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของไป๋ลู่ค่อยไปเปลี่ยนเป็นแข็งทื่อ
กลับมาถึงตระกูลหลิน เวินจิ้งก็ปิดประตูขังตัวเองไว้ในห้อง
ถึงเวลากินยาแล้ว เธอกลับโยนยาที่เหลือลงไปในถังขยะ
นอนอยู่บนเตียงอย่างเหนื่อยใจ นึกถึงความลังเลของมู่วี่สิง จริงๆแล้วเขา….ทำไมถึงต้องให้เธอกินยาพวกนี้
เมื่อได้พบกับรายงานผลการตรวจของตนเองจากโรงพยาบาลอีกแห่งหนึ่ง เมื่อดูแผ่นฟิล์มของตนเอง เวินจิ้งก็ไม่มีความเห็นใดๆ
รายงานผลการตรวจทั้งหมดแสดงให้เห็นว่าอาการป่วยของเธอไม่มีอะไรผิดปกติ
ดังนั้น ทำไมเธอถึงยังต้องกินยาประเภทต้องห้ามนี้อีก!
เวินจิ้งเอ้ย….อยากจะร้องไห้
เธอรู้สึกว่าตัวเองดีขึ้นแล้ว ทุกอย่างดีขึ้นแล้ว
แต่ตอนนี้เหตุการณ์นี้กลับทำให้เธอต้องตกอยู่ในความงุนงง การผ่าตัดอาจจะไม่ราบรื่น หรือว่า จะมีเหตุอื่นเกิดขึ้น
ไม่ได้ เธอจำเป็นต้องไปถามมู่วี่สิงให้ชัดเจน
มู่วี่สิงเพิ่งจะบอกไปว่าต้องกลับไปบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป เวินจิ้งจึงเรียกแท็กซี่มา
เธอก็เป็นเด็กฝึกงานของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป จึงรูดบัตรเข้าไปยังอาคารใหญ่ได้ แต่ที่ชั้นบนสุดนั้นมีเพียงเลขาทำงานอยู่เพียงคนเดียว
“ถ้าคุณมาหาคุณหมู่ วันนี้เขาไม่เข้ามา” เลขากล่าวอย่างสุภาพ
เวินจิ้งขมวดคิ้ว เดินไปพลางโทรหามู่วี่สิง
“ฮื้ม” ขณะนี้ น้ำเสียงของมู่วี่สิงอ่อนอยู่ไม่น้อย
“ฉันอยากพบคุณ”
“ผมมารับคุณที่ตระกูลหลิน คืนนี้มากินข้าวที่บ้านใหญ่ด้วยเถอะ” มู่วี่สิงกล่าว
เวินจิ้งรู้สึกกังวลเล็กน้อย เธอคิดจะพูดเรื่องส่วนตัวกับทู่ซี้สิว ในใจลึกๆยังรู้สึกไม่ค่อยดี
“ฉันอยู่บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป” เธอพึมพำ
“ผมกำลังจะถึง”
เวินจิ้งนั่งอยู่ที่ชั้นแรกของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป เวลาเดินผ่านไปแต่ละนาทีแต่ละวินาที ความกลัวในใจของเวินจิ้งกลับยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ
ไม่ทันถึงครึ่งชั่วโมง ร่างสูงโปร่งของมู่วี่สิงก็เดินมาจากประตู
เวินจิ้งก้มหัวลงต่ำ เวลานี้ทำได้แต่เพียงดูละครน้ำเน่าเพื่อจัดการอารมณ์ของตัวเอง
ตอนที่มู่วี่สิงเข้ามา เธอก็ไม่รู้สึกเลย
“จิ้งจิ้ง” เขาพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งขรึมข้างหู
เวินจิ้งเงยหน้าขึ้นอย่างไม่ทันระวัง ดวงตาที่แดงก่ำได้ประทับเข้าไปยังดวงตาของมู่วี่สิง
ถ้าไม่ใช่ว่าที่นี่คือบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป เธอคงจะเก็บอารมณ์ไว้ไม่ได้และโผเข้ากอดคอของเขาไว้แน่น
“มู่วี่สิง คุณบอกฉันมา ตกลงฉันเป็นอะไร คุณอย่ามาหลอกฉันอีกได้ไหม” เวินจิ้งพลางร้องไห้ไป
มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ประคองร่างของเธอ สีหน้าเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม
จับมืออันเยือกเย็นของเธอไว้ เขาพาเธอไปนั่งบนรถสีดำที่จอดอยู่ข้างนอก
เวินจิ้งมองเขาอย่างไม่กระพริบตา
“จิ้งจิ้ง คุณรู้อะไรมา” มู่วี่สิงทำหน้าเคร่งเครียด
“ยาที่ฉันกินไม่ใช่ยาแก้อักเสบทั่วไป แต่เป็นยาต้องห้าม ซึ่งอาจเสพติดได้”
“ไม่ติดหรอก ผมได้พัฒนายาตัวนี้แล้ว ตัวยานี้ใช้กำกับชิปในสมองของคุณ จำเป็นต้องใช้ยาในระยะยาว ถึงจะยับยั้งประสาทของคุณได้”
สีหน้าของเวินจิ้งซีดเซียว
“คุณพูดอะไร….”