Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 478
บทที่ 478 พรากชีวิตอย่างนุ่มนวล
งานรวมตัวอยู่ถึงดึกจึงได้ค่อยๆเลิกรากันไป ถ้าผู้หญิงได้จับกลุ่มกันคุยเรื่องหัวใจแล้ว ต่อให้กี่วันกี่คืนก็คงพูดไม่จบ
เวินจิ้งไม่อยากจะบอกลากับอั้ยเถียนและซูยิงเลย แต่เมื่อขึ้นมาบนรถ ความง่วงกลับเข้าจู่โจม
มู่วี่ฉิงพาเธอกลับไปที่การ์เด้นมูเจียวาน เวินจิ้งหลับอยู่บนรถ เธอดื่มเหล้ามานิดหน่อย หน้าของเธอเลยแดงระเรื่อ กระดุมเสื้อถูกปลดออกหนึ่งเม็ด จนเผยให้เห็นไหปลาร้าขาวนวลที่แสนจะเซ็กซี่
ในสายตาละมุนละไมของเขา มันดูยั่วยวนเป็นพิเศษ
ในตอนที่มู่วี่สิงอุ้มเธอขึ้นมา เปลวไฟในดวงตาก็ยิ่งปะทุรุนแรง
แต่ผู้หญิงในอ้อมกอดดันหลับลึก
ฟ้าใกล้จะสว่างแล้ว เมื่อร่างของเวินจิ้งสัมผัสเตียง เธอก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเองเอาไว้ในทันที
มู่วี่สิงอาบน้ำเสร็จก็เดินออกมา จากนั้นก็เอาผ้าขนหนูมาเช็ดหน้าให้เวินจิ้งถึงได้นอนบ้าง
กลิ่นเหล้าบนร่างกายของเธอแรงมาก แต่ว่ากลิ่นตัวที่หอมอ่อนๆของเธอก็พอจะทำให้เขาทนได้
เวินจิ้งนอนจนถึงตอนบ่ายถึงได้ตื่นขึ้นมา บนเตียงกว้างๆมีแค่เธอ ในห้องไม่มีเงาของมู่วี่สิงอยู่เลย
กลิ่นเหล้าบนตัว…..ยังอยู่
เวินจิ้งรู้สึกขัดๆเขินๆ เมื่อวานเธอหลับไปตั้งแต่อยู่บนรถเลยเหรอ……
เธอลงจากเตียง จากนั้นก็รีบเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำทันที แต่เมื่ออาบเสร็จถึงได้พบว่า ในห้องน้ำไม่มีชุดคลุมอาบน้ำอยู่เลย
เมื่อเช็ดตัวให้แห้ง เธอจึงใช้ผ้าขนหนูมาพันรอบตัวเอาไว้ จากนั้นก็แง้มประตูออกช้าๆ “มู่วี่สิง——“
แต่เสียงที่ตอบกลับกลับมีแต่เสียงสะท้อนของเธอเอง
เวินจิ้งขมวดคิ้ว เสื้อผ้าของเธอเลอะเหงื่อไปหมดแล้ว คงเอากลับมาใส่ใหม่ไม่ได้ ภายในห้องนอนมีตู้เสื้อผ้าอยู่ แต่ข้างในเป็นเสื้อผ้าของมู่วี่สิง
เธอวิ่งเท้าเปล่าออกมาจากห้องน้ำ ในตอนที่เพิ่งจะเปิดตู้เสื้อผ้า หน้าประตูก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมา จากนั้นก็ตามมาด้วย ประตูที่ถูกเปิดออก
เวินจิ้งนิ่งอึ้ง เมื่อเห็นชายหนุ่มที่สวมใส่เสื้อสีขาวกางเกงสีดำเดินเข้ามา มือของเธอก็แข็งค้างอยู่อย่างนั้น
ทันใดนั้นร่างกายก็รู้สึกเย็นๆ นั่นก็เพราะว่าผ้าขนหนูที่พันอยู่บนตัวของเธอมันหลุด……
เวินจิ้งรีบดึงสติกลับมา แต่มู่วี่สิงกลับเห็นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
ขายาวๆก้าวเข้ามาใกล้ จากนั้นเวินจิ้งก็ถูกเขาหมุนตัวให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอด
“ตั้งใจเหรอ? หืม?” เสียงทุ้มต่ำดูยั่วยุเอามากๆ
ใบหน้ารูปไข่ของเวินจิ้งแดงเหมือนมะเขือเทศ
“คุณออกไปเลย!” เวินจิ้งหยิบเอาเสื้อเชิ้ตตัวหนึ่งออกมาจากตู้อย่างกระฟัดกระเฟียด
แต่มู่วี่สิงกลับเร็วกว่าแย่งเอาเสื้อในมือของเธอมาถือไว้
“ผมช่วย”
เสียงนี้พรากชีวิตได้อย่างนุ่มนวล
เวินจิ้งต้านทานไม่ไหวจริงๆ
เธอยกมือขึ้น ปล่อยให้มู่วี่สิงใส่เสื้อเชิ้ตให้เธอแต่โดยดี พร้อมทั้งติดกระดุมให้ทีละเม็ดจนเสร็จ
เสื้อเชิ้ตสีขาวยาวถึงขาอ่อนของเธอพอดี จนขับให้ขาของเธอดูเรียวยาว
เมื่อใส่เสื้อผ้าเสร็จ มู่วี่สิงก็ยังคงนิ่ง
เวินจิ้งจึงดันเขาออก
“ฉันหิวแล้ว”
ปกติหลังจากเธอตื่น มู่วี่สิงจะทำอะไรอร่อยๆไว้ให้
“อืม ผมก็หิวเหมือนกัน”
พูดจบ ก็กดจูบลงมาอย่างเอาแต่ใจ มือของเขาแตะอยู่ที่เอวบางของเวินจิ้ง ดันเธอไปแนบอยู่ข้างๆตู้ การจู่โจมของเขายิ่งทวีความรุนแรงขึ้น
เวินจิ้งรู้สึกราวกับโลกหมุน พื้นที่ตรงตู้เสื้อผ้าดูจะแคบเกินไป ใครบางคนไม่พอใจจนต้องอุ้มเธอไปที่เตียง……
กว่าจะได้กินข้าวก็พลบค่ำแล้ว เวินจิ้งถลึงตาใส่มู่วี่สิงอย่างเคืองๆ แต่ใครบางคนกลับดูสดชื่นซะเหลือเกิน
“ไม่พอใจเหรอ?” มู่วี่สิงรู้อยู่แก่ใจแต่กลับจงใจถาม
“พอใจมาก” เวินจิ้งพูดมุบมิบ
“งั้นมาออกกำลังกายกัน”
เวินจิ้ง “…….”
……
วันต่อมาคือวันงานแถลงข่าวมู่วี่สิงขึ้นรับตำแหน่งประธานบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป เวินจิ้งจึงต้องลาหยุดเพื่อเข้าร่วม
งานแถลงข่าวจัดที่บริเวณชั้นหนึ่งของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป สื่อและนักข่าวต่างก็มาออกันเต็มอยู่หน้าประตูทางเขา
เวินจิ้งไม่อยากจะไปปรากฏตัวร่วมกับมู่วี่สิง เมื่อลงจากรถ เธอจึงแยกกับมู่วี่สิง
แต่กลับถูกชายหนุ่มโอบไว้ในอ้อมกอด “อยู่ข้างผมนะ”
“ไม่ได้ ฉันต้องยืนไกลๆเพื่อให้คุณได้ถ่ายรูป!” เวินจิ้งพูดขึ้นมาอย่างมีเหตุผล
เมื่อครู่เธอเห็นแล้วว่าข้างนอกมีนักข่าวตั้งเท่าไหร่ ถ้าต้องไปอยู่ต่อหน้ากล้องหลายตัวขนาดนั้น เธอคงลนลาน……
“จิ้งจิ้ง” มู่วี่สิงขมวดคิ้ว รู้สึกไม่ค่อยชอบใจ
“เอาล่ะ ฉันจะขึ้นไปแล้ว คุณกับผู้ช่วยเกาก็รีบไปได้แล้ว”
พูดจบ เธอก็เดินเข้าอีกด้านของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป
หลังจากจัดพื้นที่ให้นักข่าวได้นั่งเรียบร้อย อีกไม่นานงานแถลงข่าวก็คงจะเริ่มแล้ว
นี่คงเป็นคำสั่งพิเศษจากมู่วี่สิงแน่ๆ พนักงานต้อนรับถึงได้พาเธอมานั่งแถวแรกอย่างนี้…..
มู่เฉิงและมู่ซือซือก็มาแล้ว แต่ก็อยู่ห่างจากเวินจิ้งพอสมควร
แขกที่เข้าร่วมงานต่างก็แต่งตัวกันอย่างเต็มยศ เวินจิ้งมองเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนของตัวเองแล้ว ก็รู้สึกราวกับตัวเองมาผิดที่
หลังจากผู้อำนวยการบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปทำการกล่าวสุนทรพจน์จบ งานแถลงข่าวก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
มู่เฉิงและมู่วี่สิงยืนอยู่บนเวที ร่วมลงนามส่งมอบและรับช่วงต่อสัญญากันอย่างเป็นทางการ
ในเวลานี้เองที่แสงแฟลชก็เริ่มวูบวาบขึ้นมา สายตาของเวินจิ้งจึงเห็นแต่เงาสูงโปร่งของเขา
เขาสวมใส่ชุดสูทสำหรับทำงาน เนกไทสีฟ้าดำที่ผูกอยู่เป็นเนกไทที่เธอเลือกให้เองกับมือในวันนี้ อวัยวะทั้งห้าบนใบหน้าปลดปล่อยเสน่ห์ออกมาราวกับจะพรากชีวิตคนมอง
เมื่อสืบทอดบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับมู่วี่สิง ตำแหน่งในโลกธุรกิจก็คงหาใครเหนือกว่าไม่ได้
ตอนนี้เอง ที่เสียงอึกทึกข้างนอกดังขึ้นมาเป็นระยะๆ ตามมาด้วยนักข่าวถูกบอดี้การ์ดผลักออก จากนั้นมู่เหิงก็บุกเข้ามา
“คุณปู่ คุณปู่เข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า?”
มู่เหิงแต่งกายด้วยชุดสูทเหมือนกัน ค่อยๆก้าวเข้ามาทีละก้าว แสงแฟลชจากนักข่าวจึงเปลี่ยนมาสาดใส่ที่เขาแทน
“มู่เหิง แกมาทำไม!” สีหน้าของมู่เฉิงอึมครึม
มู่เหิงเดินขึ้นไปบนเวที มองสัญญาที่ถูกเซ็นต์แล้วเรียบร้อย จากนั้นก็หยิบขึ้นมาแล้วฉีกมันอย่างไม่คิดลังเล!
ผู้คนในงานส่งเสียงฮือฮา
มู่วี่สิงยังคงหน้านิ่ง จากนั้นไม่นานก็สั่งให้เกาเชียนเอาสัญญาฉบับใหม่มา
มู่เหิงจับได้ไมโครโฟน จากนั้นก็เอ่ยปากขึ้นว่า “สวัสดีแขกผู้เข้าร่วมงานและนักข่าวทุกท่าน ผม มู่เหิง เป็นหลานชายคนโตของตระกูลมู่ และมีสิทธิ์สืบทอดบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปแต่เพียงผู้เดียว!”
“มู่เหิง แกหยุดพูดเหลวไหลได้แล้ว!” มู่เฉิงโกรธจนสั่น
“คุณปู่ ตามข้อกำหนดของตระกูลมู่แล้วเนี่ย มีแค่หลานชายคนโตเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์สืบทอดบริษัท น้องชายผมไม่มีสิทธิ์สักหน่อย!”
“งั้นเหรอ?” มู่วี่สิงเลิกคิ้วใส่อย่างเย็นชา “แต่ฉันจำได้ ว่านายไม่ใช่คนของตระกูลมู่แล้วนี่”
“ฉันเป็นคนของตระกูลมู่! พ่อของฉันคือมู่เฟิง แม่ของฉันคือฉีซีเจ๋ที่เป็นคุณหญิงมู่อย่างถูกต้องตามกฎหมาย! ฉันเป็นลูกคนโตของพ่อกับแม่ สิทธิ์การสืบทอดบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปเป็นของฉันแค่คนเดียว”
“แกไม่ใช่!” หลังจากเสียงสั่นๆมู่เฉิงพูดขึ้นมาด้วยเสียงต่ำๆ ก็แทบจะทรงตัวไม่อยู่
มู่วี่สิงพยุงคุณปู่เอาไว้ และกำลังจะพาคุณปู่ลงจากเวที แต่ถูกห้ามเอาไว้เสียก่อน
“แกเป็นลูกนอกสมรสของมู่เฟิงกับผู้หญิงคนอื่น แกไม่มีสิทธิ์สืบทอดบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป” มู่เฉิงพูดเน้นๆทีละคำ จนดังกล้องไปทั่วบริเวณชั้นล่างของบริษัท
มู่เหิงหน้าซีด ยืนนิ่งอึ้งอยู่กับที่
แม้แต่ตัวมู่วี่สิงก็ไม่คาดคิดเหมือนกัน เรื่องนี้ เขาก็เพิ่งถูกเปิดโลกเหมือนกัน
เสียงข้างล่างเวทีเงียบไปถนัดตา สายตาต่างจับจ้องมาที่มู่เฉิง
มู่เฉิงถือไมโครโฟนขึ้นมา จากนั้นก็พูดชัดๆทีละคำว่า “มู่วี่สิงต่างหากคือหลานชายที่ถูกต้องตามหลักทำนองคลองธรรมของตระกูลมู่ เขาคือคนที่มีสิทธิ์สืบทอดแต่เพียงผู้เดียว และวันนี้เขาก็สืบทอดบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปอย่างเป็นทางการ ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานบริษัทแล้ว! และยังรับผิดชอบงานต่างประเทศของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปด้วย!”
เมื่อเสียงถูกเปล่งออกมา มู่เฉิงก็ทรุดบนเวที ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหวแล้ว