Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 499
บทที่499 อยู่เคียงข้างเธอเพื่อบรรลุความปรารถนาทุกอย่าง
ดูเหมือนว่าอารมณ์ของมู่วี่สิงจะไม่ได้รับผลกระทบจากการที่ถูกโรงพยาบาลถอดถอนการตำแหน่งเลย ยังคงปักหลักอยู่ที่ประเทศBต่อ บางครั้งก็ไปเคลียงานที่สาขาย่อยบ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็อยู่กับเวินจิ้งที่โรงแรม
เวินจิ้งเป็นกังวลมาก “งั้นต่อไปคุณก็จะไม่ได้รักษาคนไข้ที่โรงพยาบาลแล้วหรอ?”
“ไม่แน่นอน มหาวิทยาลัยหลินไห่รับข้อเสนอของคุณปู่แล้ว คงไม่ปล่อยให้ผมกลับไปดำรงตำแหน่งเหมือนเดิมง่าย ๆ หรอก”
“คุณปู่ตั้งใจบีบบังคับให้คุณกลับไปแล้วล่ะ” เวินจิ้งพูดด้วยความทุกข์
ความจริงเธอก็คิด อยู่ที่นี่ประเทศBแบบนี้ก็ไม่ดีเท่าไหร่
เรื่องบางเรื่อง เราก็ต้องเผชิญหน้ากับมัน
แต่เธอไม่รู้ว่ามู่วี่สิงคิดอย่างไร แต่ถึงยังไง เธอก็เชื่อมั่นในตัวเขา
“คุณอยากกลับไปแล้วหรอ?หา?” มู่วี่สิงเดินเข้ามา ดึงเวินจิ้งไปกอดไว้แนบอกบนโซฟาที่กว้าง ทั้งสองแนบชิดกันมาก
เวินจิ้งไม่พูดไม่จา
แน่นอนว่าเธอคิด เมืองหนานเป็นสถานที่ที่เธอเติบโตมาตั้งแต่เด็ก นี่ยังเป็นครั้งแรกที่เธอจากเมืองหนานมานานขนาดนี้
อยู่ในที่ที่ไม่คุ้นเคยแบบนี้ แม้ว่าจะมีมู่วี่สิงอยู่เคียงข้าง แต่บางเวลา ก็ยังรู้สึกว่ามันไม่ใช่ที่ของตัวเอง
ที่นี่ ไม่ใช่บ้านของเธอ
อยู่เมืองหนานเธอมีเพื่อน มีบ้านของเธอ มีมหาวิทยาลัย
“มู่วี่สิง ฉันฟังคุณ ถ้าทางมหาวิทยาลัยรับฉันกลับเข้าไปเรียนต่อไม่ได้จริง ๆ หลายวันมานี้ฉันได้คิดทบทวนอย่างดีแล้ว ฉันจะไม่ยอมเลิกเรียนหมอเด็ดขาด มากสุดก็แค่สอบเข้าไปใหม่”
“เรื่องทางมหาวิทยาลัยจัดการเรียบร้อยแล้ว อาทิตย์หน้าก็กลับไปได้แล้ว” มู่วี่สิงพูด
ได้ฟังแบบนี้ แววตาเวินจิ้งก็เป็นประกาย กระพริบตาถี่มองหน้ามู่วี่สิง
ที่เขาพูด……เป็นความจริงหรอ?
มู่วี่สิงยกมุมปากขึ้น “คุณไม่ได้ยินยอมที่จะย้ายเรียน และทางมหาวิทยาลัยก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะย้ายคุณได้ด้วยพลการ ตอนนี้ทางมหาวิทยาลัยที่ประเทศBก็ยังไม่ได้รับคุณเข้าเป็นศึกษา คุณกลับไปเรียนต่อได้เลย”
“มู่วี่สิง คุณเป็นคนช่วยฉันอีกแล้ว” เวินจิ้งพูดพลางกระซิบ
ไม่อย่างนั้น มหาวิทยาลัยที่ยอมให้เธอย้ายเรียนตั้งแต่แรก จะยอมให้เธอกลับไปเรียนต่อง่าย ๆ ได้ยังไง
“ผมนึกเหตุผลที่จะไม่ช่วยคุณ ไม่ได้จริง ๆ ”
“มู่วี่สิง ฉันไม่รู้จะตอบแทนคุณยังไงแล้ว”
“ถ้าไม่ใช่เพราะผม คุณก็คงไม่โดนคุณปู่เอาตัวไป ไม่โดนมหาวิทยาลัยไล่ออก จิ้งจิ้ง ถ้าต้องโทษก็ต้องโทษผม” มู่วี่สิงกอดเธอไว้แน่น ในแววตาก็มีความทุกข์ขึ้นมา
เขาคิดอยู่แล้วว่าคุณปู่ต้องลงมือทำอะไรอย่างแน่นอน แต่อำนาจที่มู่เฉิงมีอยู่ ไม่คิดว่าจะไม่ได้มอบให้เขาทั้งหมด
เขาต้องการควบคุมเรื่องบางเรื่อง กลับง่ายมากขึ้น
แต่ว่าช่วงนี้ อำนาจบางส่วนของมู่เฉิงถูกเขายืดมาบ้างแล้ว กลับไปเมืองหนานตอนนี้ ก็ถือว่าโอเคแล้ว
เวลานี้ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เวินจิ้งเดินไปแล้วมองจากตาแมวออกไปด้านนอก ก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร
“เป็นผู้หญิงหนึ่งคน” เวินจิ้งหันหน้ากลับมามองมู่วี่สิง
ตามหลักแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนรู้การเคลื่อนไหวของมู่วี่สิง
“เป็นสุภาพสตรี” เวินจิ้งแก้ไขคำพูดของตัวเอง
ผู้หญิงที่ยืนอยู่ด้านนอกดูเหมือนคนมีอายุหน่อยล่ะ แต่ได้รับการดูแลอย่างดี ทั้งตัวดูแพงมาก
มู่วี่สิงเดินมาจากด้านหลัง เห็นมาเป็นเลี่ยวหยง สีหน้าก็เคร่งขรึมขึ้นมา
เปิดประตู สีหน้าเลี่ยวหยงดูรีบร้อนมองดูเขา “มู่วี่สิง คุณต้องกลับเมืองหนานกับฉัน”
แค่เอ่ยปากก็พูดสั่งเลย
มู่วี่สิงไม่แยแสเลยด้วยซ้ำ และไม่ตอบอะไรกลับไปด้วย
“มู่วี่สิง คุณไม่ใช่หมอหรอ?คุณจะเห็นคนตายโดยไม่ช่วยได้อย่างไร ตอนนี้หย่านหย่านยอมให้แค่คุณที่จะทำการผ่าตัดเธอ คุณกลับไปกับฉัน……”
“คุณหญิงโจว ตอนนี้ผมไม่ได้ทำงานที่โรงพยาบาลแล้ว ถ้าร่างกายโจวหย่านมีปัญหาอะไร คุณควรจะหาหมอท่านอื่น”
“มีแค่คุณ ฉันรู้ว่าคุณเป็นหมอด้านประสาทวิทยา มู่วี่สิง ถือว่าฉันขอร้องคุณล่ะ ขอร้องเถอะนะ……กลับไปดูอาการของลูกสาวฉัน” เลี่ยวหยงก็ไม่มีทางเลือกแล้ว
ไม่คิดว่าตอนแรกที่พรากโจวหย่านออกมาจากงานแต่ง จะส่งผลกระทบในอย่างนี้ในตอนนี้
แต่ในเวลานั้น เรื่องงานแต่งของลูกสาวถูกปิดบังไว้ จะไม่ให้เธอโมโหได้อย่างไร!
เวินจิ้งฟังบทสนทนาของทั้งสอง ก็พอจะรู้ว่าสุภาพสตรีตรงหน้านี้เป็นใคร
สามารถทำให้คุณหญิงโจวมาขอร้องมู่วี่สิงด้วยตัวเองได้ เกรงว่าอาการของโจวหย่านจะไม่สู้ดีนัก
แต่มู่วี่สิงก็ยังคงเย็นชามาก
“คุณหญิงโจว เรื่องของโจวหย่าน ไม่เกี่ยวอะไรกับผม”
พูดจบ มู่วี่สิงก็ปิดประตูอย่างเย็นชา
เลี่ยวหยงที่อยู่ด้านนอกควบคุมอารมณ์ไว้ไม่อยู่ ทนไม่ไหวร้องไห้เสียงดังออกมา
มู่วี่สิงสั่งให้ รปภ.ของทางโรงแรมมาเอาตัวคนไป ชั้นนี้ถึงกลับมาเงียบสงบเหมือนเดิม
“อาการของโจวหย่าน แย่มากเลยหรอ?” เวินจิ้งถามเสียงเบา
“คุณอยากให้ผมรู้เรื่องของผู้หญิงคนอื่น?” ปลายนิ้วที่เรียวยาวของมู่วี่สิงจับที่คางของเธอขึ้นมา แววตาดูเคร่งขรึม
“ไม่อยากแน่นอน!” เวินจิ้งจับไปที่แขนของชายหนุ่มอย่างรักใคร่
ถึงยังไง เธอก็เป็นหมอ ช่วงเวลาที่ฝึกงานในโรงพยาบาล เธอเข้าใจความรู้สึกของครอบครัวผู้ป่วยดี
เมื่อกี้เลี่ยวหยงคงจะไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว
แต่เมื่อคิดถึงเรื่องที่มู่วี่สิงถูกโรงพยาบาลไล่ออกแล้ว จะให้กลับไปดูคนไข้ก็คงไม่เหมาะ
“หลังจากนี้อีกสามวันเราจะกลับเมืองหนาน หลายวันมานี้ทำให้คุณเบื่อมากแล้ว” มู่วี่สิงพูดแล้วยิ้ม
แม้ว่าหลายวันมานี้เวินจิ้งจะจดจ่อกับการอ่านหนังสือ แต่มู่วี่สิงก็เอาแต่ยุ่งเรื่องงานของบริษัท ความจริงเธอก็รู้สึกเบื่อเหมือนกัน
“ใช่ที่ไหนล่ะ นานแล้วที่ไม่ได้ใช้ชีวิตสงบ ๆ แบบนี้ กลับไปที่มหาวิทยาลัย ในทุก ๆ วันชีวิตก็จะยุ่งวุ่นวาย”
ฝึกงานในโรงพยาบาล ก็จะมีเรื่องให้ยุ่งไม่รู้จบ
“อาชีพหมอ คุณคิดดีแล้วใช่มั้ยว่าจะให้เป็นเส้นทางอาชีพในอนาคต?” มู่วี่สิงถามอย่างจริงจัง
เขามองเห็นความตั้งใจของเวินจิ้ง
แต่ลึก ๆ ในใจ เขาไม่อยากให้เธอเดินสายอาชีพนี้
“ใช่” เวินจิ้งพยักหน้าหนักแน่น
ส่วนใหญ่จะเป็นอิทธิพลจากมู่วี่สิงที่ส่งถึงเธอมากกว่า เธออยากจะเดินตามรอยเขา เป็นหมอที่เก่งอย่างเขาให้ได้
ในใจของเธอ เขาได้กลายเป็นเทพบุตรสำหรับเธอโดยไม่รู้ตัวตั้งนานแล้ว
“ผมจะค่อยสนับสนุนจิ้งจิ้งตลอดไป” มู่วี่สิงพูดด้วยน้ำเสียงที่สดใส
แค่เพียงเธออยากทำ อยากให้มันสำเร็จ เขาก็จะอยู่เคียงข้างเธอในทุก ๆ ความสำเร็จ
จนกระทั่งผ่านไปแล้วสามวัน ทั้งสองเตรียมตัวกลับเมืองหนาน ทันทีที่ออกจากโรงแรม ก็เห็นเลี่ยวหยงที่ยังรอพวกเขามาโดยตลอด
เหมือนว่าเธอก็พักอยู่ที่นี่อีกด้วย ก็เพื่อที่จะได้ดักเจอมู่วี่สิง
“คุณหมอมู่ คุณช่วยไปดูอาการลูกสาวฉันหน่อยได้มั้ย……”
“คุณหญิงโจว ทำไมคุณทำอย่างนี้ ผมไม่ได้เป็นหมอแล้ว” มู่วี่สิงพูดให้รู้
“เป็นไปได้ไง……คุณไม่ได้ทำงานที่มหาวิทยาลัยหลินไห่หรอ?ฉันเห็นประวัติของคุณ”
“ตอนนี้ผมถูกไล่ออกแล้ว” น้ำเสียงของมู่วี่สิงเย็นชามาก
“ฉันช่วยทำให้คุณกลับไปทำงานเหมือนเดิมได้!” เลี่ยวหยงจับไปที่แขนของมู่วี่สิง จับแน่นมากไม่ยอมปล่อย “ขอเพียงแค่คุณตกลงที่จะไปดูอาการของลูกสาวฉัน อะไรที่ฉันสามารถทำได้ ฉันสามารถรับปากคุณเรื่องหนึ่ง”
ได้ยินแบบนี้ มู่วี่สิงก็หยุดเดิน แล้วมองไปที่หญิงสาวด้วยสายตาที่เยือกเย็น เลี่ยวหยงรู้จักคนในแวดวงธุรกิจไม่น้อย ในตอนนี้เธอก็รู้สึกกลัวมู่วี่สิงอยู่เล็กน้อย
ชายที่อยู่ตรงหน้า ดูลึกลับจริง ๆ
“จริงหรอครับ?” มู่วี่สิงขมวดคิ้ว
“ใช่!” แววตาเลี่ยวหยงจ้องมองมู่วี่สิงอย่างรอคอย