Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 502
บทที่ 502 ยอมเสียสละเพื่อหล่อน
“จะไปเรียนต่อที่ไหน?” มู่วี่สิงถามต่อ
“ยังไม่คิดเลย”
บรรยากาศภายในรถดูอึมครึม
“มู่วี่สิง คุณไปส่งฉันที่มหาวิทยาลัยก่อนดีกว่า” เวินจิ้งกล่าว
ตอนนี้หล่อนอยากรู้ว่าทางมหาวิทยาลัยหลินไห่มีแผนรับมืออย่างไร
“อือ เดี๋ยวผมไปด้วย”
มู่วี่สิงบอกคนขับให้ออกรถ
มือน้อย ๆ ของเวินจิ้งถูกมู่วี่สิงกุมเอาไว้ ทว่ากลับห่อหุ้มไว้ด้วยความเยือกเย็น
สีหน้าของชายหนุ่มเกร็งตึง เมื่อครู่เขาดื่มเหล้าไปไม่มาก แต่ในยามนี้บนร่างกายยังคงมีกลิ่นเหล้าติดอยู่ราง ๆ ระคนกลิ่นลมหายใจเย็นชื่นที่แผ่ออกมา
จมูกของเวินจิ้งพลันแสบขึ้นมา
เมื่อคิดว่าถ้าไปเรียนต่างประเทศ รักทางไกลระหว่างหล่อนกับมู่วี่สิงก็คงเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้
มือน้อยของหล่อนคู่นั้นเกาะกุมมือใหญ่ของมู่วี่สิงเอาไว้ อย่างแน่นมาก ๆ
“มู่วี่สิง ถ้าฉันจะบอกว่า ฉันอาจจะไปเรียนต่อต่างประเทศล่ะ” เวินจิ้งกล่าวพึมพำ
วินาทีต่อมา ออร่าที่แผ่ออกมาจากร่างของมู่วี่สิงก็ยิ่งเยือกเย็นลงจริง ๆ
เวินจิ้งไม่พูดไม่จาไปชั่วขณะ
มู่วี่สิงขมวดคิ้วมุ่น สักพักหนึ่งถึงหันหน้ากลับมา ไอเย็นในแววตาถูกเขากลบปิดไว้จนมิด
เขากล่าวด้วยเสียงนุ่มนวล “จิ้งจิ้ง ถ้าหาก ฉันไม่ยอมล่ะ”
น้ำเสียงของเขาแฝงไว้ด้วยอำนาจกดดันอยู่หลายส่วน
“งั้นฉันจะคิดอีกที” เวินจิ้งพึมพำตอบ
ตอนนี้ ทุกอย่างยังไม่มีข้อสรุป
ครั้นมาถึงมหาวิทยาลัยหลินไห่ อาคารที่แสนคุ้นตาก็ทำให้เวินจิ้งบังเกิดความรู้สึกพร่าเบลอบางอย่าง
“คุณกลับไปทำงานต่อเถอะ ฉันไปคนเดียวก็ได้” เวินจิ้งปลดเข็มขัดนิรภัยออก
แววตาของมู่วี่สิงลุ่มลึก มองเวินจิ้งจนหล่อนประดักประเดิด
วินาทีต่อมา มู่วี่สิงพลันฉุดข้อมือของเวินจิ้งเอาไว้ ก่อนที่หล่อนจะสะดุดเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของเขาในทันใด
ถูกเขารัดรึงจนไม่มีที่จะหนี
“คุณกำลังจะหนีผมไป” น้ำเสียงของมู่วี่สิงบ่งบอกว่ายืนยันมั่นใจ
เวินจิ้งขบริมฝีปาก หล่อนเองก็ไม่รู้ว่าทำไม
อาจเป็นเพราะมู่เฉิงขัดขวาง หล่อนไม่อยากทำลายความสัมพันธ์ระหว่างมู่วี่สิงกับมู่เฉิง
สิ่งที่หล่อนต้องการมาโดยตลอด คือความรักที่มั่นคงยืนยาว
หากมีอุปสรรคเล็ก ๆ น้อย ๆ มาขัดขวาง หล่อนย่อมถอยหนีออกมาโดยอัตโนมัติ
“เปล่านะ มู่วี่สิง คุณคิดมากไปแล้ว” เวินจิ้งผลักเขาออก
พอหลุดคำพูดออกมา ก็แทบจะหนีลงจากรถ
มู่วี่สิงไม่ยอมจากไป แต่ยังคงรอหน้ามหาวิทยาลัยอยู่เช่นนั้น จนกระทั่งเสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือทำลายความเงียบลง
เป็นสายเรียกเข้าจากเลี่ยวหยง
“มู่วี่สิง เรามาทำข้อตกลงกัน”
…
สำนักอธิการบดี
“เวินจิ้งมาแล้วเหรอ” สีหน้าของอธิการบดีดูค่อนข้างเหนื่อยล้า
เวินจิ้งยืนอยู่ห่างจากโต๊ะทำงานระยะหนึ่ง ทอดสายตามองอธิการบดีอย่างชืดชา
เข้าเรียนมานานขนาดนี้แล้ว หล่อนจึงสัมผัสได้ว่าอธิการบดีดูจะไม่ค่อยชอบขี้หน้าหล่อนเสียเท่าไร
“ถึงแม้ฉันจะเป็นอธิการบดี แต่เหนือฉันขึ้นไปยังมีคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัย เรื่องบางเรื่อง ฉันคนเดียวไม่อาจตัดสินใจได้” อธิการบดีกล่าวอย่างมีความนัยแฝง
เวินจิ้งฟังแล้วก็เข้าใจ
“อธิการบดีคะ อย่างน้อยตัวหนูเองก็ไม่เคยอยากจะย้ายที่เรียน แต่ผลการเรียนของหนูได้รับการตอบรับจากสถาบันอื่นแล้ว หรือนี่ไม่ใช่ความผิดของมหาวิทยาลัยคะ?”
“ทางมหาวิทยาลัยน่ะ ก็คิดทำเพื่อความก้าวหน้าของตัวเธอเอง ชื่อเสียงของ มหาวิทยาลัยของประเทศB ก็ไม่ได้ขี้เหร่ไปกว่ามหาวิทยาลัยหลินไห่ของเราเลยสักนิด เธอยังได้เรียนฟรีอีกต่างหาก ไม่ดีหรือไง?”
“ดังนั้น อธิการบดีเลยอยากให้หนูไปเรียนที่ มหาวิทยาลัยของประเทศB เหรอคะ?” เวินจิ้งย้อนถามอย่างไม่สบอารมณ์
“ตอนนี้น่ะ อธิการบดีเองก็อยากจะถามความคิดของเธอเหมือนกัน ถ้าเธออยากจะอยู่ต่อ ก็ไม่มีปัญหา”
เวินจิ้งเม้มริมฝีปาก ขนคิ้วเชิดสวยขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
“ถ้าหนูอยู่ต่อ อธิการบดีคิดว่าจะให้ศาสตราจารย์ท่านไหนสอนหนูต่อคะ?” เวินจิ้งเอ่ยถามเสียงเย็น
อธิการบดีอับจนถ้อยคำไปชั่วขณะ นี่แหละที่เป็นสิ่งที่ลำบากที่สุดสำหรับเขาในตอนนี้ เบื้องบนต้องการให้เขารั้งตัวเวินจิ้งเอาไว้ แต่ปัญหาคือไม่มีศาสตราจารย์คนไหนยอมรับเวินจิ้ง เพราะถ้ารับหล่อนเป็นลูกศิษย์แล้ว ใครจะรู้ว่าภายหน้าจะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นอีก
เห็นสีหน้าลำบากใจของอธิการบดีแล้ว เวินจิ้งเลยเข้าใจ
หล่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “อธิการบดีคะ ในเมื่อศาสตราจารย์ไป๋เกษียณออกไปแล้ว หนูเองก็หมดหวังที่จะอยู่ต่อที่มหาวิทยาลัยหลินไห่แล้วเหมือนกัน ช่วงเวลาเกือบปีมานี้ อย่างไรเสียก็ต้องขอบคุณอธิการบดีที่คอยอบรมสั่งสอนหนู”
อธิการบดีมองเวินจิ้งอย่างเหนือความคาดหมาย ถึงกับนิ่งอึ้ง
เรื่องนี้ตัวเขาเองก็ไม่รู้จะจัดการอย่างไรจริง ๆ แต่ถ้าหากเวินจิ้งยอมลาออกเอง เช่นนั้นผลลัพธ์ก็นับว่าไม่เลวทีเดียว
หลังออกมาจากสำนักอธิการบดี เวินจิ้งก็กลับไปที่หอพักก่อน
อย่างน้อยเรื่องนี้ ก็ต้องบอกหลิงเหยาให้ชัดเจน
หลิงเหยาเกือบจะร้องไห้ออกมา ความอยุติธรรมที่เวินจิ้งได้รับตั้งแต่เข้าเรียนมาล้วนอยู่ในสายตาหล่อนมาโดยตลอด ไม่นึกว่าตอนนี้ยังต้องออกจากมหาวิทยาลัย หล่อนทั้งเศร้าใจและตัดอาลัยไม่ได้
“เวินจิ้ง เธอตัดสินใจแน่แล้วเหรอ? ทำไงดี ฉันไม่อยากจากเธอไปเลย…”
เวินจิ้งฝืนยิ้มขื่น โอบกอดหลิงเหยาเบา ๆ “ฉันก็ไม่อยากจากเธอไปเหมือนกัน แต่ในเมื่อตัดสินใจเลือกแล้ว ก็มาเสียใจทีหลังไม่ได้”
“เป็นเพราะศาสตราจารย์ไป๋เกษียณเหรอ?” หลิงเหยาเอ่ยถามงึมงำ
“อื้อ การเกษียณของศาสตราจารย์ไป๋เป็นสาเหตุใหญ่ที่สุด แล้วฉันเองก็ไม่อยากเรียนกับศาสตราจารย์คนอื่นแล้วด้วย”
“เอาเถอะ ฉันเคารพการตัดสินใจของเธอ แต่เธอวางแผนจะไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยไหนล่ะ?”
“ยังไม่รู้เลย…”
“ฟู่ แต่ คุณนายหลิน น่าจะปูทางไว้ให้เธอแล้วล่ะ เวินจิ้ง เธออยู่มหาวิทยาลัยหลินไห่นี่ ลำบากจริง ๆ นะ” หลิงเหยาสะท้อนใจ
มีแต่คนคิดปองร้ายเวินจิ้งทั้งในที่แจ้งที่ลับ หล่อนรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงนัก
บางที การเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมอาจจะดีขึ้นก็ได้
“ลำบากน่ะไม่เท่าไร คนเป็นหมอใครบ้างไม่ลำบาก? แต่ฉันรู้สึกเสียดายมากกว่า ที่ไม่ได้อยู่กับศาสตราจารย์ไป๋ไปจนจบการศึกษา”
“เธอจะได้เจอกับอาจารย์เก่ง ๆ คนอื่นแน่” หลิงเหยากล่าวให้กำลังใจ
ในสายตาของหล่อน ทั้งคุณสมบัติและความสามารถของเวินจิ้งล้วนอยู่ในขั้นสุดยอด หล่อนคู่ควรกับสิ่งที่ดีกว่า
เวินจิ้งแย้มยิ้ม ก่อนจะเก็บเสื้อผ้าบางส่วนในหอไปพลาง ๆ หลังจากบอกลาหลิงเหยาแล้ว ถึงได้ออกจากมหาวิทยาลัย
ข้าวของในหอย้ายทีเดียวไม่หมด หล่อนยังต้องหาเวลากลับมาเก็บข้าวของอื่น ๆ อีก
พอเดินออกมาจากหอพัก คิดไม่ถึงว่ามู่วี่สิงก็เข้ามาแล้ว
เห็นเวินจิ้งลากกระเป๋าสัมภาระ ก็ไม่ได้รู้สึกเหนือความคาดหมายอะไร
มู่วี่สิงรับกระเป๋าสัมภาระในมือของหล่อน แล้วส่งให้คนขับรถ เขาจูงมือน้อย ๆ ของหล่อนพาหล่อนขึ้นรถ
ตอนนี้เป็นช่วงสุดสัปดาห์ ในมหาวิทยาลัยมีคนไม่มาก แต่ก็ยังมีนักศึกษาจำนวนไม่น้อยที่เห็นภาพฉากนี้
ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาสวมเสื้อขาวกางเกงดำจูงมือสาวน้อยหน้าตาสะสวย ในเบื้องลึกดวงตาของชายหนุ่มเปี่ยมไปด้วยความรักความเอาใจใส่อย่างลึกซึ้งที่มิอาจปกปิดเอาไว้ได้ ทว่าเวินจิ้งกลับเอาแต่เหม่อลอย
“มู่วี่สิง คุณไม่ถามฉันเหรอ?” พอเข้าไปนั่งในรถ เวินจิ้งก็ทอดมองมู่วี่สิง
“เมื่อครู่ตอนคุณพูดกับผม ผมก็เข้าใจความคิดของคุณหมดแล้ว”
ถึงแม้ว่าเขาจะเพิ่งเข้ารับตำแหน่งประธานบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปได้ไม่นาน แต่การล่วงรู้ใจคนเป็นทักษะอย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้
“ฟู่” เวินจิ้งพ่นลมหายใจจนแก้มป่อง เอาเถอะ อยู่ต่อหน้ามู่วี่สิง ความคิดใด ๆ ก็ไม่อาจปกปิดเขาได้จริง ๆ
“สุดท้ายคุณก็ตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัยหลินไห่ เพราะไม่อยากให้ผมช่วยเหลืออีก” มู่วี่สิงกล่าวเสียงทุ้มต่ำ
นิสัยของเวินจิ้งก็เป็นเช่นนี้แหละ หล่อนอยากจะไปเผชิญเรื่องราวทั้งหมดด้วยตัวเองมากกว่านี้ ต่อให้ผลลัพธ์จะไม่ออกมาดีที่สุด หล่อนก็รับได้
แต่ถ้ามีคนคอยช่วยหล่อน หล่อนก็จะรู้สึกติดค้าง
แม้ว่าคนคนนั้น คือคนรักที่สนิทสนมกับหล่อนก็ตาม
นิสัยทำอะไรด้วยตัวเองเป็นมาตั้งแต่เด็กแล้ว ตอนนี้ก็ยิ่งเป็นเช่นนั้น
“ฉันไม่อยากให้คุณยื่นมือเข้ามาช่วยอีกแล้วจริง ๆ” เวินจิ้งกอดมู่วี่สิงเอาไว้ พลางกล่าวพึมพำ
ตั้งแต่ที่รู้ว่ามู่วี่สิงรับช่วงสืบทอดบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปเพราะหล่อน หล่อนก็รู้สึกว่าตนเองทำให้ชีวิตของมู่วี่สิงต้องเดือดร้อนโดยไม่รู้เรื่องอะไรเลย
เขาควรจะยึดมั่นในความตั้งใจของตัวเอง ไม่ควรต้องมาอยู่ผิดที่ผิดทางเพราะหล่อนอีก
“จิ้งจิ้ง เรื่องทั้งหมดที่ผมทำเพื่อคุณ ผมเต็มใจทำทั้งสิ้น” น้ำเสียงของมู่วี่สิงเย็นชาเล็กน้อย ตอนนี้เขาสามารถที่จะปกป้องหล่อนได้อย่างเต็มที่แล้ว
การยอมเสียสละบางสิ่งเพื่อหล่อน เขารู้สึกเสมอว่า มันคุ้มค่าเหลือเกิน