Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 507
บทที่ 507 ขอเวลาทำใจ
เมื่อรู้ว่าโจวเซินออกไปแล้ว หลินเวยจึงก้มดูเวลา เพิ่งออกไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเหรอ!
เธอคิดว่าจะชวนโจวเซินกินข้าวด้วยกัน แต่ตอนนี้ในห้องรับแขกไม่เห็นแม้แต่เงาของเขาแล้ว
เวินจิ้งนั่งอยู่ห้องรับแขก เมื่อเธอคิดว่าอาจารย์ที่ปรึกษาของโจวเซินต้องเป็นอาจารย์ที่จะมาสัมภาษณ์เธอก็รู้สึกหงุดหงิดมาก
เธอเชื่อในคำพูดของโจวเซินเหมือนกัน
แต่ว่า เธอไม่กล้าคิดว่าเขาจะให้เธอสัมภาษณ์ผ่านได้
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เวินจิ้งก็ตั้งสมาธิ แล้วรีบกลับไปทบทวน
หลินเวยเดินเข้ามาแล้วมองลูกสาวอย่างทำอะไรไม่ถูก “ทำไมคุณโจวถึงออกไปเร็วขนาดนี้?”
“แม่ แม่อย่าเพิ่งให้เขามาเลย หนูไม่อยากคุยกับเขาตอนนี้” เวินจิ้งพูดอย่างเย็นชา
เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของลูกสาว หลินเวยจึงทำหน้าสงสัย
เขาสองคนรู้จักกันไม่ใช่เหรอ? ทำไมเวินจิ้งถึงมีท่าที……
“มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นระหว่างเธอสองคนใช่ไหม?”
“หนูไม่ได้สนิทกับเขาเลยนะคะ” เมื่อพูดเสร็จ เวินจิ้งไม่อยากพูดอะไรต่อ
เธอไม่อยากเห็นโจวเซินแล้ว
หลินเวยเงียบลงด้วยสีหน้าที่สงสัย และไม่คิดจะติดต่อโจวเซินอีก
ช่วงนี้เวินจิงกำลังเตรียมตัวสำหรับการสัมภาษณ์ และได้ไปเยี่ยมซูยิงเป็นครั้งคราว ซึ่งเวลาส่วนใหญ่จะอยู่ที่การ์เด้นมูเจียวาน
เวินจิ้งได้รับสายหนึ่งวันก่อนที่ซูยิงจะออกจากโรงพยาบาล และขอให้เธอไปรับในเวลากลางคืน
เวินจิ้งไม่รู้ทำไม แต่เธอก็รีบไปทันที
ซูยิงเก็บข้าวของเสร็จเรียบร้อย เหลือเพียงใบอนุญาตจากทางโรงพยาบาล
“ซูยิง เกิดอะไรขึ้น? เธอจะออกไปตอนนี้เลยเหรอ?” เวินจิ้งถามอย่างสงสัย
“อื้ม เดี๋ยวฉันจะบินไปเป่ยเฉิงเลย ตอนนี้ฉันเดินทางเองไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ คงต้องรบกวนเธอไปส่งฉันที่สนามบินหน่อย”
เวินจิ้งยังคงสับสน แต่เห็นแววตาที่บอบบางและนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความเศร้าของซูยิง ทำให้เธอรู้สึกทุกข์ใจไปด้วย
“แล้วที่เธอจะไปเป่ยเฉิง ลี่หนานเฉิงไม่รู้ใช่ไหม?” เวินจิ้งถามสั่น ๆ
“เขาไม่รู้หรอก ฉันก็คิดว่าจะไม่บอกเขาน่ะ” สายตาซูยิงมองลงที่พื้น
เธอไม่ต้องการเผชิญหน้ากับเขาในตอนนี้
เวินจิ้งยิ่งรู้สึกกังวลไปใหญ่
“พวกเธอทะเลาะกันเหรอ?”
“เปล่า เวินจิ้ง ตอนนี้ฉันแค่อยากอยู่คนเดียวมากกว่า เพียงแค่ฉันคนเดียว……” ซูยิงพึมพำ
มือแตะที่หน้าท้องไว้ ตอนนี้ชีวิตเล็ก ๆ ข้างในนั้นได้จากไปแล้ว
แม้เขาไม่ได้คลอดออกมา แต่เธอก็ยังคิดถึงเขา
ถ้าเขายังอยู่ มันจะดีแค่ไหน……
นัยน์ตาค่อย ๆ ประกายความเศร้าหมอง ดวงตาของซูยิงค่อย ๆ แดงขึ้น แต่เธอไม่ได้ร้องไห้ออกมา
เพราะน้ำตาของเธอไหลออกไปจนหมดแล้ว
เวินจิ้งจับมือที่สั่นเทาของซูยิงไว้ แล้วลูบหลังปลอบใจเธอ “โอเค งั้นเดี๋ยวฉันส่งเธอไปสนามบินนะ”
สองชั่วโมงผ่านไป ลี่หนานเฉิงถึงรู้ว่าซูยิงได้ออกไปแล้ว
เพราะซูยิงไม่อยากให้คนเฝ้าดูเธอไว้ตลอดเวลา เดิมทีที่มีคนคอยเฝ้าเธอไว้ แต่ตอนนี้ได้คลาดสายตาไปแล้ว
เขาจึงรีบตามไปที่สนามบิน แต่ ณ ตอนนี้ ซูยิงขึ้นเครื่องไปนานแล้ว
เวินจิ้งยืนอยู่กลางสนามบิน สมองเต็มไปด้วยคำพูดของซูยิง “เวินจิ้ง ฉันรู้สึกเหนื่อยมากที่คบกับลี่หนานเฉิง ฉันเหนื่อยมาก……”
แต่เธอรับรู้ได้ว่าซูยิงไม่มีทางปล่อยวางลี่หนานเฉิงไปได้หรอก
เพียงแต่เธอต้องการเวลาทำใจเท่านั้น
ทันทีที่เธอหันกลับไป ก็เห็นลี่หนานเฉิงก็วิ่งเข้ามาหาเธอ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหงุดหงิดและความโกรธที่ไม่สามารถปกปิดได้
“ยิงยิงล่ะ?”
“คุณลี่ ซูยิงขึ้นเครื่องตั้งนานแล้ว”
จากความสามารถของลี่หนานเฉิง ถ้าอยากรู้ว่าซูยิงกำลังเดินทางไปไหนก็ไม่ยากสำหรับเขา แต่เวินจิ้งหวังว่าลี่หนานเฉิงจะให้เวลาส่วนตัวกับซูยิงบ้าง
เธอจึงค่อย ๆ พูด “ไหน ๆ ซูยิงเลือกที่จะไป คุณก็ควรเคารพการตัดสินใจของเธอบ้างนะ เธอรักคุณมาก เพียงแต่ต้องการเวลาหน่อย”
ต่อให้เธอโน้มน้าวเท่าไหร่ก็ไม่มีประโยชน์ เพราะเธอเป็นเพียงเพื่อนของซูยิง
จากนั้น เวินจิ้งจึงเลือกที่จะเดินจากไป
วินาทีต่อมา ลี่หนานเฉิงรีบตามเธอมา แล้วถามอย่างกระวนกระวาย “เรื่องนี้……ยิงยิงเลือกแบบนี้จริงเหรอ?”
“อื้ม”
……
หลังจากออกมาจากมหาวิทยาลัยหลินไห่ เวินจิ้งต้องเข้าไปโรงพยาบาลเคลียร์งานเก่าที่ค้างไว้
ไป๋สือก็ได้ลาออกจากโรงพยาบาลในเวลาเดียวกัน ซึ่งตอนนี้แผนกศัลยกรรมประสาทของโรงพยาบาลมีเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ จึงทำให้ในระเบียงทางเดินนั้นมีแต่เสียงบ่นของผู้ป่วย
และตอนนี้มีเพียงมู่วี่สิงเท่านั้นที่สามารถรับงานในแผนกศัลยกรรมประสาท
ที่ผ่านมาเขาไม่ได้งานที่โรงพยาบาลบ่อยนัก แต่ด้วยช่วงนี้ทางโรงพยาบาลได้รับความกดดันอย่างมาก จึงต้องการแพทย์ที่มีประสิทธิภาพเข้ามาดำรงตำแหน่ง
หลังจากที่เวินจิ้งเข้ามาทำธุระที่โรงพยาบาลเสร็จ แล้วได้เดินผ่านแผนกศัลยกรรมประสาท ถึงนึกได้ว่าวันนี้เป็นวันที่มู่วี่สิงทำการผ่าตัดให้กับโจวหย่าน
โจวเซินได้มาที่นี่ก่อนหน้านี้แล้ว เมื่อได้เห็นเวินจิ้ง สีหน้าที่เย็นชาของเขาก็ได้หายไปในทันที
เวินจิ้งแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นเขา แต่สุดท้าย ก็มีคนมาขวางทางเธอจนได้
“คุณโจว มีธุระอะไรงั้นเหรอ?” เวินจิ้งพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“เตรียมสัมภาษณ์ถึงไหนแล้ว?” น้ำเสียงของเขาดูมีความเป็นห่วงใยเพื่อนมาก
“คุณโจวไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”
เมื่อพูดจบ เวินจิ้งก็เดินไปที่ลิฟต์ แต่ในตอนนี้มีหมอหลายคนเดินสวนมาพร้อมกับมู่วี่สิง
เมื่อเห็นเวินจิ้ง มู่วี่สิงก็ได้หยุดเดินทันที แล้วเหลือบมองไปที่โจวเซินด้วยสายตาที่ประหลาดใจ
“คืนนี้ผมต้องผ่าตัดให้เสร็จ แต่คงดึกมากนะ”
“ไม่เป็นไร ฉันจะรอคุณที่บ้านนะ” สีหน้าตึงเครียดของเวินจิ้งค่อย ๆ จางหายไป
มู่วี่สิงวางจูบไปที่กลางหน้าผากเธอแล้วค่อยเดินเข้าห้องผ่าตัด
สถานะของเวินจิ้งตอนนี้ไม่ได้เป็นนักศึกษาฝึกงานในโรงพยาบาลนี้แล้ว ดังนั้นท่าทีของมู่วี่สิงที่มีต่อเธอเมื่อครู่นี้ก็ไม่ผิดปกติอะไร
แต่ในขณะนี้ มีพยาบาลหลายคนกำลังมองเธอด้วยสายตาอันริษยา
คนส่วนมากในโรงพยาบาลนั้นยังไม่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับมู่วี่สิง
และตอนนี้ แฟนคลับของมู่วี่สิงก็ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นมา และมีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกวัน
“นางเป็นอะไรกับคุณหมอมู่……”
“นางคงไม่ใช่แฟนสาวจองคุณหมอมู่นะ……”
“ไม่มีทางหรอก! คุณหมอมู่จะชอบผู้หญิงแบบนี้ได้ไง!”
“.…..”
แฟนคลับของเขาค่อย ๆ ทยอยเข้ามารวมตัวกันจนเวินจิ้งไม่มีทางเดินแล้ว
ในขณะนี้มู่วี่สิงได้เข้าไปในห้องผ่าตัดแล้ว และแน่นอนว่าเขาไม่มีเวลามาสนใจที่นี่
เวินจิ้งทำอะไรไม่ถูก เพราะตอนนี้เธอถูกแฟนคลับของเขารายล้อมไว้อย่างแน่นหนา
เมื่อเห็นมือของผู้หญิงคนหนึ่งยื่นเข้ามา เวินจิ้งจึงคว้าข้อมือนั้นไว้ทันที แต่ไม่คิดว่าจะมีมือของผู้หญิงอีกคนยื่นเข้ามาหาเธอ เธอจึงก้าวถอยหลังไป แต่แล้วต้องมีแขนข้างหนึ่งมาโอบกอดเธอไว้จากด้านหลัง
เป็นลมหายใจที่ไม่คุ้นเคยเลย เวินจิ้งจึงพยายามดิ้น
แต่แขนของชายคนนั้นช่วยเธอปัดแขนของแฟนคลับสาวเหล่านั้นทิ้ง เวินจิ้งจึงรีบเดินเข้าไปในลิฟต์
จนกระทั่งประตูลิฟต์ปิดลง เวินจิ้งถึงรู้สึกโล่งอก แล้วข้าง ๆ มีสายตาที่ขบขันของโจวเซินมองเธออยู่
“ขอบคุณนะสำหรับเรื่องเมื่อกี้นี้” เวินจิ้งพูดเบา ๆ
ถ้าโจวเซินไม่ประคองเธอไว้ ตอนนี้คงถูกผู้หญิงกลุ่มนั้นลากตัวไปแล้ว……
แค่เธอนึกภาพก็น่ากลัวแค่ไหนแล้ว
“ขอบคุณอะไรล่ะ?” โจวเซินแสร้งถาม
เวินจิ้งไม่ได้สนใจเขา แต่เมื่อรู้ตัวอีกทีลิฟต์ได้หยุดตรงชั้นใต้ดินแล้ว
“ผมส่งคุณกลับบ้านนะ” โจวเซินพูด
“ไม่ต้อง” เมื่อพูดจบ เวินจิ้งรีบกดปุ่มไปที่ชั้นหนึ่ง
โจวเซินมองด้วยสายตาที่ไม่พึงพอใจ แล้วพูดอย่างเย็นชา “ยังมีแฟนคลับอีกมากมายของมู่วี่สิงอยู่หน้าประตูนะ คุณแน่ใจว่าจะขึ้นไปเหรอ?”
เมื่อได้ยินคำนี้ เวินจิ้งก็รู้สึกเท้าแข็งขึ้นมาทันที