Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 509
บทที่ 509 ทำเองเจ็บเอง
มู่วี่สิงนั่งอยู่บนโซฟา ไม่แปลกใจที่คุณปู่เดินขึ้นมา
“ผู้สมัครผู้บริหารระดับสูง นายเลือกใคร” มู่เฉิงทำหน้านิ่ง
“ส้งวี่”
เมื่อได้ยินดังนั้น มู่เฉิงนิ่งไปครู่หนึ่ง
เรื่องที่ส้งวี่และมู่ซือซืออยู่ด้วยกันนั้น มีคนรู้ไม่น้อย
เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงจะหาคนอื่น ทว่าคิดไม่ถึงว่าจะเป็นส้งวี่
“ผมจำได้ว่าเขาเป็นลูกชายตระกูลส้ง เขาดูแลกิจการของตระกูลส้งจำนวนไม่น้อย”
ความหมายของสิ่งที่พูดนั้น ก็คือส้งวี่สามารถแบ่งเวลามาทำได้หรอ?
“ทายาทผู้สืบทอดของตระกูลส้งนั้นไม่ใช่ส้งวี่ ดังนั้น บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปสามารถให้เขาเข้ามาดูแลได้อย่างวางใจ” มู่วี่สิงพูดเสียงเรียบ
ถ้าหากคนๆนี้คือส้งวี่ มู่เฉิงเองก็คงจ้องจับผิดอะไรไม่ได้ในระยะเวลาสั้นๆ
เพียงแต่ความสามารถของส้งวี่นั้น เขาเองก็ไม่ค่อยมั่นใจ
เพราะอย่างไรเสียก่อนหน้านี้เขาก็เป็นจิตแพทย์ ถึงแม้ว่าจะเรียนด้านธุรกิจมาแล้ว แต่มีประสบการณ์ไม่มากนัก
“วี่สิง ถึงแม้จะเป็นแบบนี้ แต่บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปก็ต้องมีคุณมาบริหารจัดการ” น้ำเสียงของมู่เฉิงเคล้าไปด้วยความโมโห
“ผมไม่ได้บอกว่าผมไม่บริหาร เพียงแต่ตำแหน่งประธานนั้น ผมไม่คิดจะนั่งในตำแหน่งนี้นาน”
นับตั้งแต่ส้งวี่ดำรงตำแหน่งประธานแล้วนั้น มู่วี่สิงก็คิดอยากจะให้อำนาจทั้งหมดแก่เขา
ทางด้านมู่เฉิง เวลานี้ก็เข้าใจความหมายของมู่วี่สิงแล้ว
“ส้งวี่ไม่ใช่คนในตระกูลมู่ของเรา!” มู่เฉิงกล่าวพูดด้วยความโมโห
“คุณปู่ครับ งานแต่งงานของเขาและซือซือได้กำหนดเอาไว้แล้ว เขาเป็นคนตระกูลมู่ของเรา”
มู่เฉิงทำหน้านิ่ง ในสายตาเขานั้น นอกจากมู่วี่สิงแล้ว ไม่มีใครเหมาะสมกับตำแหน่งประธาน
“นายต้องให้อำนาจกับคนอื่นจริงๆใช่ไหม!” แววตาของมู่เฉิงแปรเปลี่ยนเป็นสิ้นหวัง
มู่วี่สิงเม้มปาก ดวงตาสีนิลหรี่เล็กลงมา
“ผมรับปากคุณปู่ว่าจะรับช่วงบริหารบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป ตอนนี้ผมก็รับช่วงต่อแล้ว คุณปู่ครับ ตอนนี้เรื่องทุกอย่างของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป ไม่เกี่ยวข้องกับคุณปู่แล้ว” มู่วี่สิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“แล้วถ้าฉันไม่อนุญาตล้ะ!ฉันไม่เห็นด้วยที่จะให้ส้งวี่มานั่งในตำแหน่งนี้!ตำแหน่งนี้ มีแค่นายเท่านั้น!” มู่เฉิงกระแทกไม้เท้าอย่างแรง กล่าวพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่สามารถต่อรองได้
มู่วี่สิงเริ่มหน้าซีด “ถ้าคุณปู่รู้สึกเสียใจที่ยกบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปให้ผมดูแล ผมก็จะไม่เข้าร่วมงานใดๆของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป”
พูดจบ ก็เดินออกไปโดยไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับมา
เวลานี้ มู่เฉิงโมโหมากจริงๆ เขารู้ดีว่านิสัยของมู่วี่สิงนั้นดื้อด้านแค่ไหน แต่ว่าตระกูลมู่ มีแค่เขาเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มีความสามารถในการบริหารและรับช่วงบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป!
แต่ใจของมู่วี่สิงกลับไม่อยู่ในบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป!
แบบนี้จะไม่ให้มู่เฉิงโมโหได้อย่างไร!
มู่วี่สิงยกตำแหน่งประธานบริษัทให้กับส้งวี่ เขาก็เป็นเพียงประธานใหญ่เท่านั้น วันข้างหน้าก็ไปออกแค่งานใหญ่ๆ แต่ว่าบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป ตกอยู่ในกำมือของส้งวี่
ไม่ง่ายเลยกว่าที่มู่เสิงจะใจเย็นลงได้ ในหัวของเขามีแต่คำพูดหยาบคายของมู่วี่สิงเมื่อครู่
ถึงขั้นกล้ามาขู่คนแก่อย่างเขา!
สมแล้วที่เป็นหลานที่เขาเลี้ยงมากับมือ!
มู่วี่สิงเป็นคนที่พูดจริงทำจริง หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา เขาไม่ได้เข้ามาในบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปอีกเลย และไม่สนใจเรื่องทุกอย่างของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป นอกจากไปเปิดคลินิกอาทิตย์ละหนึ่งวันที่กำหนดเอาไว้แล้วนั้น นอกเหนือจากนั้นก็อยู่ที่การ์เด้นมูเจียวานเพื่ออยู่เป็นเพื่อนเวินจิ้ง มีบ้างบางครั้งที่จะสอนพิเศษให้เธอ
เวินจิ้งมองดูผู้ชายที่ยืนข้างๆ ช่วงนี้มู่วี่สิงว่างมาก…..เธอรู้สึกไม่ชินจริงๆ
“คุณไม่ไปบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปหรอคะ แบบนี้คุณปู่ไม่โมโหหรอคะ?” เวินจิ้งถามด้วยความเป็นห่วง
มู่วี่สิงไม่ได้ไปทำงานหลายวันแล้ว และไม่ค่อยทำงานอะไรด้วย แบบนี้ตอนนี้บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปจะทำยังไง…..
“โมโหสิ” มู่วี่สิงตอบเสียงเรียบ
มู่ซือซือโทรหาเขาหลายสาย บอกว่าคุณปู่โมโหเป็นอย่างมาก
“แล้วคุณ……เวินจิ้งขมวดคิ้วด้วยความลังเล
“ผมต้องการให้คุณปู่ยอมทิ้งอำนาจทั้งหมดในบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป ถ้าท่านทำไม่ได้ เช่นนั้นก็สู้ไม่ต้องยกบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปให้ผมแต่แรกยังจะดีเสียกว่า” มู่วี่สิงเอ่ยพูดเสียงเรียบ
เวินจิ้งไม่เข้าใจเรื่องธุรกิจ แต่ความคิดของมู่วี่สิงนั้นเธอรู้ดี
รับช่วงบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป แต่เขาไม่คิดที่จะบริหาร
แต่ทว่านี่กลับตรงกันข้ามกับความต้องการของมู่เฉิง
“ช่วงนี้ฉันเห็นว่าสถานการณ์ของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปไม่ดีเท่าไหร่ หุ้นตกลงมาก” เวินจิ้งพูดขึ้น
เหตุเพราะมู่วี่สิง เธอจึงคอยติดตามข่าวของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปอยู่บ่อยๆ
ตอนนี้สิ่งที่เกิดขึ้นกับบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปกลายเป็นข่าวใหญ่ในแวดวงธุรกิจ แต่ทว่ามู่วี่สิงที่เป็นถึงประธานกลับทำตัวว่างๆ
เวินจิ้งเป็นห่วงแทนเขา
“ตกถึงระดับหนึ่งแล้วก็จะไม่ตกอีก บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปอยู่มาหลายปีแล้ว ไม่ใช่ว่าจะล้มก็ล้มง่ายๆ ถือโอกาสในครั้งนี้ จัดการเรื่องไม่ดีด้วย”
ทุกการก้าวเดินของมู่วี่สิง ไม่เคยผิดมาก่อน
เวินจิ้งมองดูชายหนุ่มที่พูดขึ้นนั้น แววตาของเธอเคล้าไปด้วยความนับถือ
เมื่อได้ยินมู่วี่สิงพูดแบบนี้ เธอเองก็วางใจแล้ว
เธออ่านหนังสือต่อ มู่วี่สิงจะคอยให้ความรู้กับเธอบ้างเป็นครั้งคราว เวินจิ้งรู้สึกอิ่มเอมใจและมีความสุขในทุกวัน
นอนพิงอยู่ในอ้อมกอดของมู่วี่สิง เวินจิ้งหาวฟอดใหญ่ ตอนเย็นเริ่มรู้สึกอ่อนเพลีย
ขณะที่กำลังจะนอนหลับนั้น กลับตกใจตื่นเพราะเสียงโทรศัพท์ เป็นเสียงโทรศัพท์ของมู่วี่สิง
มู่วี่สิงปรายตามอง รับสาย
“คุณหมอมู่ วันนี้ตอนเช้าโจวหย่านอ้วก คุณช่วยกลับมาดูหน่อยได้ไหมคะ?” พยาบาลสาวพูดด้วยความกังวล
มู่วี่สิงขานรับ แล้วตัดสายไป
แน่นอนว่าเวินจิ้งเองก็ได้ยินสิ่งที่ปลายสายพูด จึงลุกขึ้นแล้วไปช่วยหยิบเสื้อกันหนาวให้กับมู่วี่สิง
“ไปกับผมไหม หื้ม?”
“ไม่ไปค่ะ ครั้งที่แล้วตอนที่ฉันอยู่ที่โรงพยาบาล แฟนคลับของคุณแทบจะระเบิดตัวฉันทิ้ง” เวินจิ้งนึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้น เหล่าแฟนคลับปากร้ายมาก
เมื่อได้ยินแบบนั้น มู่วี่สิงขมวดคิ้วเป็นปม โอบกอดเอวบางเอาไว้ “มีผมอยู่ ไม่มีใครกล้าทำร้ายคุณหรอก”
แน่นอนว่าเวินจิ้งรู้ดี แต่เธอไม่ค่อยอยากเจอหน้าโจวหย่าน
คล้ายว่าอ่านความคิดของเวินจิ้งออก มู่วี่สิงจึงไม่ได้พูดอะไรอีก
จูบหน้าผากของเธอ แล้วพูดอย่างอ่อนโยน “คืนนี้รอผมกลับมากินข้าวนะครับ”
“ค่ะ งั้นเดี๋ยวฉันออกไปซื้อผัก”
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง มู่วี่สิงไปถึงโรงพยาบาล โจวหย่านอ้วกหนักมาก มู่วี่สิงสั่งให้ฉีดยาลดการอาเจียนให้เธอ แล้วเจาะเลือดไปตรวจ รอผล
โจวหย่านทรมานมาก สีหน้าของเธอซีดขาว
“คุณหมอมู่คะ คุณช่วยอยู่เป็นเพื่อนฉันหน่อยได้ไหมคะ……” โจวหย่านมองดูมู่วี่สิงหน้าเศร้า
“ผมจะอยู่ที่นี่อีกหลายชั่วโมง สองวันนี้กินอะไรเข้าไป?” มู่วี่สิงเอ่ยถามด้วยความอดทน
“กิน…..กินเนื้อวัวค่ะ” โจวหย่านพูดเสียงเบาลงเรื่อยๆ
เธอจำได้ว่ามู่วี่สิงเคยบอกให้ระวังด้านการกิน แต่เมื่อวานตอนที่ออกไปเดินเล่นเห็นคนขายเนื้อย่าง เธอหิวขึ้นมา พี่ชายก็เลยซื้อกลับมาให้กิน
ใครจะไปคิดว่าวันนี้จะอ้วกหนักขนาดนี้
มู่วี่สิงทำหน้านิ่ง “หาเรื่องใส่ตัว”
โจวหย่านเบ้ปาก “ใช่ค่ะ ฉันหาเรื่องใส่ตัว”
ทั้งๆที่รู้ว่ามู่วี่สิงไม่ได้ชอบเธอ แต่เธอก็ยังจะชอบเขา หาเรื่องให้ตัวเองแท้ๆ
มู่วี่สิงขมวดคิ้ว จ่ายยาให้เล็กน้อย เมื่อเห็นว่าอาการของโจวหย่านคงที่แล้ว จึงกลับไปที่ห้องทำงาน
บนโซฟาเต็มไปด้วยของขวัญมากมาย สีหน้าของมู่วี่สิงดูเข้มขรึมไม่น้อย พยาบาลเดินเข้ามา “คุณหมอมู่ค่ะ ทั้งหมดนี้แฟนคลับของคุณเป็นคนส่งมาให้ค่ะ แฟนคลับของคุณมีอำนาจมาก จะห้ามยังไงก็ห้ามไม่ไหว”
ในโรงพยาบาลมีข้อห้ามไม่ให้รับของขวัญ แต่แฟนคลับกลับเอาของขวัญมาวางทิ้งไว้ตรงประตู และดันไม่ทิ้งชื่อเอาไว้ จึงทำได้เพียงจัดการแบบนี้
“เปิดออก แล้วแยกประเภทจากนั้นส่งไปที่บ้านเด็กกำพร้า” มู่วี่สิงออกคำสั่ง
“ค่ะ”