Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 518
บทที่ 518 ไม่เคยประจบใคร
ตอนกลางคืน มู่วี่สิงกลับมาถึง ก็เกือบเวลาเช้ามืด
เวินจิ้งนั่งอยู่บนโซฟา ด้านหน้ามีหนังสือเรียนหนึ่งเล่มวางอยู่ แต่จริงๆ เธอก็ไม่ได้หยิบมันขึ้นมาอ่าน
เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู เธอก็หันไปมอง และเมื่อเห็นมู่วี่สิง เธอก็รีบวิ่งไปกอดเขาในทันที
เพียงช่วงเวลาสั้นๆ หนึ่งวันหนึ่งคืน ความคิดถึงก็ได้กลายเป็นสายน้ำไหล
เมื่อมองไปที่ผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ห้อยอยู่บนตัวเขา เหมือนหมีโคอาล่า ใบหน้าบึ้งตึงของมู่วี่สิงก็อ่อนลงเล็กน้อย
แล้วขยี้ผมเธออย่างเอ็นดู เขาอุ้มเธอไปนั่งบนโซฟา“ทานข้าวเย็นหรือยัง?”
เวินจิ้งไม่ได้ตอบคำถาม
ดูเหมือนว่าเธอ……จะลืมทานข้าว
มู่วี่สิงเห็นสีหน้าของเธอ ก็รู้ได้ทันที ขมวดคิ้วขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ เขาพับแขนเสื้อขึ้น แล้วเดินเข้าไปในห้องครัว เวินจิ้งก็เดินตามเขาเข้าไปอย่างเชื่อฟัง
เมื่อเห็นมู่วี่สิง ใส่เส้นบะหมี่ลงไปอย่างคล่องแคล่ว และเพียงเวลาไม่นาน ก็ส่งกลิ่นหอมเย้ายวนใจให้อยากชิม ท้องของเวินจิ้งก็ส่งเสียงร้อง“กูกู”ทันที
“วันนี้คุณยุ่งไหมคะ?”เวินจิ้งถามอย่างเป็นห่วง
“ตรวจเช็คที่คุณปู่โดนวางยาน่ะ”
“มีเบาะแสไหมคะ?”
“อืม แต่เมื่อตรวจหาแล้ว มันก็ไม่ง่ายเลย”มู่วี่สิงปิดแก๊ส และเทเส้นบะหมี่ลงมา
เมื่อเห็นว่ามีเพียงแค่หนึ่งชุด เวินจิ้งก็มองเขา“คุณทานมาแล้วเหรอคะ?”
“ยังไม่ได้กิน ผมไม่หิวน่ะ”
“ไม่ได้นะคะ ฉันจะต้มให้คุณ!”เมื่อพูดจบ เวินจิ้งก็หันกลับเข้าไปห้องครัวอีกครั้ง
มู่วี่สิงใช้ความแข็งแรง อุ้มเธอออกมา จับเธอให้เข้าที่ เพื่อไม่ให้เธอขยับตัวไปไหน“ถ้าเย็นแล้วมันจะไม่อร่อยนะ เด็กดี”
เวินจิ้งมองเขาอย่างไม่พอใจ“ถ้าคุณไม่กิน ฉันก็จะไม่กิน”
เวินจิ้งดันชามบะหมี่ไปตรงหน้าเขา
เมื่อเห็นเวินจิ้งยังคงดื้อรั้นอยู่ ในที่สุดมู่วี่สิงก็ยอมแพ้
มีเพียงผู้หญิงคนนี้คนเดียวเท่านั้น ที่ทำให้เขายอมอ่อนข้อให้
เขาก็ไปทำบะหมี่ออกมาอีกชาม วางมันไว้ตรงหน้าเวินจิ้ง แล้วก็เริ่มทานชามที่เย็นแล้ว
“ไม่ต้องพูดแล้ว กินเถอะ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงเหมือนกับคำสั่ง
เวินจิ้งบุ้ยปาก ความอบอุ่นกระจายอยู่เต็มหัวใจ
……
เช้าวันรุ่งขึ้น มู่วี่สิงไปที่บ้านใหญ่ สุขภาพร่างกายของคุณปู่ ดีขึ้นกว่าเมื่อวานมาก
มู่ซือซือยืนกรานที่จะให้โจวหย่านมาให้ได้ แต่โจวเซินก็ปกป้องเธอขึ้นมา มู่ซือซือเธอจึงยังไม่เจอคนที่ทำ
เมื่อเห็นพี่ชาย มู่ซือซือก็กั้นเขาไว้“พี่คะ ฉันคิดว่าเป็นโจวหย่านที่ทำร้ายคุณปู่ พี่ควรรีบไปจับผู้หญิงคนนั้นนะคะ”
“ซือซือ ข้อมูลตอนนี้มันยังไม่ชัดเจน”
มู่ซือซือนิ่งเงียบ เธอมีสัญชาตญาณรับรู้ถึงเรื่องนี้ และเรื่องนี้โจวหย่านต้องมีส่วนเกี่ยวข้อง
“เมื่อตรวจสอบอย่างชัดเจน เธอก็อาจจะหนีไปแล้วก็ได้”
“พี่จะหาคนที่ก่อเรื่องนี้ขึ้นให้ได้”
มู่ซือซือส่ายหัวของเธออย่างหงุดหงิด แล้วออกไปที่สวนดอกไม้คนเดียว
มู่วี่สิงมาที่ห้องของคุณปู่ ช่วงเวลานี้ อาหารของคุณปู่ยังไม่ค่อยมีกฎเกณฑ์ กระเพาะอาหารของเขาไม่ค่อยดี
“คุณปู่ ทานข้าวครับ”มู่วี่สิงขมวดคิ้ว
“กินไม่ลง”มู่เฉิงหันหน้าไปทางอื่น“เมื่อไหร่จะกลับมาที่บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป”
“คุณปู่ ถ้าคุณปู่ยินยอม ผมจะให้ส้งวี่ขึ้นเป็นซีอีโอใหญ่”
ท้ายที่สุด หลานชายคนนี้ก็ยังไม่ยอมกลับมา!
แต่ช่วงที่ผ่านมา ผลงานของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปแย่ลงเรื่อยๆ เขาถึงได้รู้ว่า หลานชายคนนี้โหดเหี้ยมจริงๆ!
โหดเหี้ยมกว่าชายแก่อย่างเขา ที่ดูแลกิจการมาหลายปี!
“ฉันตกลง”
เมื่อได้ยิน ริมฝีปากบางของมู่วี่สิงก็ยิ้มออกมา“อืม คุณปู่น่าจะพูดแบบนี้ตั้งนานแล้ว”
ในการต่อสู้ครั้งนี้ เขาค่อนข้างที่จะมั่นใจ ว่าคุณปู่ยอมที่จะประนีประนอมก่อน
ที่ห้องหนังสือ ส้งวี่กำลังดูเอกสารข้อมูล แล้วเสียงของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น“คุณปู่ตกลงแล้ว”
“อะไรนะ?”
“พรุ่งนี้ให้คุณไปทำงานที่บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป”
“คุณปู่ถูกคุณบีบ จนจมมุมเหรอเนี่ย”ส้งวี่ยิ้มกว้าง
“ไม่อย่างนั้นในไม่ช้า บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปก็จะล้มเหลวในน้ำมือของเขา”มู่วี่สิงน้ำเสียงเคร่งขรึม
ที่เขาไม่กลับไปบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป เป็นเพราะว่าการจัดการบริหารของคุณปู่ แต่เขาก็ได้บริหารรับช่วงต่อจากบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป ก็เป็นระยะเวลาที่นานเลยทีเดียว ช่วงต้นปีแรกๆ คุณปู่ก็ไม่ค่อยได้มีอำนาจมาบริหารแล้ว ตอนนี้บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปส่วนมากเป็นคนของเขา คุณปู่ก็เหมือนถูกมัดมือมัดเท้าไว้
“แต่ว่าความผิดพลาดนี้ของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป ผมก็ร้อนใจเหมือนกัน”
“ดีที่ยังอยู่ในช่วงทดลองและฝึกฝน”
“วี่สิง ยังไงก็ขอบคุณที่ให้โอกาสในครั้งนี้นะ”
“แน่นอน หวังว่าคุณจะไม่ทำให้น้องสาวของผม ผิดหวัง”มู่วี่สิงยิ้ม และทั้งสองคนก็ชนแก้วกัน
“แล้วคุณล่ะ วางแผนที่จะไปประจำที่โรงพยาบาลไหม?”ส้งวี่ถาม
ถ้ามู่วี่สิงไม่ต้องมายุ่งยาก เกี่ยวกับเรื่องของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป เขาก็สามารถกลับไปโรงพยาบาล เพื่อทำการผ่าตัดได้แล้ว
“ไม่รีบ รอประกาศผลออกมาก่อน”
ครึ่งปีก่อน ประธานได้ยื่นขอ เพื่อเลื่อนตำแหน่งให้เขาแล้ว ถ้าเขาได้เริ่มกลับไปตรวจรักษา ก็อาจจะเริ่มในเดือนหน้า
แต่ก่อนหน้านี้ จริงๆ แล้ว เขาต้องการที่จะใช้เวลากับการค้นคว้าการวิจัยมากกว่า
……
เมื่อการเปิดภาคเรียนใกล้เข้ามาถึงเรื่อยๆ เวินจิ้งได้เดินทางล่วงหน้า เพื่อไปยังวิทยาเขตหนานเฉิงของมหาวิทยาลัยF
ที่นี่ห่างจากใจกลางเมืองไม่น้อย ไม่ว่าจะกลับไปที่การ์เด้นมูเจียวาน หรือกลับไปที่ตระกูลหลินก็ไม่ค่อยจะสะดวกมาก
และก็ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหน จะได้เจอหน้ากับมู่วี่สิง
เวินจิ้งรู้สึกเศร้า หลังจากวางกระเป๋าเดินทางไว้ในหอพัก เธอก็เดินออกมาดูรอบๆ บริเวณ
เนื่องจากมหาวิทยาลัยF เป็นวิทยาเขตที่สร้างขึ้นมาใหม่ สิ่งอำนวยความสะดวก และอาคารทั้งหมดจึงดูเปรี้ยวจี๊ดและอลังการ เมื่อเดินเข้ามาภายในสวนของมหาวิทยาลัย ทำให้เหมือนเดินเข้าไปภายในสถานที่ท่องเที่ยว สถานที่หนึ่ง แต่จำนวนนักท่องเที่ยว มีไม่มากนัก
เวินจิ้งกำลังเพลิดเพลินกับความเงียบนี้ แต่เพียงไม่นาน ก็ถูกขัดด้วยเสียงหนึ่ง
“ต้องการให้ผมพาคุณชมรอบๆ ไหม?”น้ำเสียงเย็นชาของโจวเซินดังขึ้นมา
เขามักจะทำให้คนๆ นั้นรู้สึกถึงความรู้สึกกดดัน
“ฉันเดินเล่นคนเดียวดีกว่า”
“ไม่แปลกใจหน่อยเหรอ ว่าทำไมเธอถึงผ่าน?”โจวเซินมองมาที่เธอ
ในหลายครั้งที่เวินจิ้งมีท่าทีที่อ่อนโยน เห็นได้ชัดว่าไม่ต้องการที่จะต่อกรกับเขา แต่ดูเหมือนจะไปสะกิดหัวใจเขา ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะเข้ามาใกล้
“ไม่แปลกใจค่ะ ฉันคิดว่าเป็นเพราะความสามารถของฉัน ก็เพียงพอที่จะทำให้ผ่านการสัมภาษณ์ได้”เวินจิ้งตอบเขาอย่างตรงไปตรงมา
โจวเซินเม้มริมฝีปากบางลง อย่างเย็นชา“ศาสตราจารย์ส้งมีสอน ผมมักจะอยู่ที่นั่นตลอด”
ในความหมายก็คือ ถึงแม้ว่าเวินจิ้ง ไม่ต้องการที่จะเจอเขา แต่ก็ยังคงเห็นหน้าเขาอยู่ดี
นี่เป็นสิ่งที่เวินจิ้งรู้มาก่อนแล้ว
“อืม ถ้างั้นรุ่นพี่โจวก็ยังจะทำให้ฉัน ต้องลำบากใจอยู่ใช่ไหมคะ?”เวินจิ้งยิ้มอย่างประชดประชัน
แสงแดดสาดลงบนใบหน้าขาวใสของเธอ เพิ่มออร่าความสวยมากขึ้น
สายตาของโจวเซิน ก็หลงใหลในทันที
“ก็ไม่แน่นะ”เขาไม่ปฏิเสธ
เวินจิ้งกัดริมฝีปาก ประสบการณ์ก่อนหน้านี้ที่มหาวิทยาลัยหลินไห่ ที่ทำให้เธอตกเป็นเป้าสายตา เธอไม่ต้องการที่จะให้มันเกิดขึ้นอีก
แต่ก็ไม่คาดคิดว่า มหาวิทยาลัยF จะมีคนๆ หนึ่งที่เธอเกลียดมาก ก็คือโจวเซิน
“ฉันเคยบอกแล้วนะ ถ้าเธอเอาใจฉันหน่อย ฉันก็ช่วยเธอได้”โจวเซินพูดติดตลก
“ขอโทษด้วยนะคะ ฉันไม่เคยประจบใคร”เวินจิ้งพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
โจวเซินไม่แปลกใจกับสิ่งที่เธอพูด สองมือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง แล้วมองไปที่แม่น้ำอันเงียบสงบที่อยู่ไกลๆ
“ไม่อย่างนั้น ถ้าอยากเรียนจบจากมหาวิทยาลัยF อย่างสบายๆ มันก็คงไม่ง่ายหรอกนะ”
“งั้นคุณก็ดูว่า ฉันจะเรียนจบอย่างสบายๆ หรือเปล่า”
เมื่อพูดจบ เวินจิ้งที่ไม่อยากคุยกับเขาไปมากกว่านี้ ก็หันหลังกลับ แต่โจวเซินได้เรียกเธอไว้อีกครั้ง“คืนพรุ่งนี้ศาสตราจารย์ให้นัดทานข้าว อย่าไปสายล่ะ”
เวินจิ้งขมวดคิ้ว ยังมีเรื่องนี้อีกเหรอ?
เพียงไม่นานที่เปิดโทรศัพท์ดู ก็เป็นจริงอย่างที่คาดไว้ ก็มีนักศึกษาของปีนี้ ได้ลากเธอเข้าไปในกลุ่มวีแชท และได้ส่งข้อความเพื่อแจ้งเตือนไว้แล้ว
เรื่องนี้ เวินจิ้งก็รีบบอกกับมู่วี่สิงในทันที
ไม่รู้ว่าช่วงนี้ เขายุ่งอยู่กับอะไร ไม่ได้กลับไปที่บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป และก็ไม่ได้อยู่ที่การ์เด้นมูเจียวาน
เวินจิ้งโทรศัพท์ไปหามู่วี่สิง แต่ก็ไม่คาดคิดว่า เสียงโทรศัพท์ที่ดังอยู่ข้างหูเธอ แล้วเมื่อเธอก็หมุนตัว มู่วี่สิงก็โอบกอดเธอไว้ในอ้อมแขนแล้ว