Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 521
บทที่ 521 คิดถึงเขามากจริงๆ
เดิมทีช่วงวันหยุดจะเป็นเวลาพักผ่อน แต่เวินจิ้งกลับได้รับสายจากโจวเซิน
ตอนนี้ทั้งสองมีอาจารย์ที่ปรึกษาคนเดียวกัน จึงมีหลายครั้งที่ต้องติดต่อกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่ทว่าช่วงที่เปิดเรียนมานี้เธอกลับไม่ค่อยได้เจอโจวเซินเสียเท่าไหร่ ซึ่งปกตินอกจากเขาจะเรียนปริญญาเอกแล้วเขายังต้องดูแลงานของตระกูลโจวควบคู่ไปด้วย เขาจึงยุ่งเอามากๆ
“คุณโจว”
“อีกหน่อยมาที่มหาลัยหน่อยนะ ศาสตราจารย์ให้คุณแล้วก็เพื่อนอีกสองสามคนเข้าร่วมการแข่งขันโต้วาทีทางวิชาการร่วมกันกับผม”
“ต้องไปกี่โมง?”
“สามโมง”
พูดจบ โจวเซินก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ กดวางสายไปอย่างรวดเร็ว
เวินจิ้งขมวดคิ้ว เมื่อช้อนตามองขึ้นไป ก็เห็นว่าสายตาเข้มๆของมู่วี่สิงกำลังมองมาที่เธอ
เธอเพิ่งตกลงกับเขาไปว่า วันนี้เธอจะอยู่กับเขาที่การ์เด้นมูเจียวานทั้งวัน
“ฉัน……มีธุระที่มหาลัยน่ะ” เธอเป็นฝ่ายเดินเข้าไปนั่งบนตักของมู่วี่สิงเอง จากนั้นก็พูดขึ้นมาอย่างอ้อนๆด้วยน้ำเสียงนุ่มๆ
“อืม เดี๋ยวผมไปส่ง” มู่วี่สิงไม่ได้โกรธอะไร
“ฉันไปเองดีกว่า ไม่อย่างนั้นถ้าคุณไปกลับก็คงเสียเวลาไปตั้งสองชั่วโมงกว่าๆ”
“เพื่อคุณแล้ว ผมไม่อะไรมากเรื่องเสียเวลาหรอก” มู่วี่สิงพูดแก้ต่างพร้อมทั้งดึงเธอเข้ามาใกล้ๆ จากนั้นก็ดันให้เธอไปนั่งบนโต๊ะแล้วประกบจูบลงไปอย่างร้อนแรง แบบนี้ยิ่งทำให้เขาไม่อยากจะปล่อยเธอไป
แก้มของเวินจิ้งแดงก่ำ ซบหน้าลงบนหน้าอกของมู่วี่สิง แล้วถูหน้าลงบนนั้น “วันเสาร์หน้า พวกเรานัดกันมาที่นี่อีกก็แล้วกัน”
เธอคิดถึงเขามากจริงๆ
“อืม วันศุกร์ค่ำๆผมจะไปรับคุณ”
มู่วี่สิงยิ้มออกมาอย่างรักใคร่ กอบกุมใบหน้าของเธอเอาไว้ มันช่าง….เป็นอะไรที่จูบยังไงก็รู้สึกว่าไม่พอ
ช่วงบ่ายเวลาสามโมง เวินจิ้งมาถึงมหาวิทยาลัยFอย่างตรงเวลา
เธอมาถึงห้องเรียนห้องหนึ่ง ตามที่โจวเซินนัดแนะสถานที่ไว้ให้
นอกจากโจวเซิน แล้ว เพื่อนอีกสองคนก็มาถึงแล้วเหมือนกัน
ในครั้งนี้โจวเซินรับบทบาทเป็นหัวหน้าทีม นำทีมพวกเขาเข้าร่วมการแข่งขันโต้วาทีที่มีชื่อว่า
“ รูปแบบการปฐมพยาบาลเบื้องต้นของการผ่าตัดควรเลือกผ่าตัดฉุกเฉินหรือผ่าตัดทำแผล”
หัวข้อที่โจวเซินเลือกก็คือผ่าตัดทำแผล ทุกคนในทีมรับผิดชอบเรียบเรียงข้อมูลและความคิดเห็น การแข่งขันจะมีขึ้นในช่วงบ่ายของวันพรุ่งนี้
เวินจิ้งฟังที่โจวเซินพูดมาอย่างฉะฉาน เธอคิดมาตลอดว่าผู้ชายคนนี้ไม่น่าจะมีข้อมูลอะไรดีๆ แต่คนอย่างเขาที่สามารถทำให้ส้งเชนชื่นชมและถึงขนาดข้ามขั้นไปเรียนดอกเตอร์ได้ ความสามารถระดับนี้จึงทำให้เธอต้องเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อเขาแล้วจริงๆ
เมื่อได้แนวคิดตามที่โจวเซินชี้นำแล้ว นักศึกษาทั้งสามคนก็ร่างต้นฉบับออกมาได้อย่างรวดเร็ว แต่สุดท้ายก็เรียบเรียงต้นฉบับให้เสร็จทันภายในวันนี้ไม่ได้
โจวเซินไม่เห็นด้วยกับการที่ทุกคนในทีมจะโต้รุ่ง ส่วนที่เหลือจึงถูกส่งมาให้เขาจัดการ ส่วนนักศึกษาคนอื่นๆจึงกลับไปคาดเดาถึงข้อคิดเห็นของคู่แข่งที่อาจจะพูดแย้งออกมาต่อ
ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ตอนที่เวินจิ้งเดินออกมา อาจจะเป็นเพราะสาเหตุที่นั่งนานเกินไป ทั้งยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง เธอจึงเวียนหัวจนแทบจะยืนไม่อยู่
โจวเซินที่เดินตามออกมาข้างหลังรับเธอเอาไว้ได้อย่างมั่นคง แต่ไม่นานก็ปล่อยเธอออกอย่างสุภาพบุรุษ
“ไปกัน ไปกินข้าว”
“ฉันห่อกลับไปกินที่หอดีกว่า” เวินจิ้งโบกมือ ท่าทีเฉยชาอยู่ตลอด
“ผมว่าจะให้คุณช่วยหาแนวคิดในการโต้วาทีสักหน่อย” โจวเซินพูดสั่งออกมา
คราวนี้ เวินจิ้งจึงไม่ได้ปฏิเสธ
ถึงยังไงตอนนี้โจวเซินก็เป็นหัวหน้าทีม
ทั้งสองมาถึงชั้นบนสุดของห้องรับประทานอาหาร ที่นี่เป็นภัตตาคารอาหารจีน เป็นร้านที่ดูชั้นสูงเอามากๆ
แต่เหมือนโจวเซินจะเป็นลูกค้าประจำ เพราะเขาสามารถเดินเข้าไปในห้องอาหารได้ในทันที
เวินจิ้งนั่งลงตรงข้ามเขา จากนั้นก็ถามอย่างไม่ยี่หระว่า “รุ่นพี่โจวก็ฉลาดถึงขนาดนี้ ยังจำเป็นต้องให้ฉันช่วยหาแนวคิดอีกเหรอ?”
“ก็คุณเป็นนักศึกษาที่ศาสตราจารย์ส้งให้ความสำคัญมากที่สุดนี่ ผมก็ต้องอยากฟังความคิดเห็นของคุณอยู่แล้ว” โจวเซินเลิกคิ้วขึ้น
ที่เวินจิ้งอธิบายออกไปส่วนใหญ่ก็ถกกับทุกคนไปแล้วเมื่อครู่ นอกเหนือจากนั้นเธอยังพยายามปรับแนวคิดของเธอให้เข้ากันกับข้อคิดเห็นต่างๆให้ได้มากที่สุด
เธอไม่ค่อยมีประสบการณ์ด้านการแข่งขันโต้วาทีเสียเท่าไหร่ เมื่อก่อนก็เคยเข้าร่วมแค่ครั้งเดียว ทั้งตอนนั้นยังไม่มีบทบาทอะไรด้วย
ครั้งนี้ตัวเองต้องเข้าร่วมแข่งขันจริงๆ เวินจิ้งจึงค่อนข้างที่จะเครียด
เมื่อรู้ว่าเมื่อก่อนเวินจิ้งไม่เคยขึ้นเวทีแข่งขันเลย โจวเซินจึงค่อนข้างจะแปลกใจ “แล้วครั้งนี้ตื่นเต้นหรือเปล่า?”
“ตื่นเต้นสิ” เวินจิ้งตอบอย่างตรงไปตรงมา
เธอคิดว่าเรื่องนี้ ควรให้โจวเซินรับรู้
เธอไม่อยากทำให้ทั้งทีมมีปัญหาเพราะมีสาเหตุมาจากเธอ
“วางใจเถอะ เอาจริงๆถ้าแพ้ ก็ไม่เป็นอะไรหรอก” จู่ๆโจวเซินก็ยิ้มออกมา
“ไม่ได้สิ ในเมื่อเข้าร่วมแล้ว ยังไงก็ต้องเอาที่หนึ่งมาให้ได้!” เวินจิ้งกลับเต็มไปด้วยจิตวิญญาณนักสู้อันแรงกล้า
โจวเซินมองใบหน้าเล็กๆของเวินจิ้ง ความดื้อรั้นที่เผยออกมาจากดวงตาของเธอ ทำให้เขาสติหลุดไปนิดหน่อย
เขาดื่มชาไปอึกหนึ่ง กว่าจะเก็บสายตากลับมาได้ก็ไม่ใช่ง่ายๆ
“คุณอยากชนะ?” เขาถาม
“แน่อยู่แล้วสิ ยังไงซะนี่ก็เป็นการแข่งขันโต้วาทีครั้งแรกที่ฉันได้เข้าร่วมอย่างเป็นทางการ ฉันคิดว่าทุกคนมีศักยภาพพอ ก็สมควรแล้วที่จะชนะไม่ใช่เหรอ!” เวินจิ้งพูดออกมาอย่างมั่นใจ
“ถ้าคุณอยากชนะ ผมก็จะพาคุณชนะ” โจวเซินพูดขึ้นมาเสียงหนักแน่นในทันที
เวินจิ้งชะงักไป จากนั้นก็หลุบตาลง จู่ๆก็รู้สึกอึดอัดไปทั้งตัว
อาหารมื้อนี้เวินจิ้งมีความรู้สึกเหมือนเคี้ยวขี้ผึ้ง ตรงกันข้ามกับโจวเซินที่ดูจะเจริญอาหารเอามากๆ เมื่อกินข้าวเสร็จ เวินจิ้งก็ว่าจะรีบกลับไปที่หอ แต่ โจวเซินก็เอาแต่ยืนยันว่าจะไปส่งเธอให้ได้
บริเวณมหาวิทยาลัยFมีคนอยู่ไม่เยอะมาก อีกอย่างยิ่งเป็นเวลากลางคืนคนก็ยิ่งน้อย
เวินจิ้งอาบน้ำเสร็จก็มาตากผ้าที่ระเบียง แต่กลับพบว่าโจวเซินยังไม่ไปไหน
เขา….บ้าไปแล้วเหรอ! เอาแต่ยืนอยู่หน้าทางเข้าหอพักผู้หญิงแบบนั้นอยู่ตลอดเลยหรือไง…..
ช่างเถอะ เวินจิ้งกลับมาเรียบเรียงข้อมูลในการแข่งขันโต้วาทีต่อ สุดท้ายเธอก็นั่งทำงานอยู่ตลอดทั้งคืนโดยไม่รู้ตัว
เช้ามาก็พกใต้ตาคล้ำๆเข้ามาในห้องเรียน แต่กลับไม่คิดเลยว่าเพื่อนคนอื่นๆก็ไม่ได้นอนทั้งคืนเหมือนกัน ทุกคนต่างทุ่มเทแรงกายทั้งหมดเพื่อการแข่งขันในครั้งนี้
เหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงก็จะได้เวลาแข่ง โจวเซินนำเอาต้นฉบับแบบสมบูรณ์ออกมา จากนั้นก็ร่วมหารือกับทุกคนว่าฝ่ายตรงข้ามจะพูดแย้งอะไรออกมาบ้าง เพื่อตีแตกอีกฝ่าย
ตอนบ่าย เวินจิ้งได้รับสายจากเบอร์แปลก คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเจียงฉี
“เวินจิ้ง….เหยาเหยาเกิดเรื่องแล้ว” เสียงของเจียงฉีปะปนไปด้วยเสียงสะอื้น
เวินจิ้งเปลี่ยนสีหน้าเป็นเคร่งเครียด “เธอเป็นอะไรไป?”
“เธอ…..เธอท้อง เธอแอบผมไปทำแท้งด้วย ตอนนี้กำลังขึ้นเตียงผ่าตัด….แต่ว่าการผ่าตัดมีปัญหา เหยาเหยาเลือดออกเยอะมาก……”
“ว่าไงนะ? อยู่โรงพยาบาลไหน?” เวินจิ้งยืนขึ้นทันที แต่กลับพบว่าการกระทำของตัวเองดูจะเสียงดังไปหน่อย
เธอจึงเดินออกจากห้องเรียนไป ในดวงตาไม่สามารถปกปิดความเป็นห่วงเอาไว้ได้เลย
“โรงพยาบาลหลินไห่ ผมไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงไม่มาปรึกษาผมก่อน…..เธอพรากลูกผมไปโดยไม่บอกกล่าวกันสักคำ…..”
“เจียงฉี คุณใจเย็นๆก่อน ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”
แต่เพิ่งนึกได้ว่า อีกหนึ่งชั่วโมงเธอก็ต้องเข้าร่วมการแข่งขันโต้วาทีแล้ว
เมื่อวางสาย โจวเซินก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเธอ
“เกิดอะไรขึ้น?”
“หลิงเหยาอยู่ที่โรงพยาบาล ฉันว่าจะไปหา…..”
“แต่การแข่งขันในครั้งนี้ จะขาดใครไปไม่ได้นะ” สีหน้าของโจวเซินอึมครึมลง
“ฉันรู้…..” เวินจิ้งกลุ้มใจเอามากๆ
“บอกผมมาว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ผมมีคนรู้จักที่โรงพยาบาลอยู่”
“ฉัน…..”เธอมองโจวเซิน ในตอนนี้เวินจิ้งสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว จึงหลุดปากพูดออกไปว่า “หลิงเหยาท้อง ตอนนี้อยู่ในภาวะอันตรายในห้องผ่าตัด”
เธอไม่ได้พูดว่าหลิงเหยาทำแท้ง ถ้าพูดออกไปถึงยังไงก็ไม่ใช่เรื่องดีแน่ ยิ่งคนรู้น้อยมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี
“สบายใจได้ ผมจะให้คุณหมอที่เก่งที่สุดไปช่วย ส่วนคุณก็ทำใจให้สบายแล้วเข้าร่วมการแข่งขันเถอะ” พูดจบ โจวเซินก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาโทรออกอย่างรวดเร็ว
แต่จิตใจเวินจิ้งกลับอยู่ไม่สุข หลังจากที่ได้รับการยืนยันจากโจวเซินว่ามีคุณหมอตามไปแล้ว เธอถึงได้โทรไปบอกเจียงฉีอีกครั้ง จากนั้นจิตใจถึงได้สงบขึ้นมาบ้าง
เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเดินเข้าไปในสนามการแข่งขันโต้วาที