Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 527
บทที่ 527 เข้าใจคุณมากกว่าเดิมแล้ว
เวินจิ้งนิ่งไป เมื่อสบสายตากับมู่วี่สิง คนคนนั้นคงสำคัญกับมู่วี่สิงมากสินะ
ในวัยเด็กของเธอ ก็เคยมีเด็กผู้ชายคนหนึ่งเหมือนกัน เขามักจะเย็นชาเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่น แต่พออยู่ต่อหน้าเธอ เขาก็จะเผยรอยยิ้มสดใสออกมา
“มู่วี่สิง เหมือนฉันจะ เข้าใจคุณมากกว่าเดิมแล้ว” เวินจิ้งเผยรอยยิ้มเจิดจ้าออกมา
มู่วี่สิงลูบหัวของเธออย่างรักใคร่เหมือนทุกครั้ง จากนั้นก็จับท้ายทอยเธอเอาไว้ แล้วก้มลงไปจูบเธออย่างดูดดื่ม
ความรู้สึกรุนแรงปะทุออกมาระหว่างคนทั้งสอง เมื่อเห็นว่ากำลังจะล้มตัวลงไปบนโซฟา เวินจิ้งก็รีบดันหน้าอกของมู่วี่สิงเอาไว้
ตอนนี้ยังมีหลิงเหยาอยู่ด้วยนะ!
เธอถลึงตาใส่มู่วี่สิง แล้ววิ่งกลับเข้าไปในห้องอย่างเขินอาย
สีหน้าของมู่วี่สิงกลับบึ้งตึง หลิงเหยาต้องอยู่ที่นี่ไปอีกหนึ่งอาทิตย์เลยเหรอ ตอนนี้เขาชักจะทนไม่ไหวแล้ว!
เขาบีบหัวคิ้วอย่างหงุดหงิด จากนั้นก็เดินไปยังห้องนอน แต่ในตอนนี้เอง หลิงเหยาก็เดินเป่าแก้วนมออกมาพอดี ชุดนอนบนตัวของเธอบางมาก แถมยังไม่ใส่ชุดชั้นในอีก ผิวขาวๆจึงโผล่ออกมาแบบวับๆแวมๆ
สายตาของมู่วี่สิงไม่ได้มองมาที่เธอ แต่เดินเฉียดไหล่ของหลิงเหยาไป
เมื่อกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆปะทะเข้ามา สีหน้าของมู่วี่สิงก็ยิ่งขมวดมุ่น
วันรุ่งขึ้น ก็เป็นหลิงเหยาอีกตามเคยที่ลุกขึ้นมาทำอาหารเช้าเอาไว้ เดิมทีต้องเป็นมู่วี่สิงทำ แต่สองวันมานี้เขากลับรู้สึกขี้เกียจลุกซะงั้น
เวินจิ้งกอดมู่วี่สิง แล้วก็ดันเขาออก “คุณหมอมู่ คุณจะสายแล้วนะ”
“งั้นเราออกไปกินข้าวเช้ากันไหม?” มู่วี่สิงมองเธอ
“หลิงเหยาน่าจะทำข้าวเช้าไว้แล้ว…..” เวินจิ้งขมวดคิ้ว
แม้ว่าเวินจิ้งจะบอกกับเธอไปแล้วว่าไม่ต้อง แต่เธอก็รู้สึกว่ามาอาศัยอยู่ฟรีกินฟรีคงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ก็เลยต้องออกตัวว่าจะรับผิดชอบทำหน้าที่นี้ให้ได้ เวินจิ้งเองก็ไม่รู้จะห้ามยังไงแล้ว
“งั้นผมออกไปทำงานเลยแล้วกัน” มู่วี่สิงลุกขึ้นอย่างเย็นชา
เวินจิ้งลูบตา เมื่อครู่เธอรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ามู่วี่สิงกำลังโกรธ
บริเวณห้องรับแขก มู่วี่สิงเดินตรงไปที่หน้าประตู โดยไม่คิดจะหยุดอยู่ในห้องรับแขกเลยสักนิด
หลิงเหยาอยู่ในห้องครัวตลอด จึงไม่ได้เห็นแม้แต่เงาของเขา ได้ยินแค่เสียงเดิน
เมื่อเสียงปิดประตูดังขึ้น ใบหน้าก็ขุ่นมัวลงทันที
ในตอนที่เวินจิ้งออกมา เธอมองไปรอบๆก็ไม่เห็นมู่วี่สิง นี่ออกไปทำงานจริงๆแล้วเหรอ!
เวินจิ้งทั้งโกรธทั้งจนปัญญา!
“เกลียดชะมัด!” เธอเปิดโทรศัพท์ เพื่อที่จะส่งข้อความไปเตือนมู่วี่สิงว่าอย่าลืมกินข้าวเช้า เธอคิดไปคิดมาก็ไม่ส่งดีกว่า
“เวินจิ้ง มู่วี่สิงไปทำงานแล้วเหรอ?” หลิงเหยายกบะหมี่ออกมาสองชาม ที่จริงมีอีกชาม แต่พอรู้ว่ามู่วี่สิงออกไปแล้วจึงเททิ้ง
“อืม วันนี้เขาต้องรีบไปประชุม” เวินจิ้งพูดขึ้นมา
เธอไม่อยากให้หลิงเหยาเข้าใจผิด จึงหาข้ออ้างแทนมู่วี่สิง
“เอาล่ะ แกก็รีบกินเถอะ ยังต้องไปมหาลัยนี่”
หลังจากที่เวินจิ้งออกไป หลิงเหยาก็นั่งอยู่ในการ์เด้นมู่เจียวานคนเดียว ผ่านไปพักใหญ่ เธอถึงได้มาที่โรงพยาบาลจงซิน
หน้าห้องตรวจของมู่วี่สิงมีบัตรคิวแขวนไว้เต็มแล้ว แต่เธอก็ใช้คอนเน็คชั่นพิเศษเพิ่มบัตรคิวแทรกเข้าไป
เมื่อมาถึงคิวของเธอ เธอก็เดินเข้าไปอย่างประหม่า
“มีปัญหาอะไร” น้ำเสียงของมู่วี่สิงเรียบนิ่ง
“ปัญหาหัวใจ” หลิงเหยาพูดเสียงเบา
มู่วี่สิงมุ่นคิ้ว “ผมจะส่งคุณไปที่แผนกหัวใจก็แล้วกัน”
“ไม่ล่ะ แค่ได้เห็นหน้าคุณ ก็ดีขึ้นแล้ว” หลิงเหยาไม่อาจปกปิดความรักในดวงตาได้เลย
“ให้เวลาภายในวันนี้ ย้ายออกจากการ์เด้นมู่เจียวานไปซะ” น้ำเสียงของมู่วี่สิงดุดันถึงขั้นสุด
หลิงเหยาทำเป็นไม่ได้ยินที่เขาพูด นั่งลงบนเก้าอี้ แล้วมองมู่วี่สิงอยู่อย่างนั้น
ที่การ์เด้นมู่เจียวาน มีเวินจิ้งอยู่ด้วย เธอไม่กล้ามองมู่วี่สิงแบบนี้หรอก
“มู่วี่สิง เรื่องราวในอดีต คุณลืมมันไปหมดแล้วเหรอ? เราเคยคบกันนะ” หลิงเหยามองเขาอย่างคาดหวัง
แต่ท่าทางของมู่วี่สิง กลับเรียบนิ่งตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้
“มันก็แค่เรื่องที่คุณคิดไปเองทั้งนั้น”
“ไม่ใช่….ตอนนั้น คุณก็ชอบฉันเหมือนกัน!”
“คุณหลิงครับ ข้างนอกยังมีคนไข้อีกเยอะ ถ้าคุณยังไม่ออกไป ผมจะเรียกรปภ.เข้ามา”
พูดจบ มู่วี่สิงก็สั่งให้ผู้ช่วยที่อยู่ข้างหลังแจ้งรปภ.
หลิงเหยาลนลาน กำแฟ้มข้อมูลคนไข้ในมือแน่น ใบหน้าก็ซีดเผือด
“ไม่ต้อง ฉันจะไปแล้ว” หลิงเหยาเดินออกไปอย่างไม่ค่อยเต็มใจ แต่ก็ไม่ได้ออกจากโรงพยาบาลไปไหน แค่รออยู่ข้างนอก
จนกระทั่งถึงตอนเที่ยง มู่วี่สิงก็ตรวจคนไข้เสร็จ ในตอนที่กำลังเดินไปโรงอาหาร หลิงเหยาก็มาขวางเขาเอาไว้
“มู่วี่สิง เรามาคุยกันก่อน”
“ผมคิดว่าผมไม่มีอะไรต้องคุยกับคุณหลิงนะครับ” มู่วี่สิงมีท่าทางเย็นชา
“งั้นฉันก็จะเอาเรื่องนั้นไปบอกเวินจิ้ง!” หลิงเหยากัดริมฝีปาก พูดขึ้นมาอย่างประหม่า
จริงๆแล้ว เธอรู้จักนิสัยของมู่วี่สิงดี คิดว่าเขาคงไม่สะทกสะท้านกับคำขู่ของเธอหรอก
แต่คำที่พูดออกไปแล้ว จะเก็บกลับมาก็ไม่ได้
“อืม คุณบอกเธอได้เลย ผมเชื่อใจเวินจิ้ง” มู่วี่สิงพูดอย่างไม่แยแส
ความรู้สึกของเขากับเวินจิ้ง ไม่ใช่ว่าหลิงเหยาจะเข้ามาสั่นคลอนได้ง่ายๆ
“มู่วี่สิง!” หลิงเหยาหน้าหงิกงอ เบิกตามองมู่วี่สิงเดินเข้าไปในลิฟต์โดยมีผู้คนล้อมรอบ เธอโกรธจนทำตัวไม่ถูก
ในตอนนี้เอง โจวหย่านก็เดินออกมาจากเคาน์เตอร์พยาบาล แล้วเหลือบมองหลิงเหยา จากนั้นก็พูดเสียงเย็นว่า “คุณชอบคุณหมอมู่เหรอ?”
“ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ” หลิงเหยาเงยหน้าขึ้นมาเตรียมจะเดินจากไป
“ฉันขอบอกคุณไว้ก่อนนะ ถ้าคิดจะมาแย่งคุณหมอมู่ คุณต้องต่อคิวอยู่ข้างหลังฉัน” โจวหย่านพูดออกมาอย่างโอ้อวด
หลิงเหยาหัวเราะ แล้วมองเด็กผู้หญิงวัยรุ่นตรงหน้า “ต่อคิวงั้นเหรอ? ถ้าฉันอยากได้ แค่แย่งมาก็ได้ละ”
พูดจบ ก็หมุนตัวย่ำรองเท้าส้นสูงออกไป เธอรู้มาตลอดว่ามู่วี่สิงมีคนมาชอบอย่างไม่มีขาด แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็คิดว่ามีแค่ตัวเองเท่านั้นถึงจะคู่ควรกับเขา!
ทันทีที่เดินออกมาจากโรงพยาบาล ก็ไม่คาดคิดว่าจะได้มาเจอเจียงฉี โทสะในดวงตาของหลิงเหยายิ่งแพร่กระจายไปทั่ว
เมื่อก่อนตอนที่สูญเสียความทรงจำไปพักหนึ่ง เธอก็ไม่รู้ว่าตัวเองไปรู้สึกกับเจียงฉีได้ยังไง แล้วไหนจะท้องลูกของเขาอีก บ้าไปแล้วจริงๆ
ผู้ชายคนนี้หน้าตาดีก็จริง แต่พอเทียบกับมู่วี่สิงแล้ว ยังห่างกันอยู่เยอะ
“เหยาเหยา!” เมื่อเห็นหลิงเหยา ดวงตาของเจียงฉีก็เป็นประกายขึ้นมา
ช่วงที่ผ่านมานี้เขาไม่เคยลดละความพยายามในการตามหาหลิงเหยาเลย แต่เธอก็เอาแต่หลบเขาอยู่ตลอด
“เจียงฉี เราเลิกกันแล้วนะ” หลิงเหยาหน้าบึ้งตึง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความรำคาญ
“ผมรู้ แต่ว่า ผมแค่เป็นห่วงสุขภาพของคุณ”
เพราะถึงอย่างไรหลิงเหยาก็ท้องลูกของเขา แม้ว่าเธอจะเลือกทำแท้งไปแล้ว แต่เขาคิดว่าเขาก็ยังต้องรับผิดชอบ
“ฉันไม่เป็นอะไร ร่างกายฟื้นตัวดีขึ้นมากแล้ว”
“งั้นก็ดีแล้ว คุณกลับไปที่มหาลัยกับผมได้ไหม? ผมซื้อยาบำรุงมาให้คุณเยอะเลย ผมไม่รู้ว่าคุณจะมาที่โรงพยาบาล เลยไม่ได้เอาติดมือมาด้วย” พูดจบ เจียงฉีก็จับข้อมือของหลิงเหยาโดยอัตโนมัติ
แต่กลับถูกเธอสะบัดออกอย่างเย็นชา เพียงแต่ว่าหลิงเหยาไม่ได้มีเรี่ยวแรงอะไรมากมาย จากการกระทำนี้เธอจึงเกือบจะเซล้ม
เจียงฉีรับเธอเอาไว้ได้ทัน แต่วินาทีต่อมา หลิงเหยาก็สะบัดฝ่ามือใส่หน้าของเขา
สีหน้าของเจียงฉีนิ่งค้างไปชั่วขณะ
เขาไม่เคยเห็นหลิงเหยาเป็นแบบนี้เลย หรือบางที เขาอาจจะไม่เคยรู้จักหลิงเหยาจริงๆเลยก็ได้
เขายืนบื้อมองเธออยู่อย่างนั้น หลิงเหยาผลักเขาออก ราวกับสังเกตว่าตัวเองตบเขาแรงเกินไป จึงกัดริมฝีปากแล้วพูดว่า “ขอโทษ ตอนนี้ฉันไม่อยากกลับไปที่มหาลัย ส่วนยาบำรุงพวกนั้น คุณกินเองเถอะ”
พูดจบ ร่างผอมบางก็เดินหายไปจากสายตาของเจียงฉีอย่างรวดเร็ว