Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 54
ตอนที่ 54 แหวนแต่งงานที่อาจจะมาช้าไปสักนิด
ด้วยความที่ตอนเช้าบรรดาแฟนคลับพากันเข้ามารุมล้อมมู่วี่สิง เธอเลยเลือกที่จะใช้ประตูที่ไม่เป็นที่สังเกตเพื่อเข้าไปข้างใน เพราะเธอกลัว
เย่กวนกวนที่พึ่งจะตรวจเสร็จเห็นเวินจิ้งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล เลยรีบถอดแว่นกันแดดออกแล้วเดินเข้าไปหา
“เวินจิ้ง มาหาหมอมู่เหรอ” เย่กวนกวนมอง
“ฉันจะทำอะไรก็ไม่จำเป็นจะต้องรายงานให้คุณเย่รู้นี่คะ เพราะเราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น” เวินจิ้งพูดโดยไม่แสดงสีหน้าใดๆ แล้วเดินผ่านเย่กวนกวนไป
เย่กวนกวนโกรธ กล้าดียังไงถึงมาพูดกับเธอแบบนี้!
“แต่ดูเหมือนว่าช่วงนี้หมอมู่จะมาที่บ้านฉันทุกอาทิตย์เลยนะ” เย่กวนกวนรีบพูด
เวินจิ้งขมวดคิ้ว ไม่หยุดที่จะเดินไปต่อ
“เวินจิ้ง ฉันจะบอกอะไรเธอให้นะ ว่ามู่วี่สิงเนี่ย ฉันจอง!”
เสียงของเย่กวนกวนลอยมาในขณะที่เวินจิ้งก้าวเข้าไปในลิฟต์ เวินจิ้งมองเย่กวนกวน จนค่อยๆถูกคนตัวสูงในลิฟต์ล้อมรอบ พวกเขานั้นสูงมากพอที่จะทำให้เธอไม่เห็นเย่กวนกวนอีก
เสียงของเย่กวนกวนยังคงดังก้องอยู่ในหูของเธอ
ใช่แล้ว เย่กวนกวนมีคุณสมบัติเหมาะสมกับมู่วี่สิงทุกอย่าง
ลิฟต์หยุดอยู่ที่ชั้นของแผนกประสาทวิทยา เวินจิ้งไม่ก้าวเท้าออกไป เธอเลือกที่จะกลับบ้านแต่เพียงลำพัง
…
พอเจี่ยนอีเห็นเวินจิ้ง ก็รู้สึกประหลาดใจ
“มู่วี่สิงล่ะ”
“เขาต้องทำงานค่ะ”
“เขาลาไม่ได้เหรอ ถึงไม่ได้มาพร้อมกับลูกน่ะ” เจี่ยนอีถอนหายใจอย่างขัดใจเล็กน้อย
เวินจิ้งยิ้มและเข้าไปช่วยจัดการภายในครัว : “เขาก็ยุ่งเป็นปกติแหละค่ะ ไม่เป็นไรหรอก ยังไงหนูก็มาหาแม่บ่อยๆอยู่แล้วนี่เนอะ”
“แต่แม่เห็นลูกมา25ปีจนแม่เบื่อแล้วนะ” เจี่ยนอีพูดเสียงดัง
เวินจิ่งทำปากย่น รู้สึกเหมือนโดนแม่ทอดทิ้งยังไงยังงั้น
“ไว้เขาว่างแล้วหนูจะพาเขามาหาเองนะ แม่ทนเห็นลูกคนนี้ต่อไปก่อนแล้วกัน”
“งั้นก็ให้เขามาเย็นนี้เลยแล้วกัน! แม่อุตส่าห์ไปซื้อปลาสดๆที่ตลาดมาเลยนะ! รู้ไหมว่าแม่น่ะทอดปลาอร่อยที่สุดในโลกเลย” เจี่ยนอีพูดอย่างภูมิใจและเอาแต่พูดถึงหมอมู่ไม่หยุด
เวินจิ้งฟังแล้วก็ปวดหัว เธอไม่อยากจะเจอเขาในตอนนี้เลยจริงๆ
ในขณะที่เวินจิ้งกำลังคิดๆอยู่ ก็มีเสียงกดกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น เธอขมวดคิ้ว คิดว่าอาจจะเป็นพัสดุมาส่งหรือเปล่า
แต่พอเปิดประตูออกไปดู กลับพบว่าคนที่กดกริ่งเป็นผู้ชายที่เธอไม่อยากเจอในตอนนี้มากที่สุด
“นายมาได้ไง” เวินจิ้งถามอึกอัก
“คุณผู้หญิงมู่จะกลับมาบ้านโดยที่ไม่บอกกันเลยงั้นหรอ” มู่วี่สิงเลิกคิ้ว เหมือนจะโกรธนิดๆ
“ก็ฉันเห็นว่านายกำลังติดประชุมอยู่นี่ และอีกอย่างร่างกายนายก็ยังไม่หายดีด้วย” เวินจิ้งอ้างพลางมองเขา
“ฉันประชุมเสร็จไปตั้งนานแล้ว ส่วนร่างกายของฉัน เธอก็น่าจะรู้ดีไม่ใช่หรอว่ามันดีหรือไม่ดีขึ้น จากเมื่อคืนน่ะ” มู่วี่สิงพูดด้วยกลิ่นอายของความซุกซน
ทำเอาเวินจิ้งหน้าแดง
“อ้าว หมอมู่มาแล้วเหรอ! รีบเข้ามาเร็ว! เวินจิ้ง ลูกไปเปิดทีวีให้เขานั่งดูไปพลางๆก่อนสิ แล้วอย่าลืมรินชาให้เขาด้วยล่ะ” พอเจี่ยนอีที่ออกมาดู เห็นว่าคนที่มาเป็นมู่วี่สิง ก็รีบทำการต้อนรับขับสู้อย่างเต็มที่
มู่วี่สิงหอบกล่องของขวัญสองกล่องมาให้เจี่ยนอีเพื่อเป็นการทักทาย : “คุณแม่ครับ นี่ครับ”
“โอ้ หมอมู่ช่างมีน้ำใจอะไรอย่างนี้! แล้วยังเรียก ’แม่’ อีกด้วย ไม่เสียแรงเลยที่รอมา20กว่าปี!”
เวินจิ้งเงียบไม่พูดอะไร : “… “
พอเห็นว่าแม่ของเธอดี๊ด๊าปลาบปลื้มจนน้ำตาแทบไหล เธอก็รีบดึงแม่ของเธอเข้าไปในห้องครัว : “แม่คะ ทำอาหารเสร็จแล้วค่อยออกมาก็ได้ค่ะ หมอมู่ของแม่ไม่หายไปไหนหรอก”
พอมู่วี่สิงเห็นก็ยิ้มออกมา บ้านนี้ถึงแม้จะเป็นบ้านเล็กๆแต่ก็อบอวลไปด้วยความรู้สึกอบอุ่น อยู่แล้วรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
“เอาพรมไหม โซฟามันแข็งน่ะ ไม่น่าจะนั่งสบายเท่าไหร่หรอก” เวินจิ้งถาม
มู่วี่สิงส่ายหน้า : “มานั่งนี่มา เปิดทีวีให้ดูด้วยนะ”
มู่วี่สิงดึงเธอมานั่งบนตัก แต่เธอก็ไม่ได้ผลักออกแต่อย่างใด เพราะแม่เธออาจจะกำลังดูอยู่
“แล้วเมื่อกี้นายพูดอะไรน่ะ” เวินจิ้งถาม
“พูดอะไร”
“ก็ที่เรียกแม่ฉันว่า ‘แม่’ ไง” เวินจิ้งพูดเสียงต่ำ
พอมู่วี่สิงเรียกเจี่ยนอีว่า ‘แม่’ เท่านั้นแหละ เจี่ยนอีก็ดีใจใหญ่
“แล้วมันไม่ใช่เรื่องปกติที่เขาทำกันหรือไง อีกอย่างพวกเราก็แต่งงานกันมาเดือนนึงแล้วนะ อย่าลืม” มู่วี่สิงพูด พลางกุมมือเวินจิ้งเอาไว้
เวินจิ้งประหลาดใจ นี่หนึ่งเดือนแล้วหรอที่พวกเขาแต่งงานกัน
แต่ไม่ว่านานแค่ไหนมันก็คงไม่สำคัญ เพราะพวกเธอไม่ใช่สามีภรรยากันจริงๆซะหน่อย
“แต่… “
“คนที่เธอรัก ก็คือคนที่ฉันรัก”
เวินจิ้งมองลึกเข้าไปในตาของเขา ถ้าใครได้เป็นผู้หญิงของมู่วี่สิงคงจะโชคดีสุดๆไปเลยล่ะ
พอเธอคิดอย่างนั้นก็เศร้าขึ้นมา
เจี่ยนอีออกมา เห็นว่าทั้งสองคนนั่งกุมมือกันดูทีวีก็รู้สึกสบายใจ
พออาหารพร้อม มู่วี่สิงก็จัดการรินชา ตักข้าว โดยที่มีเวินจิ้งคอยพยายามห้ามเขาอยู่
“เวินจิ้ง ลูกนี่ไม่ทำให้แม่ผิดหวังจริงๆ พวกลูกดูรักกันมาก แล้วนี่ขนาดหมอมู่เขายุ่งๆเขายังไม่ละเลยลูกเลย” เวินจิ้งพูดตาเป็นประกาย
ก่อนหน้านี้ก็มีผู้ชายอีกคนที่ทำแบบนี้ แต่สุดท้ายก็ทิ้งลูกสาวของเธอไป
“จิ้งจิ้งเป็นภรรยาผม ผมจะละเลยเธอได้ยังไงล่ะครับ” มู่วี่สิงพูดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
เขาและเจี่ยนอีเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยซะจริง
พอทานข้าวเสร็จ มู่วี่สิงก็จัดการล้างถ้วยชาม พอเวินจิ้งเห็น เธอก็ตาโตแล้วรีบเข้ามาห้าม
“อย่านะมู่วี่สิง! หยุด! ฉันไม่อยากให้นายมาทำถ้วยชามที่บ้านฉันแตกหรอกนะ!”
มู่วี่สิงยิ้ม พลางกดน้ำยาล้างจานออกมาเตรียมล้างมีดที่อยู่บนมือทั้งสอง เวินจิ้งเจ็บใจที่ห้ามเขาไม่ได้!
เธอเลยบอกกับมู่วี่สิงว่า : “งั้นให้ฉันช่วยนายแล้วกัน”
“เธอไปพักเถอะ” มู่วี่สิงพูด
“ไม่”
“ต้อง”
“ฟังกันบ้างสิ”
เจี่ยนอีที่อยู่ด้านนอก พอเห็นทั้งสองคนกำลังทะเลาะกันอยู่ในห้องครัว ก็ยิ้มกว้างออกมา
สุดท้ายพวกเขาสองคนก็ช่วยกันล้างถ้วยชาม
“แม่คะ เดี๋ยวอาทิตย์หน้าหนูมาหาแม่อีกทีนะคะ”
“ถ้ามากับหมอมู่ก็โอเค แต่ถ้ามาคนเดียวไม่ต้องมานะ” เจี่ยนอีบอก
“คุณแม่ครับ เดี๋ยวผมจะมาด้วยครับ” มู่วี่สิงพูดแทรกขึ้น
เวินจิ้งมองเขา พลางคิดว่าเขาจะมาได้จริงๆงั้นเหรอ เห็นยุ่งทุกวันเลยนี่!
“ดีดีดี!”
รถปอร์เช่ของมู่วี่สิงจอดอยู่หน้าบ้าน
พอเวินจิ้งเปิดประตูรถออก เธอก็ต้องตกตะลึง เมื่อเห็นดอกกุหลาบช่อใหญ่วางอยู่บนที่นั่งคนขับ
เธอมองมู่วี่สิงด้วยตาที่เป็นประกาย เขาเข้าไปนั่งฝั่งคนขับ พร้อมกับยื่นดอกกุหลาบช่อนั้นให้เวินจิ้ง
“คุณผู้หญิงมู่ ขอบคุณที่อยู่เคียงข้างกันมาตลอด 1 เดือนเต็มนะ”
เวินจิ้งอึ้ง นี่คือดอกกุหลาบช่อแรกในชีวิตเธอเลยนะ
ก่อนหน้าที่เธอคบกับฉืออี้เหิง เขาไม่เคยทำอะไรแบบนี้ให้เธอเลย
ทั้งๆที่… เธอชอบแบบนี้แท้ๆ
“มู่วี่สิง ฉัน… ขอบคุณนะ” พอเวินจิ้งเห็นว่าคนแถวๆบ้านพากันมองมายังพวกเขา เธอก็เลยรีบขึ้นไปนั่งบนรถทันที
เธอมองช่อดอกกุหลาบที่อยู่ในมือ ในช่อดอกกุหลาบนั้นมีแหวนวงนึงเกี่ยวไว้อยู่
เธอตกใจ นี่มันเหมือนกับการขอแต่งงานเลย
แต่… พวกเขาก็แต่งงานกันแล้วนี่นา
เธอมองมู่วี่สิงด้วยความประหลาดใจ เขาเอื้อมมือมาจับมือของเธอขึ้น
“คุณผู้หญิงมู่ นี่คือแหวนแต่งงานที่อาจจะมาช้าไปสักนิดนะ”
หลังจากสวมแหวนให้เธอเสร็จ เขาก็จูบเธอเบาๆที่หน้าผาก
เวินจิ้งนิ่งไปชั่วขณะ
หัวใจเต้นรัว พร้อมกับใบหน้าที่เริ่มร้อนผ่าว ผู้ชายที่อยู่ข้างๆเธอ คือมู่วี่สิง มู่วี่สิงจริงๆ
ทั้งๆที่เขาทั้งสองคนต่างก็ไม่ได้ยินดีเรื่องที่จะต้องมาตกลงแต่งงานกันอยู่แล้วแท้ๆ
“ฉะ… ฉัน…” เธอมองแหวนที่อยู่บนนิ้วนางของเธอ ไซส์ของแหวนนั้นพอดีกับนิ้วของเธอเลย ไม่คับไม่หลวมจนเกินไป ส่วนแบบของแหวนนั้นก็เป็นแบบที่เรียบง่ายแต่ดูดี
ถึงแม้ว่าเพชรบนแหวนจะไม่ได้ใหญ่อะไรมาก แต่รอบๆแหวนนั้นล้วนถูกฝังด้วยเพชรเม็ดเล็กๆจำนวนนับไม่ถ้วน ทำให้ดูเรียบหรู ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป
“มันจำเป็นสำหรับเรางั้นหรอ” สุดท้ายเวินจิ้งก็สรรหาคำพูดขึ้นมาพูดกับเขาได้