Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 550
บทที่ 550 ร่องรอยของความคาดหวัง
จนกว่าคนข้างหลังเร่งเธอ เวินจิ้งถึงเดินออกจากในลิฟต์
เวลาตอนนี้บ่ายสาม อีกสองชั่วโมงมู่วี่สิงถึงจะเสร็จงาน
โจวหย่านไม่ได้อยู่แผนกศัลยกรรมประสาทแล้ว พยาบาลหน้าเค้าเตอร์ก็ล้วนเป็นใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยทั้งนั้น
ไม่นานหลังจากนั้น มีเสียงประชาสัมพันธ์จากพยาบาลว่า วันนี้คุณหมอมู่วี่สิงจะปิดการให้การรักษาเช้ากว่าปกติ ให้คนที่ยังรอคิวอยู่มาในวันพรุ่งนี้
แล้วมู่วี่สิง……
เมื่อเวินจิ้งเข้ามาถึงห้องพยาบาลของเขา มู่วี่สิงก็ได้ออกไปนานแล้ว
เธอขมวดคิ้วไว้ และรู้สึกผิดหวังมาก
เมื่อออกจากโรงพยาบาล เวินจิ้งกำลังจะโทรหามู่วี่สิง ก็เห็นเขาเข้าไปในรถเก๋งสีดำคันหนึ่ง
รถคันนี้เป็นรถของบ้านหลิง
เพราะรถคันนี้จอดที่ลานจอดของหอพักในมหาลัยหลินไห่บ่อยมาก ดังนั้นเวินจิ้งจึงรู้ว่าเป็นรถของใคร
มีเงาร่างผู้หญิงนั่งอยู่ข้างในรถนั้น คงต้องเป็นหลิงเหยาแน่เลย
ผ่านไปสักพัก หลังจากมู่วี่สิงเข้าไป รถคันนั้นก็ขับออกไปอย่างรวดเร็ว
เวินจิ้งมองไปทิศทางที่รถกำลังแล่นออกไปด้วยสีหน้าซีดเซียว
หมายเลขโทรศัพท์ที่เธอกำลังจะโทรออก ก็ต้องถูกลบออกไปทีละตัว
เมื่อขึ้นรถแท็กซี่ เธอบอกคนขับให้ไปส่งที่การ์เด้นมูเจียวานอย่างไม่รู้ตัว เมื่อคนขับจับตำแหน่งจีพีเอสเสร็จ เธอถึงจะนึกได้
กลับไป……ทำไม
แต่ว่า เธอยังมีความหวังอยู่ในใจลึก ๆ ว่ามู่วี่สิงจะกลับมา
ก่อนกลับไปที่การ์เด้นมูเจียวาน เวินจิ้งไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ตอีกครั้ง แล้วได้ซื้อเนื้อและผักสดมากมายกลับไป
บ้านอันว่างเปล่านี้ มีคนงานมาทำความสะอาดอยู่ทุกวัน และทำให้บ้านดูสะอาดเรียบร้อยตลอด
แต่ว่าที่นี่ ไม่มีกลิ่นอายของมู่วี่สิงเลย
เขาคงไม่ได้กลับมานานแล้ว
เมื่อเดินเข้าไปในห้องครัว เธอคลิกที่ซอฟต์แวร์ห้องครัวและเริ่มเตรียมทำอาหาร
เวลาค่อย ๆ ผ่านไป จนเข็มทิศนาฬิกาชี้ไปที่เลขแปด เวินจิ้งก็ทำอาหารเสร็จสามอย่าง และมีซุปหนึ่งถ้วย
แม้ว่ารูปลักษณ์จะไม่ค่อยดูดีนัก แต่เมื่อเธอลองชิมรสชาติเองแล้ว ก็ถือว่า……พอกินได้
เปิดดูโทรศัพท์ ไม่มีสายหรือข้อความจากมู่วี่สิงเลย
ลังเลอยู่สักพัก สุดท้ายเธอกดโทรหาเขา
ณ เวลานี้ ออฟฟิศในบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป
หลิงเหยานั่งอยู่บนโซฟาแล้วเห็นโทรศัพท์ที่อยู่ไม่ไกลกำลังสั่นอยู่ เธอหันไปมองหลิงอี้และมู่วี่สิงในห้องประชุม แล้วหยิบโทรศัพท์นั้นขึ้นมา
เมื่อเห็นสายเรียกเข้าจากเวินจิ้ง หลิงเหยารู้สึกตกใจ
“ฮัลโหล?”
เมื่อได้ยินเสียงของหลิงเหยา เสียงที่พร่ามัวของเวินจิ้งก็ถูกกลบกลับไปในใต้ลิ้น
“วี่สิงกำลังอาบน้ำอยู่ ตอนนี้ยังไม่สะดวกคุย” เสียงแผ่วเบาของหลิงเหยา
เวินจิ้งถือโทรศัพท์ไว้ แล้วนึกภาพว่าตอนนี้เขาสองคนอยู่ไหนกัน
โรงแรมเหรอ?
ไม่งั้นจะอาบน้ำอยู่ได้ไงกัน
หรือว่า อยู่บ้านอีกหลังของมู่วี่สิง
เวินจิ้งหัวเราะประชด ไม่ได้พูดอะไรต่อ แล้ววางสายนั้นไป
หลิงเหยาถือโทรศัพท์ไว้ แล้วลบประวัติการโทรเบอร์ของเวินจิ้ง จากนั้นค่อยวางไว้ที่เดิม
“ท่านประธานมู่ ขอบคุณความร่วมมือจากท่านด้วยนะครับ โครงการนี้หากมีบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปมาร่วมมือด้วย ทางบริษัทหลิงซื่อของเราก็คงพลิกสถานการณ์ในตอนนี้กลับไปได้อย่างแน่นอนเลยครับ”
สีหน้ามู่วี่สิงยังคงเฉยเมย ที่เขายอมช่วยเรื่องนี้ ก็เพราะเห็นแก่คุณนายหลิงคนเดียวเท่านั้น
“ยินดีที่ได้ร่วมงานด้วย” เขาตอบกลับเบา ๆ
หลิงอี้และหลิงเหยาได้ออกจากที่นั่นในไม่ช้า มู่วี่สิงนั่งอยู่ในห้องประชุมแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เขาเปิดประวัติการสนทนาของเขากับเวินจิ้งขึ้น แล้วเห็นข้อความสุดท้ายที่เขาคุยกันคือสองวันก่อน
เขาลังเลอยู่สักพัก แต่สุดท้ายก็วางโทรศัพท์ลง
จากนั้นเกาเชียนเข้ามา แล้วปิดประตูห้องประชุมนั้น
“ท่านประธานมู่ครับ มิสเตอร์ส้งเพิ่งยักยอกเงินสิบล้านหยวนของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปไปครับ”
มู่วี่สิงหรี่ตาลงอย่างเย็นชาและค่อย ๆ กำหมัดแน่นขึ้น
เกาเชียนยืน USB มา ข้างในเป็นบันทึกการสนทนาล่าสุดของส้งวี่ และยิ่งไปกว่านั้นคือการสนทนากับโจวเซินด้วย
“เตรียมการทั้งหมดของคืนนี้เสร็จแล้วยัง?”มู่วี่สิงถามอย่างเย็นชาหลังจากฟังการอัดเสียงนี้เสร็จ
เกาเชียนพยักหน้า
โจวเซินไม่ได้อยู่หนานเฉินในวันนี้ รถของมู่วี่สิงค่อย ๆ จอดลง เมื่อมู่ซือซือถูกพาตัวออกมา ดวงตาของเธอก็กลายเป็นสีแดง
แม้หลายวันที่ผ่านมานี้เธอจะไม่ได้รับการทรมานอย่างใด แต่ความรู้สึกที่ถูกกักขังตัวอยู่นั้น ก็ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดไม่น้อย
โดยเฉพาะโจวเซินใช้เธอเป็นเครื่องมือในการข่มขู่ส้งวี่
เธอจะทนได้อย่างไร
“พี่ชาย……” เมื่อมู่ซือซือเห็นพี่ชาย ก็กระโดดเข้าไปในอ้อมแขนของเขาแล้วตะโกนร้องไห้ออกมา
มู่วี่สิงเม้มริมฝีปากบาง ๆ ของเขา แล้วลูบไหล่ปลอบใจน้องสาว “พี่มารับเธอแล้วนะ ขอโทษด้วยที่พี่ไม่ได้ปกป้องเธอให้ดี”
เขาไม่รู้ข่าวการหายตัวไปของมู่ซือซือเลย เพียงแต่สังเกตถึงความผิดปกติของส้งวี่ และถ้านึกคิดดี ๆ ช่วงนี้มู่ซือซือไม่ได้ติดต่อพี่ชายคนนี้เลย เขาจึงเดาได้ว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่นอน
เขาแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง ก็เพื่อจะให้โจวเซินไม่ทันตั้งตัว แล้วค่อยหาโอกาสพามู่ซือซือออกมา
สามวันนี้โจวเซินไม่อยู่หนานเฉิง จึงเป็นโอกาสที่ดี
อีกอย่างลูกน้องของโจวเซินถูกจัดการไป เขาคงไม่ได้รับข่าวเร็วขนาดนั้น
“พี่ พี่รู้ได้ยังไงว่าหนูอยู่ที่นี่” มู่ซือซือถามด้วยน้ำตา
“พี่เป็นพี่ชายเธอนะ อีกอย่างเธอเคยบอกไม่ใช่เหรอว่าพี่เป็นซูเปอร์แมน?” มู่วี่สิงแสดงรอยยิ้มที่หายาก
“พี่เป็นซูเปอร์แมนแน่นอนสิ พี่ชายของฉันเก่งที่สุด” มู่ซือซือพิงอยู่ในอ้อมแขนของพี่ชาย และความกังวลก็ค่อย ๆ จางหายไป
เมื่อคิดถึงส้งวี่ เธอก็รู้สึกผิดเล็กน้อย
โจวเซินต้องบังคับให้เขาทำเรื่องแย่ ๆ หลายเรื่องแน่เลย
เธอเงยหน้าขึ้น “พี่ ส้งวี่น่ะ……เขาถูกโจวเซินข่มขู่”
“พี่รู้ ตอนนี้โจวเซินคิดว่าตัวเองได้ยึดอำนาจของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปไปครึ่งหนึ่งแล้ว” มู่วี่สิงยิ้มอย่างเย็นเยือก
แม้ว่าบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปจะอยู่ในความดูแลของส้งวี่ แต่อำนาจหลักที่อยู่เบื้องหลังที่แท้จริงนั้นยังเป็นมู่วี่สิงอยู่
“โจวเซิน……เขาต้องการบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปเหรอ?” มู่ซือซือถามอย่างสงสัย
เธอไม่รู้จักโจวเซิน แต่ส้งวี่เคยพูดถึงเขา ไม่นึกเลยว่าเขาจะเป็นคนเลวขนาดนี้
ช่วงนี้บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปวุ่นวายมาก หรือทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของเขา?
มู่วี่สิงพยักหน้าด้วยสายตาอันเย็นเยือก
“หนูต้องไปหาส้งวี่ หนูกลัวแกจะทำอะไรไม่ดีไม่ร้าย……” มู่ซือซือพูดพึมพำ
“ไม่ต้องกังวล เธอกลับบ้านใหญ่กับพี่ก่อน ตอนนี้อย่างเพิ่งติดต่อส้งวี่” มู่วี่สิงพูด
“ทำไมล่ะคะ?”
“พี่ต้องการรู้ว่าโจวเซินจะทำอะไรต่อ” มู่วี่สิงหรี่ตาลง
เขาหว่านแหลงไปแล้ว ต้องดูว่าโจวเซินจะเข้ามาติดกับไหม
มู่ซือซือเชื่อมั่นในตัวพี่ชาย เธอพยักหน้า แต่ถ้าไม่ได้เจอส้งวี่ เธอคงกังวลแย่เลย
“ซือซือ ที่ผ่านมา โจวเซินทำร้ายเธอไหม?” มู่วี่สิงมองลงมาแล้วถามด้วยความกังวล
มู่ซือซือกัดริมฝีปากไว้แล้วส่ายหัว
แต่เธอไม่อยากกินอะไรเลย ช่วงนี้จึงดูผอมลงมาก
“สองสามวันนี้ หนูยังไม่สามารถติดต่อใครได้ใช่ไหมคะ?”
“อื้ม ซือซือ ให้เวลาพี่อีกสองสามวันนะ”
“เข้าใจแล้วค่ะ” มู่ซือซือยิ้มพูด
เมื่อกลับไปถึงบ้านใหญ่ของตระกูลมู่ มู่ซือซือเห็นพี่ชายไม่ได้ออกไปไหน จึงถามขึ้นมาอย่างสงสัย “คนนี้พี่จะค้างที่นี่เหรอ? พี่ไม่ต้องไปหาเวินจิ้งเหรอคะ?”
เธอรู้ว่าก่อนหน้านี้พี่ชายสนิทกับเวินจิ้งมาก
แต่ว่าตั้งแต่ที่รับเธอออกมา เหมือนว่าพี่ชายยังไม่ได้ติดต่อกับเวินจิ้งเลย