Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 552
บทที่ 552 กีดกันความสุข
“ช่วงนี้ผมไม่ได้ดูแลคุณให้ดี แต่เชื่อใจผมได้ไหม หือ” มู่วี่สิงใช้น้ำเสียงอย่างระมัดระวัง
เป็นน้ำเสียงที่เวินจิ้งไม่เคยได้ยินมาก่อน
ทำไมเขาถึงมีน้ำเสียงเช่นนี้
เธอคงได้ยินผิดไปแน่ๆ
เธอค่อยๆเงยหน้าขึ้น “คุณมู่ถามผิดคนหรือเปล่าคะ คนที่คุณควรถามน่าจะเป็นหลิงเหยานะ”
คำพูดเวินจิ้ง แต่ละประโยคพกแต่ความแดกดันและประชดประชัน
พายุที่ถาโถมอยู่ในดวงตามู่วี่สิงแทบจะปะทุออกมา ไม่นานเขาก็ได้ซ่อมเก็บอารมณ์นั้นไว้
เพียงแต่แววตาลึกๆของเขานั้นดูเหมือนกับอยากจะดูดเวินจิ้งเข้าไปในนั้นให้ได้
“ผมกับหลิงเหยาไม่ได้มีอะไรกัน” แต่ไหนแต่ไรเขาก็ไม่เคยใส่ใจพูดคำอธิบายใดๆ ตอนนี้ก็เช่นกัน
แค่ประโยคเดียว ไม่ได้มากพอที่จะทำให้เวินจิ้งสามารถเชื่อในสิ่งที่พูดได้
สีหน้าบนใบหน้าเธอยังคงแสดงออกด้วยความเย็นชา “อืม ฉันรู้แล้ว คุณมู่จะปล่อยฉันได้หรือยัง”
“ไม่ได้” หลังจบประโยค มู่วี่สิงก็ล็อกเธอไว้แล้วพาขึ้นไปในรถ
เวินจิ้งขัดขืนตลอดเวลา เพียงแต่มุมนี้ไม่เป็นที่สังเกตของผู้คน สีหน้าเวินจิ้งเริ่มไม่พอใจ “มู่วี่สิง คุณจะพาฉันไปไหน!”
“การ์เด้นมูเจียวาน”
“ฉันไม่กลับ” เวินจิ้งก้มลงกัดแขนของมู่วี่สิงด้วยแรงที่มีทั้งหมด
ทันใดนั้น ด้วยแรงกัดทำให้เขาได้คลายตัวเธอออก
เวินจิ้งอาศัยช่วงจังหวะนี้สะบัดหลุดหนีจากอ้อมกอดของเขา สีหน้าค่อยๆซีดลง ดวงตาเริ่มแดงก่ำ
ทำการหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฉันจะไม่กลับไปเด็ดขาด”
ประโยคนี้เธอพูดให้กับมู่วี่สิง และก็พูดให้กับตัวเองด้วยเช่นกัน
เธอหันหลังเพื่อจะจากไป มู่วี่สิงก็ได้ตามขึ้นมา แต่ถูกหลิงอี้เข้ามาขัดขวางตัวเขาไว้
ที่เขาทะเลาะกับเวินจิ้งเมื่อครู่ อยู่ในสายตาของเขาทั้งหมด
“มู่วี่สิง อย่าลืมคำพูดที่คุณสัญญากับแม่ผมไว้” น้ำเสียงหลิงอี้หนักแน่น
มู่วี่สิงที่ท่าทีหรี่นัยน์ตาลงอย่างเย็นชา ฉายแววตาที่เยียบเย็น
ชายสองคนที่ร่างกายสูงกำยำต่างจ้องมองกัน เวลาผ่านไปเรื่อยๆ มู่วี่สิงที่กำหมัดแน่น ได้ชกเข้าไปที่ต้นไม้ที่อยู่ข้างๆ
เวินจิ้งขึ้นรถไปแล้ว แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะมองมาทางมู่วี่สิง เมื่อเห็นกำปั้นเขามีเลือดไหลออกมา เธอตกใจจนผลักประตูออกจากตัวรถโดยไม่รู้ตัว
แต่ เธอก็ได้ชะงักตัวเองไว้
เขา…..ทำอะไรของเขา
เขาจะทำอะไร มันก็ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเธออีกแล้ว
บังคับตัวเองไม่ให้เหลียวกลับไปมอง เวลานี้โทรศัพท์ได้ดังขึ้น เวินจิ้งหยิบโทรศัพท์ออกมา เป็นสายโทรเข้าจากหลิงเหยา
เธอผลักประตูแล้วลงจากรถ
พิธีงานศพได้สิ้นสุดลง ดวงตาหลิงเหยาแดงก่ำ สองสามวันมานี้เธอดูหดหู่ตลอดเวลา เธอยุ่งอยู่กับการช่วยพี่ชายจัดพิธีงานศพของแม่จนเสร็จ ผ่านวันนี้ไปเธอถึงจะมีเวลาว่าง
แต่ว่าตอนนี้เธอหามู่วี่สิงไม่เจอ
ที่ใดมีเวินจิ้งอยู่ ที่นั่นมู่วี่สิงมักจะหายไปจากเธอ
หลิงเหยาที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความหดหู่ผิดหวัง
“คุณหลิง คุณมีอะไรก็พูดมาค่ะ” เวินจิ้งนั่งอยู่ตรงข้ามเธอ ค่อยๆขมวดคิ้วขึ้น
ความสัมพันธ์ของเธอกับหลิงเหยาในที่สุดก็เดินมาถึงจุดนี้
จุดที่ไม่ใช่เพื่อนที่แสนดีอย่างเคย เพื่อนที่คุยกันได้ทุกเรื่อง
“เธอปล่อยมู่วี่สิงได้ไหม” หลิงเหยาตาแดงก่ำพูดอย่างไม่อ้อมค้อม
“หลิงเหยา เธอรู้ตัวไหมว่าเธอพูดอะไรออกมา ถ้าฉันปล่อยมือจากมู่วี่สิง แล้วเธอคิดหรือเขาจะลงเอยกับเธอ” เธอถามด้วยท่าทีที่เฉยเมย
ในสายตาเธอตอนนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างลิงเหยากับมู่วี่สิงไม่ได้ชัดเจนมาตั้งนานแล้ว
ยังต้องการให้เธอปล่อยมือจากมู่วี่สิงอีกหรือ
เธอไม่อยากจะเข้าไปพัวพันกับความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนเช่นนี้อีกต่อไปแล้ว
สิ่งที่เธอต้องการเป็นเพียงความสัมพันธ์ความรักที่บริสุทธิ์และเรียบง่ายเท่านั้น
ไม่มีความข้อสงสัยหรือความเข้าใจผิดใดๆทั้งสิ้น
“ถ้าไม่มีเธอ ตอนนี้ฉันกับมู่วี่สิงลงเอยกันตั้งนานแล้ว” หลิงเหยาพึมพำ
เธอกับมู่วี่สิงต่างหากที่ควรจะลงเอยกันตั้งนาน
ในสายตาเวินจิ้งตอนนี้ ท่าทีของหลิงเหยาช่างดูเป็นคนอ่อนแอเหลือเกิน
แล้วเธอละ เธอไม่ใช่เป็นผู้บริสุทธิ์ที่ถูกกระทำหรือ
การเสียชีวิตของคุณนายหลิง ทำให้อารมณ์เธอไม่ดี ข้อนี้เธอเข้าใจได้
เพียงแต่ มู่วี่สิงเป็นผู้ชายของเธอ ถ้าหากเป็นเพราะเหตุผลเช่นนี้ แล้วเธอต้องเสียสละผู้ชายของตัวเองให้กับคนอื่นนั้น เธอทำไม่ได้
ความรักมันไม่ใช่เป็นแบบนี้
ในเวลานี้เวินจิ้งก็คิดออกและเข้าใจในที่สุด ในเมื่อตอนแรกเธอตัดสินเลือกที่จะลงเอยกับมู่วี่สิง เธอก็ควรจะเชื่อใจเขาถึงจะถูก
เธอชอบมู่วี่สิง เธอรักเขา
เธอไม่อยากจะลังเลใจในความสัมพันธ์นี้ และยิ่งไม่ต้องการให้ผู้อื่นมาบงการ
“แต่ว่าตอนนี้ฉันกับมู่วี่สิงเราลงเอยกันแล้ว หลิงเหยา ถ้ามู่วี่สิงชอบเธอ เขาจะต้องเลือกที่จะลงเอยกับเธอ แต่ว่าเขานั้นไม่ได้ชอบเธอ” เวินจิ้งพูดอย่างตรงไปตรงมา
“เวินจิ้ง ฉันกับมู่วี่สิงรู้จักกันตั้งแต่เด็ก เขาเคยบอกว่า จะรับผิดชอบในตัวฉัน เพียงแต่ช่วงหลังที่ฉันสูญเสียความจำ ความสัมพันธ์นี้ถึงได้ตัดช่วงไป มู่วี่สิงเคยสัญญาว่า เขาจะขอฉันแต่งงาน” น้ำเสียงหลิงเหยายิ่งพูดยิ่งรุนแรง และยังมีอาการตีโพยตีพาย
“ยังไงเธอก็จะกีดกันความสุขของฉันใช่ไหม! เวินจิ้ง เขาเป็นของฉัน…..เป็นของฉัน!”
เวินจิ้งขมวดคิ้ว มองดูหลิงเหยาอย่างแหนงหน่าย ด้วยสีหน้าที่เขม็งเกลียว น้ำเสียงของเธอนุ่มนวลและเบาลง “หลิงเหยา มู่วี่สิงเป็นมนุษย์คนหนึ่ง เขาไม่ใช่สิ่งของ ไม่ใช่ของเธอหรือว่าของฉันทั้งนั้น ถ้าหากเขาเลือกจะอยู่กับเธอ ฉันก็ไม่อาจจะห้ามได้ แต่ว่าตอนนี้ เธอก็ไม่ได้มั่นใจตัวเองขนาดนั้น ไม่ใช่หรือ”
ถ้าหากหลิงเหยามั่นใจว่ามู่วี่สิงจะเลือกลงเอยกับเธอแล้ว เธอก็คงไม่มาพูดเช่นนี้ต่อหน้าเธอ
ในเวลานี้อารมณ์เวินจิ้งเริ่มเริงร่าขึ้น ตอนนี้เธออยากจะไปหามู่วี่สิง เพื่ออยากรับรู้ถึงเจตนาของเขาให้ชัดเจน
“ฉันมั่นใจในตัวเองอย่างแน่นอน เพียงแต่เธอเป็นอดีตภรรยาของเขา ฉันไม่อยากให้เธอมารบกวนพวกเราอีกต่อไป”
“ใช่หรือ ถ้ามู่วี่สิงพูดประโยคนี้กับฉันด้วยตัวเอง ฉันก็จะไม่รบกวนพวกคุณอีกต่อไป แต่ว่าคำพูดนี้ออกมาจากปากคุณหลิง ฉันสามารถเข้าใจว่านี่คือความอิจฉาได้หรือเปล่า”
“เธอ…..เวินจิ้ง ฉันไม่มีทางอิจฉาหรอก!” หลิงเหยาจุกในอก ใบหน้าอมทุกข์
สีหน้าเวินจิ้งที่ยังคงเย็นชา เธอลุกขึ้นเพื่อจะจากไป
หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์ในอดีตของเธอกับหลิงเหยาแล้ว แม้แต่สักคำเดียวเธอยังไม่อยากจะเสวนากับเธอด้วยซ้ำ
เมื่อเห็นเวินจิ้งกำลังจะจากไป หลิงเหยาเดินมาขวางเธอไว้ “เวินจิ้ง ตำแหน่งภรรยามู่วี่สิง เป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น”
เวินจิ้งจ้องมองหลิงเหยา เธอในตอนนี้ช่างดูไม่เหมือนคนเดิมที่เธอรู้จัก
“พูดจบหรือยัง ฉันจะได้ไป”
เวินจิ้งหันหลังกลับ กวาดสายตาไปที่สุสาน เพื่อมองหาร่างที่คุ้นเคย
มองไปรอบๆ กลับมองไม่เห็นร่างมู่วี่สิง
เขาอยู่ที่ไหน…..เธออยากเจอเขาจริงๆในตอนนี้
เมื่อนึกถึงตรงนี้เธอจึงล้วงโทรศัพท์เพื่อที่จะโทรหามู่วี่สิง แต่กลับเห็นรถยนต์คันดำค่อยๆมาจอดข้างๆเธอ มู่วี่สิง!
นัยน์ตาเธอเปล่งประกายขึ้น แล้วขึ้นไปนั่งในรถ มู่วี่สิงรีบคว้าเธอมากอดไว้ในอ้อมอกทันที
“หลิงเหยาพูดอะไรกับคุณ” น้ำเสียงของเขาไม่อาจซ่อนความเหนื่อยล้าไว้ได้ แต่ถึงยังไงก็เป็นอะไรที่น่าหลงใหลและน่าฟัง
“เธอบอกว่า ต้องการให้ฉันเลิกวุ่นวายกับพวกคุณ” เวินจิ้งพูดตามจริง
เธอจ้องมู่วี่สิงตาไม่กะพริบ แววตาของเขานั้นยังคงมีเพียงเธอ
“คำพูดสุดท้ายของคุณนายหลิง คือต้องการให้ผมแต่งงานกับหลิงเหยา หุ้นยี่สิบเปอร์เซ็นต์ของบริษัทหลิงซื่อที่อยู่ในมือเธอ ได้โอนมาที่ผม” มู่วี่สิงพูดอย่างเคร่งขรึม