Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 554
บทที่ 554 ยอมอย่างง่ายดาย
ในเช้าตรู่ แสงแดดยามเช้าได้สาดส่องลอดเข้ามาจากหน้าต่าง เวินจิ้งลืมตาขึ้น ใบหน้าอันหล่อเหลาของมู่วี่สิงได้วิ่งแล่นเข้ามาในม่านตาเธอ
เวินจิ้งยกมือขึ้นลูบไล้ที่แก้มของเขาลงมาที่หนวดเครา เส้นหนวดเครากระทบฝ่ามือ รู้สึกคันยิกๆ แต่ก็รู้สึกดี
เธอเริ่มติดใจการเล่นแบบนี้ มือนั้นจึงลูบไล้ไปมา
เมื่อเงยขึ้น ถึงกับผงะทันที เพราะมู่วี่สิงกำลังจ้องมองมาที่เธอ
เขา…..ตื่นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไร
แก้มเวินจิ้งค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดง แล้วรีบหดมือลงในทันใด
แต่มู่วี่สิงที่ไวกว่าได้คว้าข้อมือของเธอมาจับไว้ แล้วพลิกตัวขึ้น เวินจิ้งก็ถูกกดทับไว้ด้านล่าง
ลมหายใจที่เย้ายวนมีเสน่ห์ค่อยๆเริ่มปกคลุม
เวินจิ้งกะพริบตา สัมผัสได้ชัดเจนถึงอุณหภูมิที่ร้อนผ่าวบนเรือนร่างของมู่วี่สิง
“มู่วี่สิง ฉันเหนื่อยจังเลย” เวินจิ้งพูดด้วยน้ำเสียงที่เบาๆและนุ่มนวล
ในเวลานี้ เธอรู้ดีว่ามู่วี่สิงต้องการอยากทำอะไร
สายตาของชายผู้นี้ได้จับจ้องมองเวินจิ้ง ลูกกระเดือกกระดกไปมา
เขาพลิกตัวแล้วทอดกายลงนอน คว้าเวินจิ้งมากอดไว้ในอ้อมแขน แล้วจูบลงเบาๆที่หน้าผากเธอ
“จิ้งจิ้ง”
“วันนี้คุณไม่ต้องไปโรงพยาบาลหรือ” เวินจิ้งพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“ไปหลังตอนเที่ยง ตอนเช้าอยากอยู่เป็นเพื่อนคุณก่อน”
“เดี๋ยวฉันจะต้องไปมหาวิทยาลัย” เวินจิ้งมองไปที่เขา
จากนั้นเธอหยิบโทรศัพท์ นี่ก็ใกล้จะถึงเวลาแล้ว
มู่วี่สิงที่นัยน์ตารู้สึกไม่ค่อยสบายใจ ได้จับฝ่ามือเธอแล้วสอดประสานนิ้วมือทั้งสิบเข้าด้วยกัน ชิดร่างกายที่สูงยาวเข้าหาเธอ “พักนี้อยู่กับโจวเซินบ่อยหรือ”
เวินจิ้งเม้มปาก ไม่มีการพูดใดๆอยู่ชั่วขณะ
ช่วงนี้เธอต้องทำงานวิจัยร่วมกับโจวเซิน จึงทำให้เจอกันบ่อยจริงๆ แต่แน่นอนก็ยังมีเพื่อนนักเรียนคนอื่นด้วย
“คงประมาณนั้น” น้ำเสียงเวินจิ้งแผ่วเบา
คางของเธอถูกบีบในวินาทีต่อมา เธอจึงต้องสบตากับมู่วี่สิงจังๆอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ผมหึง” อารมณ์ขี้น้อยใจของเขาตอนนี้ไม่ต่างไปจากเด็กน้อย
เวินจิ้งอดที่จะขำไม่ได้ จึงได้หัวเราะออกมาพร้อมกับยื่นมือไปแตะที่หน้าอันหล่อเหลาของมู่วี่สิง “แล้วทำไมคุณถึงต้องการปล่อยงานวิจัยไปละ”
“อืม ไม่ได้ต้องการ” มู่วี่สิงหรี่ตา
เวินจิ้งมองดูชายที่อยู่ตรงหน้า เวลาที่อยู่ด้วยกันมากับมู่วี่สิงก็นานพอสมควร แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่มีนิสัยที่จะยอมอะไรง่ายๆ คิดๆแล้วงานวิจัยชิ้นนี้ มู่วี่สิงคงได้วางแผนไว้นานแล้ว
“ตอนนี้ความรับผิดชอบตกเป็นของโจวเซิน ฉันจึงเจอเขาทุกวัน” เวินจิ้งพูดเบาๆ
นี่ก็ไม่ใช่ความต้องการของเธอ จึงทำได้เพียงแค่รักษาระยะห่างจากโจวเซินไว้
“ถ้ามีปัญหาอะไรบอกให้ผมทราบทันทีรู้ไหม”
“รู้แล้วค่ะ” เวินจิ้งยิ้มพร้อมมองดูชายรูปหล่อที่อยู่ตรงหน้า ก้มศีรษะลงแล้วค่อยๆจูบอย่างนิ่มนวล
เป็นอะไรที่วิเศษเมื่อมีมู่วี่สิงอยู่ข้างๆ
เมื่อทานอาหารเช้าเสร็จ มู่วี่สิงได้ส่งเธอมาที่มหาวิทยาลัย เมื่อลงจากรถเห็นโจวเซินที่กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้
โจวเซินที่รูปร่างสูงใหญ่เดินผ่านหน้ารถ หันศีรษะมา สบเข้ากับสายตาที่เย็นเยียบของมู่วี่สิง
เขาชะงักการเดิน แล้วเผยอริมฝีปากโค้งขึ้นเพื่อท้าทาย
มู่วี่สิงที่จับพวงมาลัยอยู่ นิ้วมือที่กำไว้อย่างแน่น
จนกระทั่งโจวเซินได้ข้ามทางม้าลายไป เขาเหยียบคันเร่ง รถก็ได้พุ่งออกอย่างรวดเร็ว
“คืนดีกับมู่วี่สิงแล้วหรือ” โจวเซินที่ตามเวินจิ้งจนทัน
“พวกเราก็ไม่ได้ทะเลาะกันสักหน่อย” เวินจิ้งพูดเบาๆ
“จริงหรือ” อารมณ์บนใบหน้าโจวเซินดูหมองหม่น
เวินจิ้งเดินเข้าไปที่ห้องวิจัยก่อน ส่วนโจวเซินเดินไปที่ห้องสำนักงาน พอได้ยินคำรายงานจากลูกน้อง สีหน้าของเขาเริ่มปกคลุมด้วยความดุดัน
“คนอยู่ที่ไหน”
“บ้านใหญ่ตระกูลมู่”
“ไอ้พวกไร้ประโยชน์!” โจวเซินชายตามองอย่างเยือกเย็น ยกเท้าขึ้นเตะลูกน้องที่นั่งคุกเข่าอยู่อย่างแรง
หลังจากนั้นเขาโทรศัพท์หาส้งวี่
“ประธานโจว”
“รายชื่อผู้ถือหุ้นบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปเป็นของปลอม ส้งวี่คุณช่างเจ้าเล่ห์นักนะ” น้ำเสียงโจวเซินเย็นเยียบราวกับอยู่ในฤดูหนาว
ได้ยินดังนั้น ส้งวี่ยิ้มเยาะ “ผมจะไปเจ้าเล่ห์สู้ประธานโจวได้อย่างไร”
“ดูเหมือนว่าเมื่อได้คนอยู่ไปอยู่มือแล้ว ก็ไม่อยากจะคบค้าสมาคมกับผมแล้วนะ”
“โจวเซิน คุณก็น่าจะรู้ แต่ไหนแต่ไรมาผมเป็นคนตระกูลมู่ เรื่องที่คุณให้ผมทำ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าซือซืออยู่ในกำมือคุณ ผมไม่มีทางที่จะให้ความร่วมมือเด็ดขาด”
“มันสายไปแล้ว ที่คุณขโมยข้อมูลบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป ผมได้โทรแจ้งตำรวจแล้ว คุณไม่มีทางหนีความผิดนี้ไปได้
“ถ้าอย่างนั้นผมก็จะรอประธานโจวแจ้งความจับผม แต่ว่าความผิดนี้ คุณคงต้องรับผิดชอบกับผมด้วยแล้วละ เพราะผมมีหลักฐานทั้งหมดอยู่ในมือ”
เมื่อสิ้นประโยค ส้งวี่ก็วางโทรศัพท์ลงทันที
ไม่ไกลออกไป มู่วี่สิงที่นั่งอยู่บนโซฟา นัยน์ตาที่ลุ่มลึก
“วี่สิง” ส้งวี่เดินเข้ามาหา
“คุณช่วยซือซือออกมา ทำไมถึงต้องปิดบังผมด้วย ผมทำงานให้กับบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปด้วยใจที่ซื่อสัตย์สุจริต” น้ำเสียงส้งวี่โกรธเล็กน้อย
เขาคิดว่า มู่วี่สิงสงสัยที่เขาสมรู้ร่วมคิดกับโจวเซินชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นด้วยรอยยิ้มที่เฉยเมย “ส้งวี่ นายคิดมากไปแล้ว ผมอยากให้คุณทำให้โจวเซินเข้าใจผิด ตอนนี้เขารับช่วงการวิจัยของยาห่ายหยางนี่คือผลลัพธ์ที่ผมต้องการต่างหาก
โจวเซินสามารถเป็นผู้รับผิดชอบการวิจัยของยาห่ายหยางแทนที่มู่วี่สิงได้อย่างง่ายดายนั้น ส้งวี่มีส่วนให้การช่วยเหลือไม่น้อยจริงๆ แต่ว่าทั้งนี้ทั้งนั้นเป็นความตั้งใจของมู่วี่สิงที่ยอมปล่อยมือไปอย่างง่ายดาย
ส้งวี่มองไปมู่วี่สิงด้วยความตะลึง
“เรื่องนี้ผมไม่โทษคุณ เพื่อความปลอดภัยของซือซือแล้ว คุณถึงต้องทำแบบนั้น แต่ว่าตอนนี้โจวเซินคงหมดความอดทนแล้ว ยิ่งเขากระวนกระวายก็ยิ่งสับสนง่ายขึ้น” มู่วี่สิงพูดอย่างเย็นชา
ถือแก้วไวน์ที่อยู่ตรงหน้าขึ้น เขาเขย่ามันแล้วจิบเบาๆ รอยยิ้มของเขาก็มีรอยของเหลวแดงๆติดที่ริมฝีปาก
ส้งวี่เม้มริมฝีปากที่บอบบาง ในเวลานี้ราวกับว่าเขาเห็นใบหน้าที่แท้จริงของมู่วี่สิง
ไม่ว่าจะอยู่ต่อหน้าผู้ใด ชายผู้นี้จะดูเป็นสุภาพบุรุษอ่อนโยน แต่วิธีการที่เขาใช้ช่างน่ากลัวและอันตรายพอสมควร
จนกระทั่งถึงช่วงค่ำ เวินจิ้งได้ทำงานที่อยู่ในมือเสร็จ แต่โจวเซินเพิ่งจะมาเอาในเวลานี้
“รุ่นพี่ นี่เป็นผลรายงานการวิจัยของวันนี้” เวินจิ้งนำรายงานของเพื่อนคนอื่นยื่นให้แก่เขา
“โจวเซินชำเลืองดูครู่เดียว และสายตาก็กลับจ้องมาที่ร่างของเวินจิ้ง
เธอไม่ชินที่ถูกเขาจ้องมองเช่นนี้
“ถ้าหากไม่มีอะไรแล้วขอตัวกลับหอพักก่อนนะคะ”
“ทานข้าวด้วยกันก่อนสิครับ” น้ำเสียงโจวเซินพูดเชิงออกคำสั่ง
“ฉันทานคนเดียวก็ได้ค่ะ” เวินจิ้งเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
“เวินจิ้ง คุณหลบผม” โจวเซินดักหน้าเธอ ความเยือกเย็นในดวงตาโจวเซินยิ่งมากขึ้นในค่ำคืนเช่นนี้
เวินจิ้งมองเขาอย่างหน่ายแหนง “ฉันไม่ได้หลบคุณ เพียงแต่ไม่อยากใกล้ชิดกับรุ่นพี่มากเกินไป”
คำปฏิเสธของเธอช่างตรงไปตรงมา
โจวเซินได้ค่อยๆกำหมัดขึ้น สีหน้าปรากฏความน่ากลัว เวินจิ้งจึงทำการถอยหลังออก
เขาเห็นความกลัวจากแววตาเธอ จึงทำให้เขาลดอารมณ์สีหน้าให้เบาลง
“เวินจิ้ง บอกผมมาว่าทำไมคุณถึงกลัวผม” โจวเซินเดินเข้ามาใกล้
แต่เมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้หนึ่งก้าว เวินจิ้งกลับถอยหลังหนึ่งก้าว
“หากคุณไม่ตอบ ผมจะไม่ปล่อยคุณกลับ” โจวเซินขึงตาใส่
เวินจิ้งกัดริมฝีปากแล้วมองดูโจวเซินค่อยๆพูดขึ้น “โจวเซินคุณบังคับกันเกินไปแล้ว”
“จริงหรือ” โจวเซินขมวดคิ้ว เหมือนกำลังครุ่นคิดกับคำพูดที่เวินจิ้งพูดออกมา
“ระหว่างเรา สามารถรักษาระยะห่างได้ไหม” เวินจิ้งพูดด้วยเสียงโทนต่ำ
อยู่กับโจวเซินแล้วรู้สึกเครียดกดดัน
อีกทั้งเธอทราบดีที่โจวเซินกำลังตามจีบเธอ แต่ไม่สามารถตอบสนองได้ ก็ต้องหาทางหลบเป็นธรรมดา
แต่ผู้ชายคนนี้กลับไม่ยอมอะไรอย่างง่ายๆ