Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 559
บทที่ 559 เหมือนเป็นการลงโทษเธอมากกว่า
สีหน้ามู่วี่สิงดูขรึมขึ้น จ้องมองเวินจิ้ง ดวงตาของเขาเริ่มค่อยๆขุ่นมัว
“จิ้งจิ้ง” เขาเอื้อมมือมากอดเธอ
เวินจิ้งเงยหน้าขึ้น น้ำตาที่เจิ่งนองในดวงตา มู่วี่สิงจับใบหน้าด้วยความอ่อนโยนด้วยความเป็นห่วงเธอ
“เธออยากอยู่ต่อหรืออยากกลับ” เขาถามขึ้น
เวินจิ้งนิ่งชั่วขณะ เมื่อเธอเรียกคืนสติได้ เธอก็พยักหน้าเบาๆ
ตอนนี้กลับไปที่โรงแรมเธอก็นอนไม่หลับ
“อืม” มู่วี่สิงขานรับคำตอบแล้วโอบเธอซบเข้าที่ตักของเขา ส่วนฝ่ามือแตะไว้ที่ไหล่ของเธอ
เวินจิ้งหลับตาลง มือโอบกอดเอวของมู่วี่สิงไว้ แล้วหลับไปโดยไม่รู้ตัว
เมื่อตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองได้อยู่ที่โรงแรมแล้ว
มู่วี่สิงที่อยู่ข้างๆ นั่งลงแล้วจ้องมองเธอ
เวินจิ้งลุกขี้นทันทีแล้วมองท่าทีที่สงบของมู่วี่สิง เขา…..
“ทำไมคุณไม่ปลุกฉันให้ตื่น” เธอร้อนรน
เธอยังนอนอยู่บนตักของมู่วี่สิง เขาจะต้องรู้สึกชามากอย่างแน่นอน
เมื่อนึกถึงตรงนี้ เธอก็ยิ่งหงุดหงิด
“ไม่กล้า” มู่วี่สิงส่งสายตาให้เธอย่างสุดซึ้ง
เวินจิ้งยิ้มออกมา แล้วเข้ามาโอบกอดมู่วี่สิง “อะไรทำให้คุณไม่กล้าคะ”
รอยยิ้มยังคงไม่หุบ เวินจิ้งนึกเรื่องของหลิงเหยาขึ้นมา สีหน้าก็เธอซีดลงทันใด
เธอเปิดดูโทรศัพท์ อยากที่จะโทรหาหลิงอี้เพื่อถามถึงอาการของหลิงเหยา แต่มู่วี่สิงได้แย่งโทรศัพท์ของเธอไป
“หลิงเหยายังไม่ฟื้น”
เขาได้จัดคนไปเฝ้าที่โรงพยาบาลแล้ว ถ้ามีความคืบหน้าเกี่ยวกับหลิงเหยาเขาจะรู้ได้ในทันที
เวินจิ้งขมวดคิ้ว นัยน์ตาเธอยังคงปิดบังไม่มิดถึงความเป็นห่วงและกังวล
“วันนี้คุณยุ่งมากหรือเปล่า” เวินจิ้งถามขึ้น
ดูเวลาพักหนึ่ง ตอนนี้ก็ใกล้เที่ยงแล้ว มู่วี่สิงออกมาเพื่อทำงาน แต่ดูเหมือนว่าเป็นเพราะเธอทำให้เขาเสียเวลาไปกับการอยู่โรงแรม
“อืม อีกสักพักต้องออกไปแล้ว” มู่วี่สิงเลิกคิ้ว
“คุณไม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนฉันหรอกนะ ฉันพักผ่อนอีกสักพักก็จะดีขึ้น
“ทานอาหารเที่ยงเป็นเพื่อนคุณก่อนแล้วผมถึงจะออกไป”
ในช่วงบ่าย เวินจิ้งใจที่ยังคงเหม่อลอย ไม่สามารถทนอยู่ที่โรงแรมได้ จึงได้เดินทางไปที่โรงพยาบาล
หลิงเหยายังไม่ฟื้น หลิงอี้ที่ยังไม่ได้นอนได้เฝ้าอยู่ทั้งคืน
เมื่อเห็นเวินจิ้งเข้ามา หน้าตาที่ดูสดชื่นกว่าเมื่อวาน
“เธอมาทำอะไร”
“ฉันจะมา……” เวินจิ้งขมวดคิ้ว “คุณหมอได้บอกหรือเปล่าว่าหลิงเหยาจะฟื้นขึ้นมาตอนไหน”
“ไม่ได้บอก ขึ้นอยู่กับความต้องการของเธอ” หลิงอี้พูดอย่างขึงขัง
“ในเมื่อมาแล้ว เธออยู่เป็นเพื่อนเขาไปก่อน ผมจะกลับไปที่โรงแรมสักพัก”
“อืมๆ คุณกลับไปก่อน ฉันจะเฝ้าเธอเอง”
เวินจิ้งเดินไปที่ห้องผู้ป่วย มองดูใบหน้าที่ซีดเซียวของหลิงเหยา แล้วนั่งลงข้างๆเธอ
หลังจากที่เข้ามหาวิทยาลัยหลินไห่แล้ว เธอกับหลิงเหยาก็อยู่ด้วยกันตลอดทั้งกลางวันทั้งกลางคืน ถึงแม้ความสัมพันธ์ของทั้งสองตอนนี้จะกลับไปเหมือนเดิมอย่างแต่ก่อนไม่ได้แล้ว แต่ว่าเธอก็ยังคิดถึงช่วงเวลานั้นเสมอ
เธอเป็นคนร่าเริง กระฉับกระเฉง บุคลิกตรงข้ามกับเวินจิ้งที่สุขุมเยือกเย็น
“หลิงเหยา เธอฟื้นขึ้นมาจะได้ไหม” เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่
เธอยังคงหวังว่าหลิงเหยานั้นจะดีขึ้น
เวลาแต่ละนาทียังคงหมุนเดินไป หลิงอี้กลับมาอีกครั้งหลังห้าชั่วโมงผ่านไป เขาได้เปลี่ยนชุดเป็นเสื้อเชิ้ตสีดำกางเกงยาว บรรยากาศยิ่งดูยิ่งเย็นชา
“ลำบากแล้วนะ” แล้วเดินเข้าไปที่ห้องผู้ป่วย หลิงอี้พูดอย่างเฉยเมย
“ไม่ลำบากเลย” เวินจิ้งส่ายหน้า
“กลับไปเถอะ ผมคิดว่าหากหลิงเหยาฟื้นขึ้นมาก็คงไม่อยากเห็นหน้าเธอ หากเธอยังอยู่อาจเป็นการกระตุ้นอารมณ์เธอให้แย่ลง”
เวินจิ้งเม้มปาก ไม่สามารถจะตอบย้อนคำพูดของหลิงอี้ได้
เขาพูดถูก
เดินออกมาจากห้องผู้ป่วยได้ไม่นาน เวินจิ้งที่กำลังรอลิฟต์ หลิงอี้กลับออกมาเรียกให้เธอหยุด
“ฉันมีเรื่องงานที่ต้องสะสางนิดหน่อย” หลิงอี้จ้องมองเธอ
เวินจิ้งเข้าใจในความหมายของเขาทันที “ฉันจะเฝ้าหลิงเหยาให้เอง”
สิ้นประโยค เธอก็เดินกลับไปที่ห้องผู้ป่วย แล้วส่งข้อความให้มู่วี่สิง บอกเขาว่าวันนี้เธออาจต้องอยู่ที่โรงพยาบาล
หลิงอี้ที่บอกว่ามีงานต้องสะสาง อันที่จริงเขาก็สะสางงานอยู่ที่ห้องผู้ป่วย เขาถือแล็ปท็อปออกมา ในนั้นเป็นภาษาฝรั่งเศสที่เวินจิ้งอ่านไม่ออกและไม่เข้าใจ
เธอดึงสายตากลับ แล้วมองดูหลิงเหยา บางครั้งก็ก้มลงเพื่อดูข้อความ แต่ว่าไม่มีข้อความตอบกลับจากมู่วี่สิงแต่อย่างใด
“หิวไหม” ในตอนนี้เสียงหลิงอี้ได้ดังขึ้นข้างหูเธอ
เวินจิ้งดึงสติคืน ท้องของเธอส่งเสียงร้องดังแทนคำตอบของเธอ
“อยากทานอะไร ผมจะไปซื้อกลับมาให้คุณ”
“อะไรก็ได้ค่ะ” เวินจิ้งตอบเบาๆ
ตอนเที่ยงเธอก็ไม่ได้ทานอะไรมามากมาย ตอนนี้เธอหิวมากจริงๆ
“ไม่มีอาหารที่เรียกว่าอะไรก็ได้” หลิงอี้ขมวดคิ้ว “อย่างนั้นผมจะดูให้เองละกัน”
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เวินจิ้งนึกไม่ถึงว่าหลิงอี้จะซื้อไก่ทอดมาหนึ่งโถ…..
เขาทราบได้อย่างไรกันว่าเธอนั้นชอบทานอะไร
“ซื้อมั่วๆ” สบสายตาเธอ หลิงอี้พูดด้วยน้ำเสียงเบาๆ
เวินจิ้งขมวดคิ้ว ไม่เชื่อในคำพูดของหลิงอี้
เธอหยิบไก่ทอดออกมาที่ระเบียง คิดแล้วคิดอีกว่า สุดท้ายจึงได้โทรศัพท์หามู่วี่สิง
“เพิ่งจะประชุมเสร็จ” น้ำเสียงมู่วี่สิงที่ดูเหนื่อยล้า
“ฉันวันนี้อาจจะไม่ได้กลับไปนะ อยากจะโทรมาบอกคุณสักหน่อยค่ะ” เวินจิ้งพูดอย่างเบาๆ
มู่วี่สิงไม่ได้แปลกใจแต่อย่างใด “อืม ถ้ามีอะไรก็โทรหาผมนะ”
“ทราบแล้วค่ะ”
“คืนนี้งานคุณจะยุ่งไปจนถึงเมื่อไร” เวินจิ้งถามด้วยความเป็นห่วง
“อีกสักพักก็จะกลับโรงแรมแล้ว หรือว่าต้องการจะให้ผมไปอยู่เป็นเพื่อนคุณ”
“ไม่ต้องๆ บางทีฉันก็อาจจะกลับไป คุณรีบกลับโรงแรมไปพักผ่อนเถอะ”
วางสายลง เวินจิ้งเงยหน้าขึ้น กลับไม่รู้ว่าหลิงอี้ได้ยืนอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไร จ้องมองเธอตาไม่กะพริบ
“ถ้าเหนื่อยก็กลับไปก่อนเถอะ”
“ไม่ค่อยเท่าไหร่” เวินจิ้งส่ายหัว
“อืม” หลิงอี้ไม่ได้รั้งให้เธออยู่ต่อ
ถึงแม้ลึกๆอยากเห็นแก่ตัว อยากที่จะใช้เวลาอยู่กับเวินจิ้งสองต่อสอง
เพราะเวลาเช่นนี้ มีน้อยเหลือเกิน
ความแอบรักที่อยู่ในแววตาถูกซ่อนเก็บในทันที หมุนตัวแล้วกลับไปที่ห้องผู้ป่วยทันใด
เวินจิ้งที่ทานอาหารเสร็จก็ตามเข้าไป เพียงแต่ด้วยความง่วงนอนค่อยๆเข้ามาปกคลุม เธอจึงเอนตัวพิงอยู่ที่โซฟา
หลิงอี้เหลียวหันมามอง สิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือใบหน้าอันขาวผ่องของเวินจิ้ง ผมของเธอยาวประบ่า ผมบางเส้นกระจัดกระจายอยู่บนหน้าผากของเธอ ยิ่งมองยิ่งน่าดึงดูดให้หลงใหล
เธอที่สงบเช่นนี้ ช่างเป็นอะไรที่ดีเหลือเกิน
ฝ่ามืออันใหญ่อดไม่ได้ที่จะเอื้อมไปแตะ อีกไม่กี่เซนติเมตรก็จะเอื้อมถึงแก้มของเธอ แต่เขาก็ชะงักลง
ทำแค่เพียงช่วยเธอปัดผมออก มือหลิงอี้วางลงบนไหล่ของเธอ แล้วค่อยๆพยุงศีรษะเธอมาอิงซบที่ไหล่เขา
เวินจิ้งที่เดิมทีแค่อยากจะงีบ เมื่อมีการเคลื่อนไหวเช่นนี้ขึ้น เธอก็ตื่นขึ้นมาในทันใด
ทำการผลักหลิงอี้ออก สีหน้าหลิงอี้เกิดอาการพะอืดพะอม
“ขอโทษค่ะ” เธอนึกว่าเป็นตัวเธอเองที่พิงไปซบที่ไหล่ของหลิงอี้ น่าอายเป็นที่สุด
“ไม่เป็นไร คุณกลับไปพักผ่อนเถอะ” หลิงอี้หันศีรษะ
เวินจิ้งขมวดคิ้ว แล้วจากไป
รู้สึกถึงความแปลกๆที่เกิดขึ้นของหลิงอี้ วนเวียนอยู่ในหัว
เธอรีบออกจากโรงพยาบาลทันที แต่ว่าเจอมู่วี่สิงอยู่ที่หน้าประตู เธอชะงัก ไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบใดๆ
ในวินาทีต่อมามู่วี่สิงได้จับข้อมือของเธอไว้ มืออีกข้างหนึ่งได้จับเข้าที่เอวบางของเธอ แล้วโอบกอดเธออยู่ในอ้อมอก แล้วประทับรอยจูบลงอย่างดุเดือด
เวินจิ้งรู้สึกเจ็บแปลบ มู่วี่สิงนี่มันเกิดอะไรขึ้น…..
เธอรู้สึกถึงความโกรธของเขาปกคลุมไปทั่ว มันไม่เหมือนเป็นการจูบ แต่เหมือนเป็นการลงโทษเธอมากกว่า…..