Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 579
บทที่ 579 ใจชายยากแท้หยั่งถึง
หลังจากนั้น มู่วี่สิงก็ดึงแขนของเธอไป ทำให้เวินจิ้งต้องเดินขึ้นไปในรถ
“พรุ่งนี้คุณไม่จำเป็นต้องมาโรงพยาบาล” น้ำเสียงของเขาค่อนข้างอ่อนลง
เวินจิ้งอึ้ง จากนั้นจึงอธิบายให้เขาฟังด้วยน้ำเสียงที่ดี “มู่วี่สิง ถ้าเจียงฉีกับฉันทำการบ้านเสร็จแล้ว ฉันจะไม่ติดต่อกับเขาอีก”
“อือ” ใบหน้าของชายหนุ่มยังคงเฉยเมย
เวินจิ้งมุ่ยปากเล็กน้อย ใครบอกว่าใจหญิงนั้นยากแท้หยั่งถึง
เห็นได้ชัดว่าใจชายต่างหากยากแท้หยั่งถึง
เมื่อกลับมาที่หอพัก เวินจิ้งก็นึกถึงของขวัญที่เจียงฉีมอบให้เธอได้ เธอจึงเปิดกล่องของขวัญ และพบว่ามันเป็นหนังสือคู่มือที่เต็มไปด้วยบันทึกการผ่าตัด
หนังสือเขียนโดยเจียงฉี มันเป็นความรู้ที่มองข้ามได้ง่าย แต่มันสำคัญมาก
เวินจิ้งตกตะลึงของขวัญชิ้นนี้ไม่แพง แต่มีความหมายมาก
สำหรับเธอมันดีมากจริงๆ
เธอวางมันไว้อีกฝั่ง ก่อนจะรีบทุ่มเทให้กับการเรียนจนดึกดื่น เจียงฉีก็โทรมา
ทั้งคู่คุยกันเรื่องรายงานที่เพิ่งทำเสร็จไปไม่นาน กว่าจะเสร็จเวินจิ้งก็แทบจะหลับไปบนโต๊ะ
“เวินจิ้งไปนอนเถอะ ขอโทษนะ ฉันลืมดูเวลา” น้ำเสียงที่อ่อนโยนของเจียงฉีดังเข้ามา
“โอเค”
ก่อนวางสายเธอพึมพำว่า “คราวหลังถ้าดึกเกินอย่าโทรมาแล้วกัน ไม่งั้นถ้าแฟนฉันรู้จะโกรธเอา”
อีกฝั่ง ใบหน้าของเจียงฉีตกตะลึง เขาบีบโทรศัพท์แน่นและวางสายในทันที
หลังจากนั้นไม่นานหลิงเหยาก็โทรมา
“ฉันจะกลับหนานเฉิงอาทิตย์หน้า”
“ต้องให้ฉันไปรับไหม”
“พี่ชายของฉันจะไปรับฉันคุณมีรถไหม” น้ำเสียงของหลิงเหยาค่อนข้างแดกดัน
แต่เจียงฉีไม่โกรธ
“คุณโอนเงินมาให้ผมตั้งมากมาย ผมก็เลยเอาไปซื้อรถแล้ว” เจียงฉีตอบไปตรงๆ
“คุณจีบเวินจิ้งติดรึยัง”
“ยัง” น้ำเสียงของเจียงฉีค่อนข้างหงุดหงิด
“เจียงฉีตอนแรกนายจีบฉันยังไง นายก็แค่จีบเวินจิ้งอย่างนั้น ”
“คนที่เธอชอบคือมู่วี่สิง” น้ำเสียงของเจียงฉีเริ่มขมขื่น
ในเวลานั้นหลิงเหยาชอบเขา เขารู้สึกได้ ดังนั้นการจีบจึงเป็นไปอย่างราบรื่น
เพียงแต่ว่าตอนนี้หลิงเหยาไม่มีความรู้สึกใดๆให้เขาแล้ว แต่เขาก็ยังเต็มใจที่จะทำทุกอย่างเพื่อเธอ
“ผู้หญิงยังไงก็อ่อนไหวง่าย อ่อนโยนหน่อยเข้าใจมั้ย”
เจียงฉีวางสายโทรศัพท์ และสิ่งที่เวินจิ้งพูดก็ค่อยๆเกิดขึ้นในใจของเขา
เขาหลับตาลงอย่างคิดหนัก
สัปดาห์ถัดไปจากนั้น เวินจิ้งใช้เวลาเกือบทั้งหมดในการทำการบ้าน โดยตั้งใจจะทำให้เสร็จโดยเร็วที่สุด
มีการติดต่อกับมู่วี่สิงน้อยลง ทำให้เธอไม่รู้แม้กระทั่งว่าเขากำลังเดินทางไปต่างถิ่น จนกระทั่งเธอโทรหาเขาไม่ติด เธอถึงเพิ่งจะรู้
เธอถามเกาเชียนในภายหลังถึงได้รู้
สภาพจิตใจของเธอดิ่งลงในทันที
“เกิดอะไรขึ้น” เจียงฉีที่อยู่ข้างๆ ถามด้วยความกังวล
เวินจิ้งดึงสติกลับมาและส่ายหัว
“นายส่งการบ้านแล้วหรือยัง”
“อืม ฉันคิดว่าวิทยานิพนธ์ของเราจะทำให้ศาสตราจารย์เฉินพอใจอย่างแน่นอน” น้ำเสียงของเจียงฉีภูมิใจมากเวินจิ้งยิ้มเธอมั่นใจในความเก่งของเจียงฉี
หลังจากทำการบ้านเสร็จแล้ว เธอก็เตรียมที่จะกลับไปที่หอพักเพื่อนอนสักงีบ แต่เจียงฉียังก็ยืนยันที่จะไปส่งเธอ
“เจียงฉี ขอบคุณสำหรับของขวัญของคุณ แต่อย่าให้อะไรฉันอีกเลยในอนาคต” เวินจิ้งหยุดเดิน ราวกับคิดอะไรขึ้นมาได้
“เธอไม่ชอบหรอ” ใบหน้าของเจียงฉีดำมืดลงเล็กน้อย
“ชอบ … แต่ว่า ฉันไม่ต้องการรบกวนนาย” เวินจิ้งมองเขาอย่างจริงจัง
แม้ว่าเธอจะคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่เจียงฉีจะชอบเธอ แต่เธอก็อยากจะลดความเป็นได้ให้น้อยที่สุด
“ฉันไม่คิดว่ามันรบกวน ตราบใดที่เธอชอบ” น้ำเสียงของเจียงฉีพูดออกมาอย่างเป็นมิตร
เวินจิ้งกัดริมฝีปากและหลบสายตาของเขา
เธอหันหลังกลับไปที่หอพักโดยไม่พูดอะไรอีก
แต่เจียงฉีก็เรียกเธออีกครั้ง
“ฉันจะไปโรงพยาบาลเพื่อตามผลในวันพรุ่งนี้ ฉันอยากได้ใครสักคนอยู่เคียงข้าง”
“เพื่อนร่วมคณะจำเป็นต้องไปอยู่ข้างๆด้วยหรอ” เวินจิ้งขมวดคิ้ว
“ไม่มีใครอยากเป็นเพื่อนฉันเวินจิ้ง มีแต่เธอเท่านั้น”
เวินจิ้งขมวดคิ้ว เธอรู้สึกถึงความโดดเดี่ยวของเจียงฉีเสมอ แต่เธอไม่คาดคิดว่าเขาจะไม่มีเพื่อนอยู่รอบตัว
“เป็นไปได้ยังไง”
“เธอคิดว่าอย่างไงล่ะ” เจียงฉีมองไปที่เวินจิ้ง
เธอ … เธอจะรู้ได้อย่างไร
“อาจารย์มู่เคยตั้งเป้าโจมตีฉันมาก่อน”
เมื่อเจียงฉีพูดออกมา ใบหน้าของเวินจิ้งก็ซีดลง ก่อนเธอจะโพล่งออกมาว่า “มู่วี่สิงไม่ได้ตั้งเป้าโจมตีนาย”
“เมื่อก่อน ตอนนายถูกทำร้าย มู่วี่สิงเป็นคนช่วยคุณเคลียร์ความสัมพันธ์ ก่อนโทรแจ้งตำรวจ เขาไม่ต้องการทำร้ายคุณ” เวินจิ้งอธิบาย
“เวินจิ้งเธอยังไม่รู้จักเขาดี”
“เจียงฉี” เวินจิ้งโกรธเล็กน้อย
เธอทนไม่ได้ที่คนอื่นพูดเรื่องแย่ๆ เกี่ยวกับมู่วี่สิง
“ฉันขอโทษ ฉันอารมณ์ร้อนเกินไป” เจียงฉีหรี่ตาลงและลดน้ำเสียงลง
“เจียงฉี นายต้องการบอกว่า มู่วี่สิงเป็นคนยุยงให้นักศึกษามหาวิทยาลัย F เลิกคบกับนายอย่างนั้นหรอ” ดวงตาของเวินจิ้งกลายเป็นเย็นชา
เจียงฉีเม้มริมฝีปากของเขาโดยไม่ปฏิเสธ
“ทำไมเขาถึงต้องทำแบบนั้น”
“ใครๆก็ดูออก ความรู้สึกของฉันที่มีต่อเธอ” ความรู้สึกในดวงตาของเจียงฉีก็เปิดเผยออกมาอย่างตรงไปตรงมา จนเวินจิ้งรู้ตัว
เธอยืนอยู่กับที่นานมาก ก่อนจะได้สติกลับมา
มู่วี่สิงก็เตือนเธอเหมือนกัน
แต่เธอไม่เชื่อ
“เจียงฉีทำไมนาย …” เธอพูดไม่ออกไปชั่วขณะ
คนที่เจียงฉีชอบคือหลิงเหยา
“ฉันไม่รู้ว่าทำไม แต่เวินจิ้งฉันชอบอยู่กับเธอมาก ถ้าอยู่กับเธอฉันจะผ่อนคลายและสบายใจมาก” เจียงฉีกำหมัดแน่น ดวงตาของเขาขมขื่น
แต่เวินจิ้งไม่เคยมองเขา
“หยุดพูดซะ” หลังจากพูดออกไป เวินจิ้งก็วิ่งกลับหอทันที
เธอไม่ต้องการฟังอะไรทั้งนั้น
เธอเปิดโทรศัพท์โทรไปหามู่วี่สิง แต่สายของเธอก็ยังคงถูกโอนไปยังกล่องจดหมายข้อความดังเดิม
ตามข้อมูลเที่ยวบินที่ให้มาโดยเกาเชียน ตอนนี้มู่วี่สิงยังไม่ลงเครื่อง
เธอหลับตาลง และคำพูดของเจียงฉีก็ดังขึ้นในใจของเธออีกครั้ง
ไม่ไม่…
เพียงแค่เจียงฉีพูดแบบนั้นออกมา แน่นอนว่าทุกคนจะไม่สงสัยอะไรเลย
เวินจิ้งนอนอยู่บนโต๊ะ ไม่รู้ว่าเธอหลับไปตอนไหน และเมื่อเธอตื่นขึ้นมาเช้าวันรุ่งขึ้น ก็มีสายที่ไม่ได้รับหลายสาย เธอจึงโทรกลับในทันที
“มู่วี่สิง” เวินจิ้งเรียกเขา
“ไม่สบายเหรอ” มู่วี่สิงได้ยินเสียงขึ้นจมูกของเธอ
“สบายดี … ฮัจชิ่ว!” ก่อนที่เธอจะพูดจบ เธอก็จามออกมาด้วยความหนาวซะก่อน
เมื่อคืนเธอนอนหลับอยู่บนโต๊ะ โดยที่เธอไม่ได้ห่มผ้าด้วยซ้ำ เธอน่าจะเป็นหวัด
“จิ้งจิ้ง ฉันจะให้บอดี้การ์ดไปซื้อยาให้เธอ”
“ไม่ต้อง ฉันจะซื้อเอง แล้วทำไมคุณจะไม่อยู่ตั้งหลายวันไม่บอกฉัน”
เวินจิ้งพูดอย่างไม่พอใจ
“เมื่อวานคุณบอกว่าอย่ารบกวน” น้ำเสียงของมู่วี่สิงสลดลง
เวินจิ้งรู้สึกผิดมากขึ้นที่พูดอย่างนั้นออกไป แต่เธอพูดแบบนั้นเพียงเพราะเธอต้องการทำการบ้านให้เสร็จโดยเร็วที่สุด
เธอจะรู้ได้ไงว่ามู่วี่สิงจะไปทำธุระกะทันหัน