Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 589
บทที่ 589 ผมรักคุณ
เมื่อเวินจิ้งขึ้นมา ก็เป็นไปตามที่เธอคาด เมื่อเห็นว่าคนบ้างานกำลังทำงานอยู่
“ทานอาหารเช้าค่ะ”
เมื่อเวินจิ้งเข้ามา มู่วี่สิงก็ได้กลิ่นหอมทันที
เวินจิ้งไม่ค่อยรู้อะไร เกี่ยวกับการทำอาหาร และการต้มโจ๊กถือว่าแค่ทำได้ก็ดีแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น ไม่มีเนื้อหาทางเทคนิคในการต้มโจ๊กขาวเลย
“ใช้ได้ไหมคะ?”เมื่อเห็นมู่วี่สิงผู้เป็นนักชิม กำลังชิมทักษะฝีมือการทำอาหารของเธอ เวินจิ้งก็คาดหวัง
“คุณลืมใส่เกลือ”มู่วี่สิงเตือนเธอ
เวินจิ้ง:……
“คุณรอก่อน!”
เวินจิ้งที่กำลังจะลงไปชั้นล่าง แต่ก็ถูกมู่วี่สิงเรียกไว้“แบบนี้ก็ได้แล้ว ไม่เป็นไร”
“อือ ก็ได้ค่ะ”
เมื่อเห็นมู่วี่สิง ทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว เวินจิ้งก็นึกขึ้นได้ เมื่อวานนี้เธอยังโกรธเขาอยู่เลย!
“เมื่อคืนคุณทำเรื่องผิดอยู่นะ คุณต้องขอโทษฉันด้วย”เธอพูดอย่างเคร่งเครียด
มู่วี่สิงขมวดคิ้ว คิดยังไงก็คิดไม่ออก ว่าเขาทำเรื่องอะไรผิด
อย่างไรก็ตาม เขาก็เหมือนจะนึกได้ขึ้นมาเล็กน้อย
เมื่อวานตอนเที่ยว ที่เวินจิ้งได้ชี้แจงต่อหน้านักศึกษากลุ่มหนึ่ง ว่าพวกเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์ชู้สาวกัน แล้วเขาก็แสดงอาการโกรธ แล้วเดินออกมา
เขาไม่ต้องการให้เวินจิ้ง ปิดบังความสัมพันธ์ของพวกเขาไปตลอด
แต่ก็ไม่ได้ต้องการให้ เวินจิ้งตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก
ดังนั้นในตอนนั้น เพื่อไม่ให้ตัวเองมีผลต่ออารมณ์ของเวินจิ้ง เขาจึงออกมา
เขายอมรับว่า ณ ตอนนั้น เกิดอารมณ์นั้นจริงๆ
“อืม ผมขอโทษ”มู่วี่สิงตอบอย่างจริงจัง“จิ้งจิ้ง ขอโทษนะ”
ไม่มีใครรู้ว่า เขาต้องการให้เวินจิ้ง เป็นภรรยามู่มากขนาดไหน แต่เมื่อเธอต้องการเวลา ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่รอเธอ
แต่ความอดทนนี้ ก็ทรมานสำหรับเขาเช่นกัน
“คุณทำอะไรผิดเหรอ?”เวินจิ้งคิดว่า มู่วี่สิงขอโทษเธอเป็นพิธีเท่านั้น
“ไม่ควรทิ้งคุณไว้คนเดียวที่มหาวิทยาลัย ครั้งต่อไปผมจะพยายามแสดงละครร่วมกับคุณ”
เวินจิ้งค่อยๆ ยกมุมปากของเธอขึ้น แต่ว่า เธอรู้ว่ามู่วี่สิงไม่เต็มใจที่จะทำแบบนี้
“รอจนฉันเรียนจบแล้ว พวกเราค่อยมาเปิดเผยความสัมพันธ์อีกครั้งนะคะ ดีไหม?”เวินจิ้งมองไปที่เขา อย่างคาดหวัง
“อืม ผมเข้าใจ”
“มู่วี่สิง ขอบคุณนะคะ”เวินจิ้งรู้สึกจุกอยู่ในลำคอทันที
เธอคิดว่า ทั้งชีวิตของเธออาจจะเดินอยู่บนทางช้างเผือก เพื่อพบกับผู้ชายที่ดีอย่างมู่วี่สิงก็ได้
เธอก็ไม่ได้ต้องการที่จะให้เขารอ แต่ว่า ให้เวลาเธออีกแค่สามปี
“จิ้งจิ้ง ผมรักคุณ”
ในตอนนั้น เสียงของมู่วี่สิงก็ดังวนอยู่ในหูของเธอ ทันใดนั้นเวินจิ้งก็ร้องไห้น้ำตานองหน้า อดไม่ได้ที่จะเข้าไปจูบริมฝีปากของมู่วี่สิง
ทั้งสองคนล้มตัวลงบนเตียงด้วยกัน สังเกตเห็นมู่วี่สิงจะกระทำขั้นตอนต่อไป เวินจิ้งจึงรีบหยุดเขา“คุณยังมีไข้อยู่นะ”
“ดูเหมือนว่าสิ่งนี้จะช่วยลดไข้นะ?”มู่วี่สิงตอบอย่างกะทันหัน
เวินจิ้งรู้สึกเขิน แต่ศาสตราจารย์ทางด้านวิชาการอย่างมู่วี่สิง จะเชื่อเรื่องข่าวลือพวกนี้ด้วยเหรอ?
เพียงแต่ ไม่มีเวลาให้เวินจิ้งคิดเพ้อเจ้อ เธอก็ถูกมู่วี่สิงกดไว้ใต้ร่างเขา……
จนกระทั่งเข้าวันที่สาม ไข้ของมู่วี่สิงก็ลดลงอย่างสมบูรณ์ มู่วี่สิงก็ไปมหาวิทยาลัยFก่อน ช่วงบ่ายถึงจะไปโรงพยาบาลหนานเฉิง
โครงการหัวข้อวิจัยพื้นฐาน ได้มีการสรุปเรียบร้อยแล้ว,วันจันทร์หน้า เวินจิ้งและเพื่อนร่วมชั้นอีกสองคนจะต้องไปที่ตระกูลโจว เพื่อกำหนดเวลาในการเข้าร่วมฝึกงานในแต่ละสัปดาห์
“เวินจิ้ง เธอไม่สบายเหรอ ช่วงสองสามวันนี้ไม่เจอเธอเลย?”หลังจากออกจากห้องเรียน เจียงฉีก็ถามด้วยความกังวล
“ไม่นะ ศาสตราจารย์มู่ลาป่วย ฉันไม่มีอะไร ก็อ่านหนังสืออยู่ที่บ้าน”
“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ผมกลัวรบกวนคุณ เลยไม่ได้ส่งวีแชทไปหา”เจียงฉีเกาหัวของเขา
“อืม”เวินจิ้งตอบ
สองวันต่อมา เวินจิ้งพร้อมที่จะไปตระกูลโจว กับเจียงฉีและเจิงยุ่ย แต่ทันใดนั้นก็ได้รับสายจากโรงพยาบาลหนานเฉิง แจ้งว่าโจวหย่านมีอาการติดเชื้อ และมู่วี่สิงก็เพิ่งจะมีเคสผ่าตัด หวังว่าเธอจะเข้าไปดูได้
แต่แรกเวินจิ้งไม่ได้ตั้งใจที่จะเข้าไป เพราะเธอไม่ได้รู้สถานการณ์ของโจวหย่านเท่าไหร่ และโจวหย่านก็ไม่เชื่อเธอเช่นกัน
แต่พยาบาลบอกว่าสถานการณ์เข้าขั้นวิกฤต และอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ พอดีกับที่การทดลองของตระกูลโจวถูกเลื่อนออกไปเป็นตอนบ่าย เพราะศาสตราจารย์ส้งติดธุระ เวินจิ้งจึงต้องรีบไปโรงพยาบาลหนานเฉิงก่อนเพื่อไปดู
โจวหย่านมีผื่นแดงขึ้นทั่วร่างกาย ต้องตรวจสอบเบื้องต้นว่าเป็นอาการแพ้จากอะไร เวินจิ้งตรวจสอบยาหลายชนิด เบื้องต้นได้เปลี่ยนยาทั้งหมด ให้กับโจวหย่านเป็นการชั่วคราวก่อน แล้วก็สั่งให้พยาบาลส่งไป
ถ้าไม่มีอะไรจำเป็น เธอไม่อยากเจอโจวหย่าน
หลังจากที่เธอจัดการเรื่องต่างๆ เสร็จเรียบร้อยแล้ว เมื่อเธอกำลังจะออกไป โจวหย่านก็เรียกเธอไว้
“เวินจิ้ง ฉันทนไม่ไหวแล้ว เธอฉีดยาแก้ปวดให้ฉันหน่อย ฉันเจ็บไปทั้งตัวแล้ว”น้ำตาของโจวหย่านกำลังไหลออกมา
เวินจิ้งหยุดนิ่ง แล้วขมวดคิ้วมองเธอ
ในความคิดของเธอ,สถานการณ์ของโจวหย่านในตอนนี้ มีความผิดปกติเล็กน้อย
แต่เธอไม่กล้าเดาสุ่มสี่สุ่มห้า
“คุณหมอมู่ อีกนานแค่ไหนถึงจะทำการผ่าตัดเสร็จ”
“คืนนี้ ตอนเที่ยงคืน”
เวินจิ้งขมวดคิ้ว“คุณโจวคะ ตอนนี้เธอจะฉีดยาแก้ปวดไม่ได้ ฉันไม่กล้าจ่ายยาอะไรก็ได้ให้นะ ดังนั้นเธอทำได้แค่อดทนไว้”
“ฉันจะตายแล้ว!เวินจิ้ง เธออยากให้ฉันตายใช่ไหม!เธอเห็นคนจะตายแล้วไม่ช่วย!”โจวหย่านตะโกนโวยวาย
เวินจิ้งนิ่งเงียบ ถ้าเธอต้องการให้โจวหย่านตาย เธอจะไม่มาที่โรงพยาบาล เพื่อให้เธอมาใส่อารมณ์แบบนี้หรอกนะ
หายใจเข้าลึกๆ เธอกำลังจะโต้ตอบ แต่โจวหย่านก็อ้าปากพูดอีกครั้ง“เวินจิ้ง ให้ฉันกินยา……ฉันจะกินยา”
ข้างๆ ก็มีพยาบาลนำยามาให้จำนวนหนึ่ง เวินจิ้งขมวดคิ้ว และใช้ยาที่คิดว่าปลอดภัยที่สุด ตามวิจารณญาณของเธอ“โจวหย่าน ใจเย็นๆ นะ เธอทำได้แค่ทนไปก่อน”
ผ่านคืนนี้ไปได้ สถานการณ์ของโจวหย่านก็จะดีขึ้น
ก่อนจะออกไป เธอก็ได้สั่งให้พยาบาล ให้ยาชาแก่โจวหย่าน เพื่อให้เธอได้นอนหลับ แต่หลังจากสองชั่วโมง ก็ให้ปลุกเธอ
หลังจากอธิบายทุกอย่าง,เธอก็ออกจากโรงพยาบาล
เจียงฉีมาเพื่อรับเธอ เวินจิ้งเมื่อมองดูเวลา ก็เห็นว่าสายมากแล้ว จึงไม่ได้ปฏิเสธไป
ระหว่างทาง เวินจิ้งเริ่มรู้สึกกระสับกระส่าย ว้าวุ่น
เจียงฉีมองเห็นอาการของเธอ จึงถามด้วยความกังวล“มีอะไรเหรอ?”
เวินจิ้งส่ายหัว เงียบไปสักพัก แล้วก็พูดออกมา“สถานการณ์ของโจวหย่านเมื่อสักครู่ มีอาการค่อนข้างแปลกๆ ฉันกังวลว่าเธอจะไม่สามารถมีชีวิตรอดได้”
ในความเป็นจริง อาการป่วยของโจวหย่าน ยิ่งทำการผ่าตัดเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี แต่ทำไมตอนนี้เธอถึงไม่สามารถทำการผ่าตัดได้ นั่นทำให้มีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น
“ใจเย็นๆ นะ ศาสตราจารย์มู่ก็อยู่ไม่ใช่เหรอ?”น้ำเสียงของเจียงฉีเย็นลง และเขาก็ได้พูดถึงมู่วี่สิง
“เขาอยู่ในห้องผ่าตัด ดังนั้นที่ผ่านมา ฉันจึงเป็นคนจัดการสถานการณ์ของโจวหย่าน”
“เชื่อในตัวเอง”
เวินจิ้งยิ้ม แต่เธอยังคงรู้สึกกังวลอยู่ในใจตลอด แม้ว่าโจวหย่าน จะแสดงสีหน้าไม่ดีต่อเธอมาตลอดก็ตาม
เมื่อมาถึงตระกูลโจว ส้งเชนก็อยู่ที่ห้องทดลองแล้ว เจิงยุ่ยก็มาถึงแล้ว โจวเซินไม่ได้อยู่ จึงทำให้ห้องทดลอง ที่มีพวกเขาทั้งสามคนแล้ว ก็ยังมีนักทดลองของตระกูลโจวจำนวนหนึ่งอยู่ด้วย
เวินจิ้งสวมหน้ากาก เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็เข้าไป มีศาสตราจารย์ส้งอยู่ การพัฒนาการวิจัยในครั้งนี้เป็นไปอย่างราบรื่น ควบคู่ไปกับ เจียงฉีที่มีความคิดความอ่านที่เร็ว มีความคิดสร้างสรรค์ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยในครั้งนี้ ล้วนแล้วแต่มีพลังมากกันทุกคน
จนถึงกลางคืน ทุกคนต่างก็หมกมุ่นอยู่กับงานในมือ เมื่อเวินจิ้งเรียกสติกลับคืนมาได้ ก็รู้สึกเวียนหัวอย่างอธิบายไม่ถูก
เมื่อเธอหันตัวกลับมา ก็เห็นเพื่อนร่วมชั้นกำลังจะออกไปแล้ว เธออยากจะส่งเสียงออกไป แต่ก็พบว่าลำคอไม่สามารถส่งเสียงออกมาได้ อะไรก็ไม่สามารถพูดออกมาได้……