Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 626
บทที่ 626 แจกันที่สวยงามในสายตาของเขา
ทั้งคู่ก็ยุ่งงานมาก และไม่ค่อยมีเวลาพักผ่อนที่เหมือนกัน
หยูจิ่งห้วนไม่ได้ใช้วิธีบังคับในการมีอิทธิพลต่อชีวิตของคนๆหนึ่ง แต่จะนัดเวินจิ้งกินข้าวและดูหนังด้วยกัน
เวินจิ้งเพิ่งออกมาจากห้องผ่าตัด เมื่อเธอได้รับโทรศัพท์จากหยูจิ่งห้วนในวันหยุดสัปดาห์
จริงๆแล้วหยูจิ่งห้วนอยู่ห่างไกลที่อีกด้านหนึ่งของโลก น้ำเสียงของเขาก็แซวมาก”วันนี้คุณทำงานล่วงเวลาไหม”
“ทำค่ะ”เวินจิ้งพูดอย่างสั้นๆ “เดี๋ยวยังมีการผ่าตัดอีกเรื่อง”
เธอพูดไปและรับข้อมูลผู้ป่วยที่เวยอานส่งมาให้ด้วย ซึ่งนี้เป็นคนไข่โดยแพทย์อีกคนหนึ่งที่ลาออกส่งต่อมาให้
แต่ดูรูปด้านบน รู้สึกคุ้นตามาก
“ฉันจะไปทำงานแล้ว เดี๋ยวฉันจะโทรหาคุณนะ”เวินจิ้งวางสายโทรศัพท์
มองดูรูปนี้อย่างจริงจังสักพักหนึ่ง ในที่สุดเธอก็จำได้ว่าเคยเห็นผู้หญิงคนนี้ที่ไหนแล้ว
ในงานเฉลิมฉลอง ผู้หญิงที่ดูเหมือนเธอในสายตาของหยูจิ่งห้วน
“เธอมาหรือยัง”เวินจิ้งถาม
“อยู่ในห้องผู้ป่วยแล้ว แต่ว่า… หมอมู่เหมือนก็มาด้วย”เวยอานขมวดคิ้ว
“มู่วี่สิงเหรอ”เวินจิ้งหยุดเดิน แม้ว่าจะไม่แปล แต่เธอก็ลังเลอยู่สักครู่
“อืม คุณคิดว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นอะไร แม้หมอมู่จะมาอยู่เพื่อนเธอด้วย แต่มีคุณหลิงอยู่ข้างๆหมอมู่แล้วไม่ใช่เหรอ”เวยอานพึมพำ
เวินจิ้งเม้มปาก ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้พูดอะไร แต่เธอตึงหน้าขึ้น
ผู้หญิงคนนั้นชื่อไป๋ซี เวินจิ้งเดินเข้าไปในห้องผู้ป่วย ผมของเธอมัดเป็นหางม้า และไม่ได้แต่งหน้าเล
เห็นรอยไหม้เล็กน้อยน่ารักที่ดั้งจมูกของเธอด้วย
“หมอเวิน ทำไมฉันรู้สึกว่าเธอดูเหมือนคุณมากเลย”เวยอานเดินเข้ามาด้วย อดไม่ได้ที่จะกระซิบอยู่ข้างหู
เวินจิ้ง “โดยเฉพาะดวงตาและริมฝีปาก อิอิ ถ้าไม่ได้รู้จักคุณ ฉันคิดว่าพวกคุณเป็นฝาแฝดจริงๆ”
สายตาของเวินจิ้งตกอยู่ในดวงตาของไป๋ซี เธอกำลังฉีดเข็มที่ฝังอยู่ในขณะนี้ ดวงตาของเธออยู่กลมๆ
เหมือนลำไย แต่ถ้าเธอยิ้มขึ้นมาก จะดูเหมือนพระจันทร์เสี้ยวๆ
สำหรับริมฝีปากนั้น จริงๆแล้วไป๋ซีไม่มีการแสดงออกไดๆ แต่ริมฝีปากบนเม้มขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
ดูน่ารักมาก
เวินจิ้งเม้มปากเบาๆ”คุณไม่ใช่คนแรกที่พูดแบบนี้แล้ว”
“สวัสดีค่ะ” ไป๋ซีทักทายเมื่อเวินจิ้งเข้ามา
เวินจิ้งอธิบายรายละเอียดของการปฏิบัติงานและข้อควรระวังหลังการผ่าตัดให้เธอฟังสั้นๆ จากนั้นก็ออกไปเตรียมตัวแล้ว ในเวลานี้มู่วี่สิงกำลังเดินมาทางนี้
เมื่อเธออยากหนีไปก็ไม่ทันแล้ว
“วันนี้คุณเป็นคนทำการผ่าตัดเหรอ” คิ้วของผู้ชายขมวดขึ้นเล็กน้อย
“ใช่ค่ะ”เวินจิ้งพยักหน้าช้าๆ
“คุณเป็นญาติของผู้ป่วยเหรอ ฉันเห็นว่ามีแต่เธอคนเดียว”เวินจิ้งมองมู่วี่สิง
ถึงแม้ว่าการผ่าตัดของไป๋ซีไม่ได้ซับซ้อนและอันตราย แต่ถ้ามีญาติอยู่ด้วยก็จะดีกว่าไป๋ซี
มู่วี่สิงก้มลง เขาเก็บอารมณ์ทั้งหมดไว้ เขาไม่ได้ตอบ แต่กลับถามอย่างเย็นชาว่า “คุณคิดว่าเธอเหมือนคุณไหม”
มีความคิดถึงเล็กน้อยในน้ำเสียงของเขาด้วย
เวินจิ้งตกตะลึง เธอมีความรู้สึกเหมือนถูกหลอกขึ้นมา ไม่ได้ตอบ เธอเดินออกไปอย่างรอดเร็ว
มีความคิดบางอย่างแวบเข้ามาสมองของเธอ แต่เธอก็ห้ามมันไว้อย่างรวดเร็ว เป็นไปไม่ได้หรอก
อยู่ด้านหลังของเธอ มู่วี่สิงเงยหน้าขึ้นอย่างเงียบๆ หลังที่เดินออกไปอย่างรวดเร็วนั้นจะตกอยู่ดวงตาของเขาโดยตลอด
สามชั่วโมงผ่านไป เมื่อการผ่าตัดของไป๋ซีเสร็จเรียบร้อย เวินจิ้งก็ถอดหน้ากากออกและเดินออกจากห้องผ่าตัดอธิบายสถานการณ์ให้ญาติผู้ป่วยฟังอย่างที่เคยชิน แต่ไม่มีใครอยู่ในนอกห้องผ่าตัดเลย
เธอขมวดคิ้วและหันกลับไปที่ห้องทำงาน
ผ่านไปไม่นาน ไป๋ซีก็ถูกผลักกลับไปที่ห้องผู้ป่วย เวยอานก็อยู่เคียงข้างเธอตลอด เมื่อเธอเห็นมู่วี่สิงนั่งอยู่บนโซฟาในหอผู้ป่วย ดวงตาของเธอก็มีความตื่นเต้นอย่างเก็บไม่อยู่
แต่สายตาของเขา ดูเหมือนจะตกอยู่ที่ไป๋ซีคนเดียวทันทีที่เธอเข้ามา
เมื่อไป๋ซีตื่นขึ้นมาเห็นมู่วี่สิงอยู่ข้างๆ ก็ยิ้มเบาๆ ความโค้งของดวงตานั้นสวยงามมาก
ด้วยรอยยิ้มนี้ ริมฝีปากของเธอจึงโค้งขึ้นอย่างน่ารัก
ดวงตาของมู่วี่สิงสงบอยู่ตลอด แต่รอยยิ้มของไป๋ซีก็ค่อยๆแข็งไป เธอคิดว่าความงามของตัวเองจะอยู่ในระดับกลางขึ้นไป อย่างน้อยก็มีผู้ชายเพียงไม่กี่คนที่จะปฏิเสธเธอได้
แต่ผู้ชายเย็นชาที่อยู่ตรงหน้า เขาอยู่ในระยะห่างที่เหมาะสมกับเธอมาโดยตลอด
“คุณชอบฉันไหม”ไป๋ซีพูดอย่างความกล้า น้ำเสียงของเธอค่อนข้างกลัวนิดหน่อย
ถ้าไม่ชอบเธอ ผู้ชายคนนี้จะมาเป็นเพื่อนเธอผ่าตัดทำไมล่ะ
แต่ถ้าชอบเธอ ทำไมถึงเย็นชากับเธอขนาดนี้ล่ะ
“ไป๋ซี จำฐานะของตัวให้ดีๆ ต่อหน้าฉัน อะไรพูดได้ อะไรที่พูดไม่ได้ คุณไม่รู้หเหรอ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงกลายเป็นเย็นชาขึ้น
ไป๋ซีหัวเราะเยาะเย้ย เธอเข้าใจความหมายของผู้ชายคนนี้แล้ว
เธอคงเป็นเพียงแจกันที่สวยงามในสายตาของเขามั้ง
“ขอบคุณที่มาในวันนี้ค่ะ”ใบหน้าของเธอมีรอยยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง
ใบหน้าของมู่วี่สิงก็เย็ยเยือกเหมือนเดิม แต่ก็อ่อนโยนกว่าเมื่อกี้แล้ว
“เมื่อออกจากโรงพยาบาล โทรหาฉันได้”พูดเสร็จ เขาก็รีบออกไปอย่างเย็นชา
ไป๋ซีเอียงหัวคิดอยู่ตั้งนานก็ไม่เข้าใจ ตกลงผู้ชายคนนี้อยากทำอะไรกันแน่
หลายวันต่อมา เวินจิ้งก็ไม่เห็นมู่วี่สิงอีกเลย เธอจะมาห้องผู้ป่วยของไป๋ซีในทุกวัน เธอจะยิ้มอ่อนๆเมื่อเห็นเวินจิ้ง ทันใดนั้นเธอก็นึกออกคำหนึ่งว่า แป๋วแหว๋ว
ทั้งๆที่รอยยิ้มนั้นเบามาก แต่เมื่อได้เห็นรอยยิ้มของไป๋ซี ก็จะรู้สึกสบายใจและอบอุ่นมาก
“คุณหมอเวินคะ พรุ่งนี้ฉันจะออกจากโรงพยาบาลได้หรือยัง”
“อืม ร่างกายของคุณฟื้นตัวดีมาก”เวินจิ้งพยักหน้า
ผ่านไปไม่นาน ไป๋ซีก็โทรหามู่วี่สิง ในขณะนี้เวินจิ้งกำลังจะออกไป แต่เมื่อได้ยินไป๋ซีเรียกชื่อ”คุณมู่” เธอก็หยุดเดินโดยไม่รู้ตัวเลย
เธอออกไปอย่างไม่ลังเล
บ่ายนี้เธอนัดกับหยูจิ่งห้วนว่าจะไปรับเขาที่สนามบินนานแล้ว แต่ไม่คิดว่ารถติดตลอดทาง เมื่อมาถึงสนามบินก็ช้าเล็กน้อยแล้ว
ในฝูงชน เวินจิ้งเข้าไปก็เห็นหยูจิ่งห้วนใส่แว่นกันแดด ผมสั้นและกระเป๋าเป้สีดำ กำลังผลักรถเข็นกระเป๋าและมองไปรอบ ๆ
เวินจิ้งยืนอยู่ที่ทางออก มองเขาหาเจอตัวเอง ท่าที่ถอดแว่นตาออก น่าตามความสุข
เธออดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา และโบกมือให้เขาจากระยะไกล
เพราะว่าสองคนไม่ได้เจอกันมาครึ่งเดือนแล้ว หยูจิ่งห้วนพูดเยอะมาก เกือบจะพูดไม่หยุดเลยในระหว่างทางกลับบ้าน
เวินจิ้งฟังเรื่องต่างๆที่การแลกเปลี่ยนทางวิชาการในออสเตรเลียของช่วงนี้อย่างมีความอดทน จนกว่าขับเข้าไปในกลางเมือง เห็นได้ชัดเลยว่าการจราจรถูกติดขึ้น ขับไปหยุดไปตั้งหลายครั้ง ในที่สุดหยูจิ่งห้วนก็หลับไปที่เบาะหลังสักที
เวินจิ้งหันไปมองเขาอย่างจริงจังไปเรื่อยๆ
ผู้ชายที่มีตาชั้นเดียว หน้าตาดีและมีออร่าที่สดใส
จมูกของเขาสูงมาก เพราะความเหนื่อยล้าจึงมีสีรอยน้ำเงินดำอยู่ใต้แว่นตา
ขอบเสื้อหน้าอกมีรอยย่น เขาชอบแต่ใส่เสื้อเชิ้ตผ้าฝ้ายซักด้วยน้ำเท่านั้น ไม่เหมือนมู่วี่สิงที่กระดุมข้อมือสีสันและขอบเสื้อหน้าอกตรงตลอด
หลายปีที่เขาและเธออยู่ด้วย รู้จักคนร่ำรวยหรือชนชั้นสูงในอาชีพ ต่างก็มีออร่าที่แตกต่างกัน