Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 635
บทที่ 635แน่นอนฉันชอบเขา
“คุณมู่คุณต้องการอะไร” เวินจิ้งระงับอารมณ์และถามขึ้นด้วยความอดทนอดกลั้น
“นั่งลง” มู่วี่สิงพูดเชิงออกคำสั่ง
เวินจิ้งเม้มปาก ยื่นนิ่งโดยไม่มีการขยับเขยื้อนใดๆ
“หากคุณต้องการจะทราบข่าวคราวของหยูจิ่งห้วน มีทางเดียวคืออยู่กับผมที่นี่”
เวินจิ้งหันมามองดูชายผู้นั้น สักพักเธอก็นั่งลงอีกครั้ง
มู่วี่สิงยังคงดำเนินการจัดการงานที่มีอยู่ในมือให้แล้วเสร็จ ด้วยหน้าที่ตำแหน่งงานของเขา นอกจากงานตรวจหารักษาโรคและทำการผ่าตัดแล้ว เขายังต้องดูแลงานอื่นๆอีกด้วย ดังนั้นในแต่ละวันทำให้ช่วงเวลาการพักผ่อนของเขานั้นแทบจะน้อยเหลือเกิน
เวินจิ้งนั่งเฝ้าดูเวลาที่ผ่านไปในแต่ละวินาที หลังจากที่คุยปรึกษากันเรื่องงานกับหซู่เฟินแล้ว เธอก็ดูไฟล์เอกสารไปเรื่อยๆจนหลับใหลไป
ช่วงนี้เธอพักผ่อนไม่ค่อยจะเพียงพอ อากาศในห้องทำงานก็กำลังพอดี บรรยากาศก็เงียบสงบ ทำให้เวินจิ้งรู้สึกหนังตาเริ่มหนักและค่อยๆหย่อนลง…..
มู่วี่สิงที่เพิ่งดูรายงานบางส่วนเสร็จ เมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นศีรษะเวินจิ้งที่พิงโซฟานั้นเอียงเล็กน้อย ใบหน้ายังหันมาทางเขา
เวลานี้ใบหน้าเธอที่ไม่ได้เย็นชาเหมือนอย่างเคย ช่างดูละมุนและอ่อนโยน
ใบหน้าที่ตึงเครียดนั้นก็ดูผ่อนคลายลง เขาวางรายงานที่อยู่ในมือลง แล้วค่อยๆก้าวเข้าไปใกล้ๆ เขาหยุดก้าวขึ้นเมื่ออยู่ระยะห่างจากเธอเพียงหนึ่งเมตร
“จิ้งจิ้ง”
เสียงกระซิบของเขายังคงน่าหลงใหลเหมือนที่ผ่านมา
เวินจิ้งตื่นขึ้นหลังจากสองชั่วโมงผ่านไป เธอขยี้ตาในทันใดแล้วกลอกตาไปมา
เธอหลับไปตั้งแต่เมื่อไร
อีกทั้ง…..ยังหลับอยู่บนตักของมู่วี่สิง
เธอกรีดร้องและลุกขึ้นฉับพลัน
หันไปมองทางมู่วี่สิง เขาก็ดูเหมือนจะตกใจเล็กน้อยพร้อมขมวดคิ้วขึ้น
“คุณ…..” เวินจิ้งที่กำลังจะถามขึ้น แต่เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นมู่วี่สิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าโน้ตบุ๊กคอมพิวเตอร์ เสียงเธอนั้นก็ติดอยู่ในลำคอทันที
สายตาเธอจ้องเข้ากับสายตากลุ่มแพทย์ที่ดูเป็นระเบียบเรียบร้อย
นี่…..มู่วี่สิงกำลังประชุมผ่านวิดีโอคอลหรือ
เธอหันหน้าไปมองมู่วี่สิงแวบหนึ่ง แล้วรีบก้มตัวลงเพื่อหลบกล้อง
“วันนี้ประชุมกันแค่นี้ก่อนนะครับ ”
จบประโยค เขาก็ปิดกล้องลงทันที
เวินจิ้งที่สีหน้าแดงก่ำด้วยความเคอะเขิน ไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้น
“มู่วี่สิง ทำไมฉันไปนอนอยู่บนตักคุณได้…..” เวินจิ้งถามด้วยความพะอืดพะอม
ฝ่ายชายเอนหลังพิงโซฟาด้วยความขี้เกียจ ดวงตาก้มลงเล็กน้อย ริมฝีปากเผยอขึ้น
“คุณเขยิบเข้ามาเอง” มู่วี่สิงพูดอย่างใจเย็น
เวินจิ้ง : ??
โซฟาก็ออกจะกว้างขวาง ตรงที่เวินจิ้งอยู่ระยะห่างก็อยู่ไกลสุดจากด้านที่เขานั่ง อย่างไรเสียก็เว้นช่วงห่างตั้งหลายเมตร…..
เป็นไปไม่ได้
“คุณกำลังแกล้งฉัน!” เธอพูดด้วยความโกรธ
“ผมยุ่งมาก ไม่มีเวลาไปแกล้งคุณหรอก”
“มีข่าวคราวความคืบหน้าของจิ่งห้วนหรือยัง” เวินจิ้งไม่ได้ต่อล้อต่อเถียงเรื่องนั้นต่อ
เธอลุกขึ้นนั่งแล้วยืดตัวตรง
มู่วี่สิงที่เห็นเธอหูยังคงแดงอยู่ ใบหน้าก็ยิ้มออกมา แต่เขาก็รีบปิดซ่อนขึ้นอย่างรวดเร็ว
“อืม เขาได้รับการช่วยเหลือออกมาแล้ว”
“จริงหรือ”
มู่วี่สิงพยักหน้า
เวินจิ้งรีบคว้าโทรศัพท์ออกมาแล้วพยายามเชื่อมต่อหาหยูจิ่งห้วน แต่ว่ายังคงติดต่ออีกฝ่ายไม่ได้
เธอมองมู่วี่สิงด้วยความคาดหวัง ฝั่งตรงข้ามจึงพูดขึ้นเบาๆว่า “การสื่อสารของขั้วโลกเหนือยังไม่ฟื้นเป็นปกติ”
“แบบนั้นหรือ อย่างนั้นเขาจะกลับมาในเร็วๆนี้ไหม”
“การวิจัยและพัฒนาของเขายังไม่เสร็จลุล่วง”
“แต่ที่นั่นมันอันตรายมาก หรือว่าหน้าที่การงานสำคัญกว่าชีวิตคน!” เวินจิ้งที่โกรธมากหยูจิ่งห้วนตกอยู่ในภัยอันตรายมาแล้วครั้งหนึ่ง เธอไม่ต้องการให้เขาทำงานการวิจัยและพัฒนานี้ต่อไปอีก
“คุณเวิน นี่คือสิ่งที่คุณหยูจิ่งห้วนเลือกเอง” มู่วี่สิงพูดอย่างเย็นชา
เวินจิ้งมองชายที่อยู่ตรงหน้า รู้สึกว่ามู่วี่สิงในตอนนี้ช่างแปลกหน้าเหลือเกิน
ทำไมเขาถึงได้เลือดเย็นเช่นนี้ ทำไมถึงเป็นแบบนี้…..
เขาไม่ใช่มู่วี่สิงคนเดิมที่เธอเคยรู้จักอีกแล้ว
“คุณเคยถามถึงความคิดของเขาหรือเปล่า” ขั้วโลกเหนือตอนนี้มันอันตรายมาก ถึงแม้ว่าจะต้องทำการวิจัยและพัฒนา ก็ไม่ควรที่จะเพิกเฉยหรือไม่ใส่ใจความปลอดภัยของชีวิตคน
“ถ้าหากเขาเสนอขึ้นเองว่าต้องการจะกลับประเทศ ผมก็จะอนุญาต”
“ฉันต้องการที่จะติดต่อกับจิ่งห้วน”
“คุณเวิน นี่คุณยังคิดว่าคุณยังเป็นผู้หญิงของผมอยู่ใช่ไหม” มู่วี่สิงมองเธอด้วยท่าทีที่สบายๆ น้ำเสียงยังคงเรียบเฉย
เมื่อประโยคนี้แล่นออกมา เวินจิ้งถึงกับชะงักงัน
ใช่สิ ตอนนี้คือเธอกำลังขอร้องมู่วี่สิงอยู่ แต่ด้วยเมื่อก่อนที่เคยชินกับการพึ่งพาเขาในลักษณะนี้ ท่าทางเช่นนี้จึงได้ฝังลึกผลึกแน่นอยู่ข้างใน
“ขอโทษค่ะ ฉันแค่เป็นห่วงจิ่งห้วนมากจนเกินไป” เวินจิ้งที่หันศีรษะมาอย่างอึดอัดใจ
“คุณชอบเขาหรือ” มู่วี่สิงถามขึ้นทันใด
เวินจิ้งก้มหน้า ไม่ถึงกับว่าชอบ แต่เธอก็พยายามที่จะชอบและเข้ากับหยูจิ่งห้วนให้ได้ ถึงแม้ว่าไม่ใช้ในฐานะแฟน ฐานะเพื่อนก็ยังดี
ไม่ว่าอย่างไร เรื่องที่เกิดขึ้นกับเขา เธอก็อดที่จะห่วงไม่ได้
แต่ว่ามู่วี่สิงถามขึ้นเช่นนี้ เธอไม่รู้ว่าควรตอบเช่นไรดี
“คำถามนี้ตอบยากนักหรือ” พวกคุณตกลงปลงใจกันแล้วไม่ใช่หรือ หรือว่าใจของคุณไม่ได้อยู่ที่เขา” น้ำเสียงท่าทีของมู่วี่สิงยังคงสบายๆ
แววตาที่ลุ่มลึกนั้นราวกับว่ามองทะลุปรุโปร่งในตัวเวินจิ้ง
“แน่นอน ฉันชอบเขา” เวินจิ้งตอบขณะที่ไม่ได้มองมู่วี่สิง พูดด้วยน้ำเสียงที่แข็งทื่อ
“การวิจัยและพัฒนาครั้งนี้ใช้เวลาอย่างน้อยสามเดือน หากงานไม่สำเร็จลุล่วง เขาไม่มีทางกลับมาอย่างแน่นอน”
“อะไรนะ สามเดือน นานขนาดนั้นเลยหรือ” เวินจิ้งตกใจ
“แต่ว่าที่นั่นมีภัยอันตรายอยู่ตลอดเวลา เปลี่ยนสถานที่ในการวิจัยไม่ได้หรือ”
คุณเวิน นี่คือการตัดสินใจจากผู้บริหารระดับสูงของโรงพยาบาล ผ่านการประเมินและไตร่ตรองมากว่าครึ่งปี ถึงได้ยืนยันออกมา แค่คำพูดประโยคเดียวของคุณ จะให้ผมหยุดโครงการทั้งหมดอย่างนั้นหรือ”
เวินจิ้งมองชายที่อยู่ตรงหน้าแล้วนิ่งไปชั่วขณะ
“ไม่ใช่เพราะประโยคเดียวของฉัน แต่เป็นเพราะความปลอดภัยทั้งหมดของนักทีมวิจัยและพัฒนาต่างหาก”
“ในตอนนี้ผมคิดว่าที่เขตขั้วโลกเหนือทุกคนได้เพิ่มความปลอดภัยที่แน่นหนามากยิ่งขึ้น ไม่น่าจะมีอันตรายใดๆเกิดขึ้นอีก
“แล้วถ้าสมมติว่าเกิดขึ้นละ ——”
“คุณรู้ไหม จิ้งจิ้ง” น้ำเสียงมู่วี่สิงอ่อนโยนขึ้นในทันใดแล้วมองไปที่เธอ “ผมไม่ชอบเลยที่คุณเป็นห่วงเป็นใยผู้ชายอื่นเช่นนี้”
เวินจิ้งผงะไปชั่วขณะ สบตาเข้ากับนัยน์ตาที่ลุ่มลึกของมู่วี่สิง แล้วฝืนพูดขึ้นว่า “เขาเป็นแฟนของฉัน”
“มู่วี่สิงนี่คุณคงไม่ได้จะกลั่นแกล้งเขาใช่ไหม” เวินจิ้งถามขึ้นในทันใด
เพราะหยูจิ่งห้วนเคยพูดกับเธอว่า โครงการการวิจัยและพัฒนาชิ้นนี้ถูกนำขึ้นมาถกในวาระการประชุมอย่างกะทันหัน เขาเองก็รู้สึกเอะใจไม่น้อย จากนั้นเขาก็ถูกส่งตัวไปเขตขั้วโลกเหนือทันที
มู่วี่สิงกัดริมฝีปากอย่างแรงและไม่มีการตอบใดๆ
เวินจิ้งจึงคิดว่าเขานั้นได้ยอมรับไปโดยปริยาย ยิ่งทำให้โกรธยิ่งขึ้น เธอลุกขึ้นมาด้วยอารมณ์ที่ฉุนเฉียวจนควบคุมไว้ไม่อยู่
“คุณจะมากไปแล้วนะ มู่วี่สิงทำไมคุณถึงทำเช่นนี้ได้…..”
“คุณเวินคุณคิดว่าในใจผมนั้นคุณยังคงมีความสำคัญอยู่ใช่ไหม” หนึ่งประโยคจากปากมู่วี่สิงได้ขัดจังหวะเวินจิ้งขึ้นในทันใด
ใบหน้าเวินจิ้งได้ซีดลง พร้อมกับส่ายหน้าไปมา
เธอไม่ได้คิดแบบนั้นอย่างแน่นอน
แล้วจุดประสงค์ของมู่วี่สิงที่ทำเช่นนี้ คืออะไรกันแน่
หยูจิ่งห้วนเป็นหนึ่งในผู้ที่มีความสามารถระดับแนวหน้าของโรงพยาบาลหนานเฉิง มู่วี่สิงไม่มีทางจะสิ้นเปลืองทรัพยากรบุคคลที่มีความสามารถเช่นเขาได้
แต่ว่าเขากลับส่งเขาไปเขตขั้วโลกกะทันหัน…..
“คุณต้องการให้ผมย้ายเขากลับมา อย่างนั้นก็ขึ้นอยู่กับการกระทำของคุณแล้วละ ในเมื่อคุณก็ไม่ได้สำคัญกับผมอีกต่อไป ไม่มีเหตุผลที่ผมจะช่วยคุณอีก” เมื่อสิ้นประโยคของมู่วี่สิง เขาก็ดื่มกาแฟอย่างดื่มด่ำและสง่า ความผ่าเผยของเขาทำให้รู้สึกถึงความห่างเหิน
เวินจิ้งขมวดคิ้วแล้วมองไปที่เขา พลันนึกถึงแววตาเฉียบคมในครั้งก่อนตอนที่อยู่คอนโดของมู่วี่สิง