Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 636
บทที่ 636 อยู่ที่การประพฤติ
“คุณพูดมา” เวินจิ้งพยายามที่จะควบคุมอารมณ์ตัวเอง แล้วจ้องมองเขาอย่างเคร่งขรึม
อย่างไรก็ตามเธอไม่ได้รอคำตอบของมู่วี่สิง
ในหางตาเห็นชายที่รูปร่างสูงยาวกำลังเดินเข้ามาใกล้ เวินจิ้งสั่นไปทั้งตัวและสังเกตเห็นมู่วี่สิงมายืนอยู่ตรงด้านหลังเธอ จากนั้นมือทั้งสองข้างได้โอบอยู่ที่เอวบางของเธอ
ฝ่ามือของเขาค่อยๆกดลงท้องส่วนล่างของเธอ เวินจิ้งกัดริมฝีปากแน่น ครั้งก่อนเธออาจจะยังไม่แน่ใจในเจตนารมณ์ของมู่วี่สิง แต่ว่ารอบนี้เธอเข้าใจเป็นอย่างดี
เขาต้องการเธอ
น้ำตาได้เอ่อไหลออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว และเธอก็ไม่อาจทนได้จึงผลักเขาออกไป
ในวินาทีต่อมาเธอยกมือขึ้นเพื่อจะตบไปที่ใบหน้าอันหล่อเหล่านั้น แต่ว่าฝ่ายชายที่ฝ่ามือเร็วกว่าได้รั้งข้อมือของเธอไว้ก่อน
เวินจิ้งน้ำตาเอ่อท้นนองหน้า จ้องมองผู้ลากมากดีที่ใบหน้าหล่อเหลาและเย็นชาใบนั้นด้วยสายตาที่เบลอ
“ข้างกายคุณก็มีหลิงเหยาอยู่แล้ว” เธอพูดด้วยความโกรธ
มู่วี่สิงทำไมถึง…..เขาทำไมถึงปล่อยให้เธอเป็นมือที่สามได้
“อืม แล้วยังไง” มู่วี่สิงหรี่ตาลงแล้วพูดด้วยถ้อยคำที่แดกดันกระแทกใจ
เวินจิ้งมีความรู้สึกว่าภายในจิตใจเหมือนมีก้อนหินมหึมามากดทับไว้ ช่างหนักเหลือเกิน
เธอพยายามที่จะดิ้นให้หลุดจากเขา แต่ว่าเขานั้นได้รัดและควบคุมเธอไว้อย่างแน่นหนา
“หลิงเหยากับ ไป๋ซีพวกเธอไม่สามารถตอบสนองความต้องการของคุณได้หรือ” เวินจิ้งที่น้ำเสียงหมดสิ้นแล้วความหวังทุกอย่างพังทลายลง
ได้ยินดังนั้น มู่วี่สิงขมวดคิ้วขึ้น ยิ้มอย่างเย็นชาที่ริมฝีปาก “พวกเธอต่างก็ไม่ใช่คุณ”
“ในเมื่อไม่เต็มใจ อย่างนั้นก็กลับไปซะ” มองดูสีหน้าที่รังเกียจของเวินจิ้ง มู่วี่สิงก็หมดอารมณ์ทันที
ทันทีที่เขาปล่อยมือ เวินจิ้งก็เซไปแล้วล้มลง ดวงตาที่แดงก่ำ ดูเหมือนเรี่ยวแรงที่จะยืนขึ้นก็แทบจะไม่มี
เมื่อนึกถึงหยูจิ่งห้วนขึ้น หากชายคนนั้นเป็นเพราะเธอแล้วถูกย้ายไปที่เขตขั้วโลกเหนือ…..
เวินจิ้งส่ายหน้า แล้วไม่กล้าจะคิดต่อ
เธอกลัวจริงๆว่าจะเกิดอันตรายขึ้นกับหยูจิ่งห้วน
ความเงียบครอบงำอยู่สักครู่ เวินจิ้งที่พยุงโซฟาให้ตัวเองลุกขึ้น สีหน้าที่ดูสงบและใจเย็นลง
เธอหายใจลึก แล้วค่อยๆก้าวไปยืนอยู่หน้ามู่วี่สิง
เขาที่นั่งอยู่บนโซฟา ท่าทีที่สง่างามและเย็นชา
เขาทำให้เธอไม่รู้สึกถึงความอบอุ่นอีกต่อไป
ผู้ชายคนนี้ตอนนี้ทำให้เธอรู้สึกถึงแต่ความเจ็บปวดอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
เธอหลับตาลง
วินาทีต่อมาเธอก็ขึ้นคร่อมบนตักของมู่วี่สิง แล้วหยิบเอกสารที่อยู่ในมือของเขาออก เธอมองเขาด้วยดวงตาที่แดงก่ำ เธอจูบประทับที่ริมฝีปากของเขาในขณะที่เขายังคงตะลึงงัน
ริมฝีปากของทั้งสองต่างเย็นชาทั้งคู่ ราวกับว่าไม่มีใครสามารถทำให้อีกฝ่ายอบอุ่นได้
มู่วี่สิงยังคงมองเวินจิ้งที่ประจบประแจงด้วยสายตาที่เย็นชา ไม่มีการขยับเขยื้อนใดๆ
เวลาผ่านไปสักพัก เวินจิ้งเริ่มรู้สึกท้อ สีหน้าของฝ่ายชายนั้นเย็นชาราวกับเข็มที่คอยทิ่มแทงเธอ
เธอที่กำลังจะกระโดดลง ทันใดนั้นฝ่ามือของฝ่ายชายได้โอบเอวที่บอบบางของเธอไว้ เปลวไฟในแววตาค่อยๆลุกโชน
เขาพลิกตัวขึ้น แล้วผลักเวินจิ้งลงบนโซฟา ก้มศีรษะลงแล้วจูบไซ้ไปที่ซอกคอของเธอ
อากาศได้ร้อนขึ้นแล้ว เธอที่สวมใส่เสื้อเชิ้ตผ้าไหมแขนสั้น ให้ความรู้สึกลื่นเมื่อยามสัมผัส แต่เขารู้สึกไม่ถนัดที่จะปลดกระดุมเธอออกทีละเม็ด ดังนั้นเขาถึงเอื้อมมือและฉีกออกทีเดียว กระดุมไข่มุกทั้งหมดได้กลิ้งไปกองอยู่บนพื้น
ดวงตาเวินจิ้งรู้สึกตระหนก วิตกกังวล และหวาดกลัว สุดท้ายก็เหลือไว้เพียงความสงบ
“แบบนี้ พอใจแล้วใช่ไหม” เธอโอบกอดรอบคอของเขาด้วยอาการสั่น
มู่วี่สิงมองไปที่เธออย่างเรียบเฉย ริมฝีปากเผยอขึ้นด้วยความเย็นชา “สิ่งที่ผมต้องการ ไม่ใช่แค่เพียงช่วงเวลานี้”
“อะไรนะ”
มู่วี่สิงไม่ได้ตอบใดๆ ค่อยๆดึงกระโปรงเธอขึ้น แล้วก็ค่อยๆปลดกระดุมของตัวเองออก
เวินจิ้งหน้าตาซีดเซียวราวกับไม่มีเลือดมาหล่อเลี้ยง ไม่ใช่แค่ช่วงเวลานี้ อย่างนั้นก็ต้องเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆอย่างนั้นสิ
“คุณไม่เคยคิดถึงหลิงเหยาหรือ ลูกของพวกคุณอีก”
“เงียบ” ปลายนิ้วที่เรียวยาวของมู่วี่สิงไปปิดอยู่ที่ริมฝีปากของเธอ “อย่าดื้อนะครับ ตอนนี้ผมไม่อยากได้ยินชื่อของใครทั้งนั้น”
มือของเวินจิ้งสั่นเทาด้วยอับอาย เธออยากจะตบชายคนนี้อย่างรุนแรง แต่เธอทำได้เพียงเฝ้าดูเขาค่อยๆโน้มตัวลง
“คุณทำให้หยูจิ่งห้วนกลับมาได้จริงหรือ”
“เรื่องที่ผมรับปากคุณ มีเรื่องไหนบ้างที่ผมทำไม่ได้ ซึ่งต่างจากคุณ จิ้งจิ้งต่อไปคุณอยู่ข้างๆผมได้ไหม” น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนเหมือนกับสามปีก่อน แต่สิ่งที่ใบหูเวินจิ้งได้ยินตอนนี้ กลับรู้สึกถึงแค่ความประชดประชันแดกดัน
ต่อไปหรือ
ไม่มีคำว่าต่อไปสำหรับเราสองคนตั้งนานแล้ว
เมื่อหันศีรษะมา เธอพูดขึ้นด้วยความเย็นชา “ฉันไม่ชอบใช้ผู้ชายร่วมกับผู้หญิงคนอื่น!”
เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ มู่วี่สิงกลับไม่โกรธใดๆ เพียงแต่เม้มริมฝีปาก “ขอเพียงคุณประพฤติตัวดี ผมจะแตะต้องแค่คุณคนเดียว”
เวินจิ้งพริ้มตาลง แรงกดทับทำให้เธอแทบหายใจไม่ทั่วท้อง
ในเวลานี้เธอยังต้องทนแบกรับความต้องการของมู่วี่สิง…..
เธอไม่ได้สัมผัสเขาแบบนี้มานานเหลือเกิน ความรู้สึกเจ็บปวดจนแทบอยากจะกรีดร้องออกมา
แต่เธอก็ไม่ได้ทำเช่นนั้น ทำแค่เพียงกัดริมฝีปากล่างของตัวเองแรงๆเท่านั้น
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด เวินจิ้งรู้สึกว่าตัวเองนั้นชาไปทั้งตัว ท้องฟ้าก็เริ่มจะสว่างขึ้นแล้ว มู่วี่สิงถึงได้ลุกออกจากตัวเธอ
เวินจิ้งมองเขาใส่เสื้อผ้าตัวเองจนเสร็จ เธอถึงได้ลุกยืนขึ้น แล้วค่อยๆหยิบเสื้อผ้าที่กองอยู่บนพื้นมาบรรจงสวมใส่
ตอนที่หมุนตัวกลับมา เห็นเขายืนกอดอกไว้ แววตาที่ลุ่มลึกยากเกินจะคาดเดาอารมณ์ได้
“ความประพฤติของฉันใช้ได้ไหม” เวินจิ้งยิ้มแบบไม่แคร์ และพูดด้วยน้ำเสียงโทนต่ำ
ทันใดนั้นปลายนิ้วมู่วี่สิงได้จับไปที่กรามของเธอ ค่อยๆพูดขึ้นว่า “จิ้งจิ้ง ฉันยังคงชอบคุณในแบบเมื่อก่อน ไม่ใช่คุณที่เหมือนปลาที่ตายในตอนนี้”
หน้าตาเวินจิ้งขาวซีดเหมือนขาดเลือดไปหล่อเลี้ยง จากนั้นไม่นานเธอพึมพำขึ้น “สิ่งที่คุณรับปากฉันละ”
เขายิ้มขึ้น “ผมจะจัดการให้”
มู่วี่สิงดูนาฬิกาที่ข้อมือเพื่อดูเวลา จากนั้นล้วงเข้าไปในกระเป๋าแล้วหยิบกุญแจออกมาวางไว้ตรงหน้าเวินจิ้ง “ต่อไปคุณก็พักอาศัยอยู่ที่คอนโดของผมแล้วกัน”
“แล้วหลิงเหยาละ”เธอถามโพล่งออกไป
“เธอกลับไปเมืองหนานแล้ว”
“ทำไมคุณถึงเปลี่ยนไปได้…..ชั่วช้าขนาดนี้” เวินจิ้งที่น้ำเสียงแผ่วเบา เมื่อรับกุญแจมาแล้วก็รีบวิ่งออกไปจากห้องทำงานทันที
เธอเดินเข้าไปในห้องน้ำ มองเสื้อตัวเองที่บิดเบี้ยวกระเซิงในกระจก เธอหัวเราะเยาะตัวเอง หัวเราะไปๆ น้ำตาก็ไหลรินออกมา
เมื่อสักครู่ไม่ใช่ว่าเธอไม่รับรู้สึกถึงความเกลียดชังของมู่วี่สิง
เพียงแต่ว่า ทำไมเขาถึงได้…..เกลียดเธอขนาดนี้
เมื่อสามปีก่อนเธอถูกบีบบังคับให้ตีตัวออกห่างจากเขา ซึ่งเธอไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ อีกทั้งต่อมากลายเป็นเขาเสียเองที่เป็นฝ่ายบอกเลิก
เขาต้องการอะไรกันแน่
เวินจิ้งที่คว่ำหน้าอยู่ตรงอ่างล้างหน้า เวลาผ่านไปสักพักเธอถึงจะเรียกสติกลับคืนมาได้ เมื่อมองดูเวลาแล้วเธอจึงกลับไปที่คอนโดตัวเองเพื่ออาบน้ำ แล้วไปที่บริษัทหลินซื่อต่อ
จนกระทั่งพลบค่ำ เวินจิ้งเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารหซู่เฟินได้บอกให้เธอเลิกงานได้แล้ว แต่เวินจิ้งยังคงอยู่ทำงานต่อ
สีหน้าของเธอดูแย่มาก แย่พอๆกับงานที่เธอกำลังนั่งจัดการอยู่
“คุณเวิน คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม” หซู่เฟินมองเธอด้วยความเป็นห่วง
เวินจิ้งส่ายหน้าและฝืนยิ้มแหยๆออกมา “เดี๋ยวฉันก็จะเลิกงานแล้วค่ะ”