Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 659
บทที่ 659 หลงใหลจนถอนตัวไม่ขึ้น
เวินจิ้งมองเขา ไม่ตอบคำถาม
กลิ่นเหล้าฉุนแรงลอยเข้าจมูก เธอรู้สึกว่าตัวเองแน่นหน้าอกอีกครั้ง จะหันเดินกลับเข้าห้อง
ฝีเท้าของเธอไม่รวดเร็ว แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงมู่วี่สิงตามหลังมา
เธอคิดว่าเขาดื่มหนักคงจะพักที่ห้องรับแขก นึกไม่ถึงว่าขณะที่จะปิดประตู ทันใดนั้นก็ถูกขวางจากด้านนอก
เธอย่นคิ้ว หันไปมองอย่างไม่พอใจ มู่วี่สิงเข้ามาและปิดประตูแล้ว
“คุณทำอะไร!” เธอถามเสียงเกรี้ยว
“คุณคิดผมจะทำอะไรล่ะ” หลังจากเผชิญกับลมพายุรุนแรงเมื่อตอนกลางวัน เสียงของเขายังคงสุขุมได้ขนาดนี้
เธอรู้สึกว่าตัวเองเพิ่งจะรู้จักตัวตนที่แท้จริงของมู่วี่สิงก็ตอนนี้
ถึงแม้แต่ไหนแต่ไรเขาจะเป็นหลุมดำที่ไม่เคยมองเห็นก้นหลุม ยากที่จะรู้จักตัวตนของเขาแม้แต่น้อย
แต่ตอนนี้ ท่าทางที่เงียบสงบของเขาทำให้เธอรู้สึกไม่สบาย ถึงขั้นรู้สึกถึงอันตรายที่แฝงอยู่ลึกๆ ยังไม่ทันระวังตัว ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ก็ผลักเธอลงบนเตียงแล้ว
ถึงแม้เธอรู้ว่าเขาจะกำลังจะทำอะไร แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะเบิกตาโพลง สีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
เขาดื่มเหล้าหนักขนาดนั้น การกระทำยังคงว่องไวและดุดัน แต่ใบหน้าของเขาแทบไม่แสดงความรู้สึกใดๆ
กระทั่งผิวเรียบเนียนเต่งตึงเผยให้เห็นในสายตา เขาหยุดชะงักครู่หนึ่ง
แต่ก็เพียงแวบเดียว หลังจากนั้น มือข้างหนึ่งของเขาบีบคางเวินจิ้ง เธออดไม่ได้ที่จะลืมตาจ้องมองเขาด้วยความเจ็บปวด
“เสียใจมั้ย”
เวินจิ้งเอาแต่เม้มริมฝีปาก
เขาพูด “ผมจะไม่มีวันปล่อยคุณไปอีก”
ในที่สุดสีหน้าของเวินจิ้งมีความรู้สึกขึ้นมาแวบหนึ่ง เธอถามน้ำเสียงเยาะเย้ย “คุณคิดว่าจะทำได้หรือ”
“ในสายตาของผม ไม่มีเรื่องอะไรที่เป็นไปไม่ได้ รวมทั้ง ตัวคุณ” เขาถอดเสื้อผ้าของเธอ พลางมองด้วยสายตาเย็นชา “จิ้งจิ้ง คุณเป็นคนบีบผมเอง”
เวินจิ้งยิ้มน้อยๆ เธอบีบเขาหรือ
แต่ไหนแต่ไรเธอสิที่เป็นคนถูกบังคับ เธอจะเป็นคนบีบบังคับคุณหมอมู่ผู้ยิ่งใหญ่ได้อย่างไร
เมื่อเห็นรอยยิ้มเยาะเย้ยที่มุมปากของเวินจิ้ง สายตาของมู่วี่สิงยิ่งโกรธมากขึ้น การกระทำก็ยิ่งกักขฬะมากขึ้น
จิตใต้สำนึกเวินจิ้งคิดจะดิ้นรน แต่เธอไม่ใช่คู่ต่อกรของมู่วี่สิง เธออ่อนแอเกินไป ไม่นานสีหน้าก็ซีดเผือด แต่ปฏิกิริยาของร่างกายกลับกระตุ้นให้มู่วี่สิงบ้าคลั่งกว่าเดิม
ผมดำขลับของเธอแผ่สยาย คองามเรียวระหง เธออาจจะไม่ใช่ผู้หญิงสวยที่สุดที่เขาเคยพบเจอ แต่บุคลิกและกลิ่นอายของเธอ ทำให้เขายากจะลืมเลือน หลงใหลจนถอนตัวไม่ขึ้น…
……
เวินจิ้งถูกปลุกให้ตื่น มองเห็นแสงแดดจ้านอกหน้าต่างก็รู้ว่าเมื่อคืนผ่านไปแล้ว
ก่อนหน้านี้ มู่วี่สิงปฏิบัติต่อเธออย่างอ่อนโยนแล้ว แต่สองวันมานี้ เธอได้ลิ้มรสความรู้สึกที่แท้จริงอะไรเรียกว่าตกนรก
ผู้ชายคนนั้น คือปีศาจร้าย
เธอเคยคิดว่าเขาอ่อนโยนได้อย่างไร นั่นเป็นแค่หน้ากากเท่านั้น
เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา มองดูเวลา เกือบเที่ยงวันแล้ว
ช่วงนี้หซู่เฟินกับรองผู้จัดการที่มารับตำแหน่งใหม่ช่วยจัดการธุระของตระกูลหลิน บางครั้งแม่ก็ไปที่ตระกูลหลิน แต่ตอนนี้เวินจิ้งยังคงรับตำแหน่งซีอีโอชั่วคราวเหมือนเดิม
เธอไม่รู้เมื่อไรมู่วี่สิงถึงจะยอมปล่อยเธอไป
อีกทั้ง เกรงว่าเขาจะไม่ปล่อยเธอกลับไปอีก
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เวินจิ้งรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว เขายังมีหลิงเหยาข้างกาย และลูกชายอีกคน แล้วยังอยากจะเก็บเธอไว้ข้างตัวเพื่อทรมานเธออีกหรือ
เขาไม่เพียงแต่เป็นปีศาจร้าย ยังเสียสติไปแล้ว!
เธอสูดหายใจลึก ปรับอารมณ์ของตัวเองให้ปกติ แต่ร่างกายยังคงรู้สึกไม่สบายมาก แถมแย่กว่าเมื่อคืนวานเสียอีก มีอยู่ที่หนึ่งเจ็บปวดยิ่งกว่าที่ไหน
ด้านนอกคนรับใช้ทำอาหารกลางวันเสร็จแล้ว เธอเพิ่งกินข้าวเสร็จ ก็มีเสียงกริ่งดังขึ้น
คนรับใช้ยังไม่กลับ ออกไปเปิดประตูถ่วงเวลาที่ด้านนอก
ขณะที่เวินจิ้งเดินไปถึง คนส่งของสีหน้างุนงง ขมวดคิ้วกลุ้มใจ “ที่อยู่ส่งดอกไม้คือที่นี่ ถ้าคุณไม่ยอมรับ ผมก็กลับไปส่งงานไม่ได้”
คนรับใช้เคยอยู่ที่การ์เด้นมูเจียวาน ทราบดีว่ามีข้อห้ามอะไรบ้าง เขายืนกราน “รับไม่ได้ ที่นี่ไม่เคยวางดอกไม้สด คุณติดต่อคนสั่งดอกไม้ยกเลิกเถอะ”
ช่อดอกกุหลาบสวยงามอ่อนโยนภายใต้แสงแดดส่งกลิ่นหอมชวนหลงใหล ยังมีหยดน้ำใสกลิ้งบนกลีบดอกไม้
เวินจิ้งรีบยื่นมือไปรับ หันกลับเข้าบ้าน “ฉันสั่งเอง เซ็นรับเถอะ”
เธอถือช่อดอกไม้เข้ามาในห้องนอนใหญ่ คนรับใช้เดินตามหลังเข้ามาด้วยความสงสัย “เอ่อ… คุณเวิน คุณมู่กลับมาจะทำอย่างไรดี”
“ฉันไม่สนเขา” เวินจิ้งไม่ได้หันกลับไป หาแจกันดอกไม้บนโต๊ะ เติมน้ำสะอาดในแจกัน จากนั้นก็ปักดอกไม้ลงไปทีละดอก
แจกันใบนี้เธอเป็นคนซื้อมาเมื่อสามปีก่อน แต่เมื่อซื้อมาแล้วถึงรู้ว่าใช้ไม่ได้ จึงเก็บไว้ตรงนั้นมาตลอด
หลังจัดดอกไม้เสร็จ เวินจิ้งชื่นชมดอกไม้อย่างพออกพอใจถึงกลับไปห้องนอนแล้วหลับไป
เมื่อก่อนทุกซอกมุมของการ์เด้นมูเจียวานไม่เคยมีดอกไม้สด เพราะมู่วี่สิงแพ้ละอองเกสรดอกไม้ เขาเคยให้ดอกไม้เธอช่อหนึ่ง ภายหลังเกาเชียนบอกเธอว่าเขาแพ้ละอองเกสร เธอถึงจะรู้เรื่องนี้
แต่คืนนี้มู่วี่สิงไม่ได้กลับมา อย่างน้อยก็ก่อนที่เวินจิ้งจะนอนหลับไป เขาไม่ปรากฏตัว
เวินจิ้งดีใจไม่น้อย ไม่เช่นนั้นตอนนี้เธอปวดท้องขนาดนี้ ไม่อาจทนรับความทรมานจากมู่วี่สิงเช่นนี้ได้อีก
วันรุ่งขึ้นท้องฟ้าสว่างเรื่อๆ คนรับใช้มาเคาะประตู “คุณเวิน คุณมู่ให้มาตามไปที่ห้องหนังสือ”
นับแต่เมื่อวานคนรับใช้มาอยู่ที่นี่ 24 ชั่วโมงแล้ว หลังจากนี้ มู่วี่สิงไม่ลงมือเตรียมอาหารให้เธอสามมื้อด้วยตัวเองอีก
“ไม่ไป” เวินจิ้งห่อตัวเองใต้ผ้าห่ม เธอส่ายศีรษะช้าๆ “เขามีเรื่องอะไร ก็ให้เขามาพูดเอง”
“แต่ว่า…”
คำพูดต่อท้ายของคนรับใช้พร่าเลือน เวินจิ้งขดตัว ไม่รู้ว่าเพราะเจ็บปวด หรือเพราะหวาดกลัวกันแน่
เธอกลัวอะไร
เธอจะกลัวไม่ได้
เธอกลั้นหายใจ ราวกับทำอย่างนี้ถึงจะคลายความเจ็บปวดลงได้บ้าง
ผลลัพธ์เช่นนี้ เธอคาดเดาไว้แล้ว
สามปีแล้ว เธอเรียนรู้ที่จะปล่อยมือจากเขา ระหว่างเธอกับเขาไร้ซึ่งเยื่อใยใดๆ อีก ทั้งสองไม่มีทางกลับไปเหมือนเดิม
ดังนั้น…เธอจะให้กำเนิดลูกของเขาได้อย่างไร…
อีกอย่าง เขามีลูกแล้ว แม่ของเด็กคนนั้น ก็คือว่าที่คุณนายมู่
ลูกของเธอ จะเป็นลูกนอกสมรสได้อย่างไร
ไม่มีวัน
แต่ทว่า ในที่สุดเธอยังไม่เด็ดเดี่ยวพอ ระหว่างที่ถูกส่งตัวไปโรงพยาบาล ความคิดเดียวของเธอในเวลานั้นก็คือ ต้องรักษาเด็กคนนี้ไว้ ต้องรักษาชีวิตเขาให้ได้
แต่สวรรค์ไม่เป็นใจเกิดเรื่องไม่คาดคิด ลูกของเธอ ไม่มีทางรักษาไว้ได้ ต้องทำแท้งโดยเร็วที่สุด
ดังนั้นทุกอย่างจึงดำเนินตามแผนของเธออีกครั้ง เธอรู้ว่าเขาจะต้องสืบเรื่องที่เธอตกบันไดโดยละเอียด เพราะรู้ว่าเธอตั้งใจทำเช่นนั้น จึงโกรธเกรี้ยวจนทำบางเรื่องที่ไม่อาจช่วยได้
ตั้งแต่ตอนที่ไปถึงบ้านเก่าบนถนนอันหนิง เธอก็รู้อยู่แล้วว่าไม่ช้าตัวเองจะต้องถูกเขาตามตัวเจอ
เธอยอมตามมาอย่างว่าง่าย ถึงขั้นใช้คำพูดยั่วยุเขา ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่ขัดกับความปรารถนาของเธอ แต่มู่วี่สิงไม่รู้ตัวสักนิด
บางทีไม่ต้องใช้เวลานานนักเขาจะรู้ว่าตัวเองติดกับแล้ว แต่กว่าจะถึงเวลานั้น ทุกอย่างสายไปแล้ว สายไปแล้ว…