Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 672
บทที่ 672 คุณมักจะอยู่ไม่สุขแบบนี้เสมอ
ใช่ … ฉันกำลังบอกเธอว่าฉันได้รับอีเมลนิรนาม พร้อมหลักฐานการละเมิดของโจวเซินในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา …”
เวินจิ้งเปิดโน้ตบุ๊คทันที และขอให้อั้ยเถียนเปิดอีเมลล์นั้นให้เธอดู แต่เธอก็ไม่เคยเห็นเช่นกัน
“ฉันขอให้พ่อตรวจสอบที่อยู่ IP นี้ และน่าจะได้เรื่องเร็วๆนี้ แต่เจ้าของอีเมลรู้ได้ยังไงว่าฉันกำลังตรวจสอบอยู่ มันแปลกมาก”
เวินจิ้งขมวดคิ้ว และทันใดนั้นก็นึกถึงสิ่งที่หลิงเหยาพูดกับเธอ
อาจเป็นมู่วี่สิง
ความคิดนี้ผุดขึ้นมา ก่อนที่เวินจิ้งจะปฏิเสธอย่างรวดเร็ว
เขาควรเกลียดเธอมากกว่ารัก
เธอจะไม่มีวันลืมความสูญเสียที่เขาก่อให้เกิดกับเธอก่อนหน้านี้ เธอลืมไม่ได้ และปล่อยไปไม่ได้
อั้ยเถียนใช้เวลาไม่นาน ก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อของเธอ หลังจากวางสายแล้วเธอก็มองไปที่เวินจิ้ง
“เป็นอะไรไป เธอรู้ไหมว่าเป็นใคร”
“เป็นที่อยู่ต่างประเทศของมู่วี่สิง” อั้ยเถียนพูดเสียงล้ำลึก
เวินจิ้งรู้สึกเพียงเปลือกตาของเธอกระตุก และเธอก็ตะลึง
ส้งวี่ไม่มีทางช่วยเธอแน่ ดังนั้นจึงเป็นไปได้แค่มู่วี่สิง
สมองของเธอเหมือนเจอทางตันที่หาทางออกไม่เจอ
“เวินจิ้ง เธอเคยเห็นมู่วี่สิงในหนานเฉิงไหม” อั้ยเถียนโน้มตัวไปถาม
เวินจิ้งหลุดจากภวังค์ และส่ายหัวอย่างรวดเร็ว
“ทำไมเขาถึงทำแบบนี้ … บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปเป็นศัตรูกับบริษัทหลินซื่อมาหลายปีแล้ว นี่ดูจะสมเหตุสมผล แต่หลักฐานถูกส่งมาให้ฉัน แสดงว่ามีแต่คนที่เรารู้จักอยู่แล้วเท่านั้น”
อั้ยเถียนมั่นใจว่าคนๆนี้คือมู่วี่สิง
เวินจิ้งขมวดคิ้ว ก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้
“หลักฐานพวกนี้ต้องตรวจสอบจริงเท็จก่อน”
“อืม เรื่องนี้ไม่ต้องห่วง แต่ถ้าหลักฐานเป็นจริง เธอจะทำยังไง” อั้ยเถียนถามเสียงเบา
“แจ้งความ” ใบหน้าของเวินจิ้งสงบและเย็นชา
…
ยังมีเวลาอีกสองวันก่อนงานแต่งงาน อั้ยเถียนยุ่งอยู่ที่สถานที่จัดงานแต่งงานตลอด ในขณะที่เวินจิ้งต้องอยู่ในวิลล่าเพื่อลองชุดกี่เพ้า
ในห้องเสื้อ เวินจิ้งเพิ่งเปลี่ยนชุดกี่เพ้า มีเสียงฝีเท้าดังมาจากนอกห้องนอน เธอขมวดคิ้วและรีบเดินออกไปทันทีหลังจากดึงซิปเสร็จ
โจวเซินเดินเข้าไป โดยมีโน้ตบุ๊คของเวินจิ้งยังอยู่บนโซฟาอยู่ และเธอยังไม่ได้ออกจากอีเมลล์
เมื่อเธอเห็นโจวเซินหยิบโน้ตบุ๊คของเธอขึ้นมา สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปในทันที ก่อนจะรีบไปปิดโน้ตบุ๊ค
แต่ทว่าโจวเซินกลับได้เห็นเนื้อหาในนั้นแล้ว
ใบหน้าของเขามืดมนมาก แต่เขาไม่ได้ระเบิดออกมาในทันที
เขาเงยหน้าขึ้นมองเวินจิ้ง เธอสวมชุดกี่เพ้าสีเขียวอ่อน ผมยาวของเธอม้วนขึ้น เผยให้เห็นลำคอเรียว รูปร่างของเธอสวยงาม มีเสน่ห์ดึงดูดเขามาก
ต่อจากนั้น เขาก็ได้จับข้อมือของเวินจิ้งไว้แล้ว และดึงเธอเข้าสู่อ้อมแขนของเขาทันที
“อ๊ะ!” เวินจิ้งร้อง และผลักโจวเซินออกไปโดยไม่รู้ตัว แต่เธอกลับถูกกักขังไว้ในอ้อมแขนของเขาอย่างแน่นหนาไม่สามารถขยับได้
ปลายจมูกของเธอ ถูกลมหายใจของผู้ชายแปลกหน้าและน่ารังเกียจเป่ารดอยู่ เธอยกมือขึ้นอย่างโกรธจัดและตบลงไปที่ใบหน้าของเขา แต่เขาก็ปัดป้องได้ทั้งหมด
นิ้วยาวของเขาบีบคางเวินจิ้ง เวินจิ้งจึงสบกับสายตาเย็นชาของเขา
“เวินจิ้งคุณมักอยู่ไม่สุขอย่างนี้เสมอ จะแจ้งจับผมหรอ” เขายกริมฝีปากยิ้มด้วยความอันตราย
หัวใจของเวินจิ้งเหมือนตกอยู่ในห้องเยือกแข็ง
ความหนาวเย็นแผ่กระจายจากฝ่าเท้าไปยังแขนขา
เขาเห็นมัน
เธอกัดริมฝีปากและจ้องไปที่โจวเซิน “อย่างที่คุณเห็น”
ก่อนหน้านี้อั้ยเถียนได้ยืนยันหลักฐานทั้งหมดและส่งให้สถานีตำรวจแล้ว
ดังนั้นแม้ว่าโจวเซินจะเห็นตอนนี้ เขาก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้
“ผมประเมินคุณต่ำเกินไปจริงๆ” น้ำเสียงของโจวเซินดูเหมือนมาจากนรก
เวินจิ้งหัวเราะเยาะ “เจ๊ากัน”
“คุณไร้เดียงสาเกินไป แม้ว่าผมจะทำอะไรบางอย่างในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาจริง แต่หลักฐานเหล่านั้นก็ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง” โจวเซินกล่าวอย่างมั่นใจ
“แค่ให้คุณได้อยู่ในคุกหนึ่งวัน ฉันก็พอใจแล้ว” เวินจิ้งกล่าวอย่างเคร่งขรึม
แน่นอนว่าเธอรู้ถึงความสามารถของโจวเซิน เขาไม่มีทางไม่เตรียมตัว ตราบใดที่เขาสามารถฟ้องร้องได้ เขาก็จะได้ผลลัพธ์ที่ไม่เลวร้ายเกินไป
“มู่วี่สิงให้หลักฐานคุณหรอ” นิ้วของโจวเซินค่อยๆบีบคางของเธอแรงขึ้น
“ฉันไม่บอกคุณ” เวินจิ้งหันศีรษะของเธอหนี
ครู่เดียวโจวเซินก็ดึงใบหน้าของเธอกลับมาอีกครั้งและพูดว่า “ที่แท้คุณก็ยังติดต่อกับมันอยู่ เวินจิ้งผมเทียบกับมันไม่ได้ตรงไหน บอกมาสิ”
“คุณเทียบกับเขาไม่ได้ทุกตรง โจวเซินคุณไม่ใช่เขา ไม่เคยใช่ และฉันจะไม่รักคุณ” เวินจิ้งพูดออกไป
เธอกับโจวเซินปฏิบัติต่อกันอย่างราบรื่นมาตลอด แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอมีท่าทีว่าจะเลิกรากัน
แม้แต่โจวเซินเองก็ประหลาดใจมาก
เวินจิ้งนิ่งเฉยในสายตาของเขามาตลอด ที่แท้ก็เป็นเพราะมันยังไม่ระเบิด
“แม้ว่าคุณจะไม่รักผม คุณก็ต้องแต่งงานกับผม เวินจิ้งนี่คือชีวิตของคุณ!” โจวเซินปล่อยมือและผลักเวินจิ้งลงบนโซฟา
เวินจิ้งดูการเคลื่อนไหวของเขาด้วยความตื่นตระหนกฉายผ่านดวงตาของเธอ เธอดันหน้าอกของเขาออก แต่กลับไม่เป็นผลเลยเมื่อแรงของเธอมีน้อยกว่า
เธอถูกกดลงใต้ร่างของเขาอย่างง่ายดาย และมือของเขาก็ฉีกเสื้อผ้าของเธอออกจากกัน
ทันใดนั้นความหนาวเย็นก็เข้ามาปะทะกับร่างกาย เวินจิ้งอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นเพราะความหนาวเย็น เธอจ้องมองโจวเซินด้วยดวงตาสีแดงก่ำ
แต่เขาก็เมิน และยังคงทำต่อไป เขาต้องการให้เธอยอมจำนน เขาต้องการให้เธอเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์
เวินจิ้งอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ มือและเท้าของเธอผลักดันโจวเซิน แต่ยิ่งเธอเตะเขามากเท่าไหร่ โจวเซินก็ยิ่งหงุดหงิดมากเท่านั้น เขาใช้เวลาไม่นานในการดึงเสื้อคลุมที่ปกปิดร่างกายของเธอออก เสื้อผ้าของเธอบางมาก โจวเซินยื่นมือออกไป …
ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าดังขึ้น และคนรับใช้ข้างนอกก็มาเคาะประตู “ท่านครับ มีปัญหาแล้ว”
การกระทำของโจวเซินยังคงไม่หยุดนิ่ง ในขณะนี้ไม่มีอะไรหยุดเขาได้
จู่ๆเวินจิ้งก็เงยหน้าขึ้น และจ้องไปที่โจวเซิน จากนั้นก็กัดเข้าที่ไหล่ของเขา
เธอกัดอย่างแรง แม้ว่าเธอจะกัดอยู่บนเสื้อ แต่ก็สามารถทำให้เลือดไหลได้ จึงทำให้โจวเซินต้องปล่อยเธอไปด้วยความเจ็บปวด
เสียงเคาะประตูด้านนอกยังคงดังขึ้น และเสียงของคนรับใช้ก็กังวลมาก “ท่านครับ คุณเวินจิ้งครับ ตำรวจมาแล้ว”
เวินจิ้งยิ้มจางๆ เมื่อได้ยินเช่นนี้ และมองไปที่โจวเซินอย่างประชดประชัน “โจวเซิน ถ้ามีข้อหาข่มขืนอีก …”
“หุบปาก” โจวเซินขัดจังหวะเวินจิ้งอย่างเย็นชา
แต่เวินจิ้งยังใจเย็น เธอไม่กลัวอะไร ตอนนี้เธอไม่มีอะไรจะเสียแล้ว
โจวเซินจัดเสื้อผ้าของเขา ก่อนจะลงไปชั้นล่าง เวินจิ้งยืนอยู่ข้างบันได ดูโจวเซินถูกพาตัวไป จากนั้นมุมปากของเธอก็ค่อยๆยกขึ้น
ในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาดังๆ แต่หัวเราะไปหัวเราะมากลับกลายเป็นร้องไห้จนน้ำตานองหน้า
เธอหดไหล่ลง บนคอยังมีร่องรอยของโจวเซินที่บีบคอเธออยู่ เธอหายใจเข้าลึกๆ และสุดท้ายก็หมดสติไปโดยไม่สามารถกลั้นไหว