Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 686
บทที่ 686 ทำอย่างไรก็รั้งเธอเอาไว้ไม่ได้ใช่ไหม
ตอนที่มู่ซีเพิ่งหันผักเสร็จแล้วเตรียมจะไปล้างหม้อ ก็เห็นร่างสูงใหญ่ของผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามา เขาพูดกับมู่ซีด้วยเสียงนิ่งเรียบว่า “เธอออกไปเถอะ พวกเราทำต่อเอง”
มู่ซีชะงัก “พี่ชายวี่สิงทำอาหารเป็นด้วยเหรอคะ”
เท่าที่เธอรู้คือมู่วี่สิงเป็นหมอผ่าตัด ส่วนเรื่องทำอาหารได้ไหมนั้นเธอไม่เคยรู้มาก่อน
มู่ซียกยิ้มหยอกเย้า “ถ้าอย่างนั้นฉันก็ขอไม่รบกวนพวกพี่แล้วค่ะ”
พูดจบเธอก็เปิดก๊อกน้ำล้างมือ แล้วย่องออกไปอย่างรวดเร็ว
ส่วนเวินจิ้งก็วางของในมือลง ถึงอย่างไรมู่วี่สิงก็ทำได้อร่อยกว่า
ชายหนุ่มเห็นท่าทางแบบนั้นของเธอ ในดวงตาก็ยิ้มจนเป็นประกาย“คอยส่งของให้ฉันก็พอ”
มีมู่วี่สิงอยู่ การทำอาหารเลยดูคล่องแคล่วขึ้นมาทันที เวินจิ้งแสดงฝีมือบ้างเป็นครั้งคราว แต่ส่วนใหญ่ก็เอาแต่จ้องมองมู่วี่สิง
เธอค่อนข้างที่จะเบื่อ เลยอดถามขึ้นมาอย่างสงสัยไม่ได้ว่า “คุณปู่ของคุณรับเลี้ยงหลานสาว แล้วทำไมถึงไม่เลือกคนที่คล้ายกับซือซือ แต่กลับเลือกคนที่ดูเหมือนฉันแทนล่ะ”
พอมองหน้ามู่ซีแล้ว บางครั้งเธอก็ยังเผลอคิดว่าเป็นตัวเอง
มู่วี่สิงทำเพียงมองเธออย่างเฉยเมย “ผู้หญิงคนนั้นเหมือนเธอตรงไหน”
เวินจิ้ง “…”
เห็นได้ชัดว่าหมอนี่เคยใช้เงินเพื่อเอาชนะใจผู้หญิงคนนั้น
เธอตอบกลับไปอย่างเรียบนิ่ง “ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้คุณเองก็ชอบหล่อนมากหรือไง”
ชายหนุ่มหลุดหัวเราเสียงเบา “จิ้งจิ้ง เหมือนเธอแล้วฉันต้องชอบด้วยหรือไง เธอนี่หน้าหนาจริง ๆ ”
ใบหน้าของเธอแดงเรื่อ ปากพูดพึมพำ “ไม่หนาสักหน่อย คุณต่างหากที่หน้าไม่อาย”
พูดจบแล้วถึงได้รู้สึกว่าคำพูดแบบนี้มันน่ารักจนน่าโมโหเกินไป เหมือนกับสาวน้อยที่กำลังกระเง้ากระงอดอย่างไรอย่างนั้น
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง ทั้งคู่ก็ช่วยกันยกอาหารทั้งหมดออกมา มู่ซีที่นั่งอยู่ข้างโต๊ะอาหารพูดอย่างผ่อนคลาย “ฝีมือการทำอาหารของพี่ชายวี่สิงนี่สุดยอดมากจริง ๆ เลยค่ะ”
สีหน้าเวินจิ้งไม่เปลี่ยน เธอเพียงนั่งลงข้างมู่วี่สิงเงียบ ๆ
ตอนที่กำลังกินข้าวกันอยู่กับนับได้ว่ามีความสนิทสนมกลมเกลียวกัน เดิมทีมู่ซีก็เป็นผู้เชี่ยวชาญในการสร้างบรรยากาศ เธอจึงโยนเรื่องตลกออกมาเป็นครั้งคราว ทำให้บรรยากาศอบอุ่นมาก
กินข้าวเสร็จคนรับใช้ก็มาเก็บกวาดจานชาม
จู่ ๆ มู่เฉิงก็ถามขึ้นมาว่า “พวกแกวางแผนจะย้ายกลับมาไหม บ้านนี้เงียบเหงาเกินไป บางครั้งคุณปู่ก็อยากจะบ่นพึมพำก็ไม่มีคนให้พูดด้วย”
มู่วี่สิงตอบเสียงเรียบ “ยังไม่มีแผนครับ”
เขารู้ว่าเวินจิ้งไม่อยากอยู่ที่นี่
เขาไม่อยากฝืนบังคับเธอ
ตอนที่พวกเขากำลังจะไป มู่เฉิงก็ไม่ได้ฝืนรั้งให้อยู่ต่อ เพียงแต่ยิ้มแล้วพูดว่าให้กลับมาบ่อย ๆ
มู่วี่สิงเองก็ไม่อยากรั้งอยู่ข้างนอกนาน เขาพาเวินจิ้งตรงออกไปจากบ้านตระกูลมู่ด้วยกัน
เวินจิ้งนั่งพิงพนักเก้าอี้เงียบ ๆ จากนั้นก็หลับไปอย่างรวดเร็ว
ตอนที่รถขับเข้าที่จอดรถชั้นใต้ดิน ใบหน้าหล่อเหลาของมู่วี่สิงก็เปลี่ยนเป็นเย็นเยียบทันที สายตาที่เฉียบคมของเขากวาดไปทั่วลานจอดรถชั้นใต้ดินซึ่งสว่างจ้า แต่กลับเงียบจนเกินไป
เสียงยางเสียดสีกับที่จอดรถดังเสียดหู
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ”น้ำเสียงไม่ชัดเจนของเวินจิ้งแฝงด้วยความเกียจคร้าน เธอลืมตามองมู่วี่สิงอย่างุนงง
ทว่าในวินาทีถัดมา มู่วี่สิงก็ดึงเธอเข้ามากอดไว้แน่น
แต่เวินจิ้งยังคงมองเห็นเงาร่างที่ค่อย ๆ ก้าวลงจากรถด้านนอก
ใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพเซียน
เธอคิดมาตลอดว่ามู่วี่สิงเป็นผู้ชายที่หล่อที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็นมา แต่หลินยี่ก็สามารถพูดได้ว่าเป็นคนมีหล่อเหลามีเสน่ห์ไม่แพ้มู่วี่สิงเลยแม้แต่น้อย
เวินจิ้งเคยเห็นเขาผ่านภาพถ่ายมาก่อน แต่แค่นั้นก็ทำให้ตกตะลึงมากพอแล้ว
ทว่าตอนนี้กลับถูกทำให้ตรึงใจในชั่วพริบตา
เป็นพี่ชาย เป็นเขา
เธอกับเขาเป็นฝาแฝดกัน รูปร่างหน้าตาของเราจึงคล้ายกันอยู่หลายส่วน เพียงแต่หลินยี่เกิดก่อนเวินจิ้งห้านาที อาจเป็นความสัมพันธ์ทางสายเลือดที่ฝังอยู่ในกระดูก ทำให้ตอนนี้เวินจิ้งอดที่จะสะอึกสะอื้นไม่ได้
“หลินยี่…”
เธอพึมพำ จากนั้นเธอก็รีบเปิดประตูทันที แต่เพราะมู่วี่สิงกอดเธอเอาไว้ เธอสลัดเขาออกไปไม่ได้
มู่วี่สิงมองหญิงสาวที่ไม่สามารถซ่อนความดีใจและประหลาดใจบนใบหน้าเล็ก ๆ ที่อยู่ในอ้อมแขนได้ ตั้งแต่ที่พวกเราสองคนได้พบกันอีกครั้งมาจนถึงตอนนี้ เขาก็ไม่เคยได้เห็นแววตาแบบนี้ของเธออีก
ต่อให้พลิกดูความทรงจำของเขาอีกกี่ครั้งก็ไม่มี นัยน์ตาเต็มไปด้วยรสชาติแห่งการเย้ยหยันตัวเอง อย่างไรก็ตามในส่วนลึกของดวงตานั้นมีความเย็นชาและเหี้ยมโหดซ่อนอยู่ลึกกว่า ตอนนี้หากหลินยี่บอกให้เธอไปกับเขา เธอก็คงตามไปโดยไม่พูดอะไรสักคำใช่ไหม
เขา…ทำอย่างไรก็รั้งเธอเอาไว้ไม่ได้ใช่ไหม
เพราะตื่นเต้นมากเกินไป เสียงของเวินจิ้งจึงถูกกดเอาไว้อยู่ในลำคอ “มู่วี่สิง คุณปล่อยฉัน ปล่อยฉันไป”
เธอรีบร้อนมากจนรู้เพียงแค่ว่าต้องหักมือของเขาออก ใช้แรงทั้งหมดพยายามดิ้นรนออกจากอ้อมแขนของเขาอย่างสุดกำลัง หากแต่ทำอย่างไรก็ดิ้นไม่หลุด
เธอเงยหน้ามองเขาแล้วพูดด้วยน้ำเสียที่ร้อนรนเป็นอย่างมาก “มู่วี่สิง นั่นพี่ชายฉัน…พี่ชายฉัน!”
ทำไมเขาถึงยังกอดเธออยู่อีก ไม่รู้หรืออย่างไรว่าเธอตามหาหลินยี่มาโดยตลอด
มู่วี่สิงกลับเพียงยิ้มตื้น ๆ ริมฝีปากยกเส้นโค้งที่แฝงไปด้วยความเย้ยหยันอยู่หลายส่วน “ถ้าฉันปล่อยมือแล้วเธอจะยังอยู่ข้างกายฉันต่อไปไหม”
เวินจิ้งชะงัก สมองยังคงไม่มีการตอบสนอง แต่มือกลับยังไม่หยุดขยับ เพราะมือของมู่วี่สิงที่เธอยังแกะไม่ออกกลับรัดแน่นมากขึ้นเรื่อย ๆ เธอจำได้ว่าน้ำตากำลังจะร่วงหล่นอย่างอธิบายไม่ถูก จึงตะโกนออกไปตามจิตใต้สำนึก
“พี่คะ…ช่วยด้วย…”
ช่วยด้วยเหรอ
มู่วี่สิงยังคงยิ้มอยู่เช่นเคย ริมฝีปากเย็นเหมือนน้ำแข็งประทับจูบลงบนใบหน้าของเธอ “จิ้งจิ้ง เธอนี่ไร้หัวใจจริง ๆ ตอนที่ตาหาเขาไม่เจอก็เอาแต่พึ่งพาฉัน ตอนนี้พอหาเขาเจอแล้วเธอกลับมองฉันเป็นกระดาษชำระ”
ลมหายใจที่ลึกของชายหนุ่มห่อหุ้มเธอไว้แฝงไปด้วยพละกำลังจาง ๆ ราวกับพร้อมที่จะกระโจนเข้าโจมตี
หลินยี่มองอย่างเย็นชา สายตาดำลึกจ้องมองชายฝั่งตรงข้ามที่โอบรอบเอวน้องสาวของเขาไว้ไม่ยอมปล่อย กล่าวออกมาด้วยเสียงเรียบนิ่ง “อย่าทำเหมือนฉันเป็นศัตรูความรักของนายสิ น้องสาวของฉันอยากจะหนีไปจากนาย นั่นก็ต้องเป็นเพราะนายสารเลวเกินไปอย่างแน่นอน สายสัมพันธ์สักนิดก็ไม่มี”
เขาหรี่ตาลงแล้วยิ้มพลางพูดต่อว่า “เวินจิ้ง พี่รู้ว่าเธอรอพี่นานแล้ว ขอโทษด้วยนะ พี่มีเรื่องอยู่ตลอดเลยจำเป็นต้องจากไป หวังว่าเธอจะให้อภัยพี่”
เขาเดินเข้าไปหาเวินจิ้งทีละก้าว น้องสาวที่ไม่ได้พบเจอกันเนิ่นนานคนนี้ทำให้เขารู้สึกสนิทสนมและเป็นกันเองไม่ใช่น้อย
ตั้งแต่ที่รับรู้ถึงการมีอยู่ของเวินจิ้ง เธอก็กลายเป็นคนสำคัญที่สุดของเขา
หลินยี่เป็นคนที่บ้าคลั่งจนเข้ากระดูก แม้ว่าเขาจะไม่พูดและไม่ได้ทำอะไร แต่การก้าวเดินแบบนี้กลับเผยให้เห็นถึงความบ้าคลั่งที่ชั่วร้าย
“หลินยี่ นายกล้ามาแบบนี้รู้ไหมว่าข้างนอกนั้นมีตำรวจอยู่เท่าไหร่” ทันทีที่มู่วี่สิงพูดประโยคนี้ เท้าของหลินยี่ก็หยุดไปชั่วขณะอย่างที่คิดไว้จริง ๆ
เพียงแค่เขายังคงมีรอยยิ้มไม่เคร่งขรึมจริงจังอยู่บนใบหน้า
“ในที่สุดก็มีคนกล้าแจ้งความแล้วสินะ” หลินยี่ลูบคาง แต่เขากลับไม่กลัวเลยสักนิด
เวินจิ้งไม่รู้ว่าสองคนนี้กำลังพูดอะไรกันอยู่ เพียงแต่…เธอได้ยินว่าถ้าตำรวจมาแล้วจะไม่เป็นผลดีต่อหลินยี่
เกิดอะไรขึ้นกับพี่ชายของเธอกันแน่
โดยที่ไม่ทันรู้ตัว ร่างกายของเธอก็รู้สึกราวกับถูกรัดจนแน่น เธอจับแขนของชายหนุ่มไว้ “มู่วี่สิง อย่าเล่นบ้า ๆ ”
แต่เวินจิ้งไม่คิดว่า วินาทีถัดมาหลินยี่จากชักปืนขึ้นมาแล้วเล็งไปที่ระหว่างคิ้วของมู่วี่สิง
สีหน้าของเธอกลายเป็นซีดเผือดในชั่วพริบตา