Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 691
บทที่ 691 ครอบครัวเดียวกันก็ทำให้ดูเหมือนครอบครัวเดียวกัน
เวินจิ้งนิ่งเงียบ ผ่านไปสักพักแล้วจิตใจก็ยังคงเลื่อนลอย
เธอรู้ดีว่ามู่วี่สิงทำได้ เขาจะต้องปล่อยให้พี่ชายต้องโทษจำคุกต่อไป
เพียงแต่เธอไม่อยากให้พี่ชายเข้าไปในนั้นอีก
กว่าเธอจะหาเขาเจอนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
“ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ ฉันก็ยังอยากจะอยู่ข้างๆพี่ชาย” เวินจิ้งพูดพึมพำ
และแล้วดวงตามู่วี่สิงก็เผยให้เห็นถึงความเยือกเย็นออกมาพร้อมกับพูดขึ้นว่า “จิ้งจิ้ง นี่คุณจะไม่มีวันหันหลังกลับมาแล้วใช่ไหม ต้องการจะจากไปกับเขาใช่ไหม”
ใบหน้าที่งดงามของหญิงสาวนั้นมีความนิ่งและมุ่งมั่น แม้แต่สีหน้าของความลังเลใจก็ไม่มีปรากฏบนใบหน้าสักนิดเดียว
เวลาที่หญิงสาวคนนี้ใจร้ายขึ้นมา ดูสงบเยือกเย็นกว่าเวลาที่ดื้อรั้นเอาแต่ใจ
มู่วี่สิงหน้าถอดสี จนท้ายสุดเหลือไว้ซึ่งความเย็นชา “จิ้งจิ้ง คุณไม่กลับกับผม ผมคงต้องใช้ไม้แข็ง”
“ถ้าหากฉันขัดขืนขึ้นล่ะ คุณก็คงจะบีบบังคับฉันใช่ไหม”
เวลานั้นเงาแห่งความมืดมิดได้เข้ามาบดบังอยู่ในใจเธอ
“เพราะฉะนั้น จงเชื่อฟังผม” เขาก้มหน้าลง สีหน้าที่เข้าใจอย่างดี
เวลานี้ เสียง“ติ๊ง”ดังขึ้น ประตูลิฟต์ได้เปิดออก แต่ไม่ใช่ชั้นแปด ยังคงอยู่ที่ชั้นหนึ่ง พี่ชายที่อยู่ด้านนอกกำลังเดินเข้ามา
เมื่อเขาได้รับรายงานจากบอดี้การ์ดก็รีบมาทันที
“เสี่ยวจิ้ง” เขามองดูมู่วี่สิงที่กุมมือเวินจิ้งด้วยแววตาเย็นชา “มู่วี่สิง มีคนของคนอยู่ทุกที่ ทำไมถึงต้องพาน้องสาวผมไปด้วย”
เมื่อเห็นหลินยี่ มู่วี่สิงไม่ได้รู้สึกประหลาดใจ พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอย่างเย้ยหยันว่า “อันที่จริงคุณก็รู้ดีแก่ใจหากพาเธอไปจากผม ยังไงซะผมก็ต้องมาพอเธอกลับมาอยู่ดี”
เขาชะงัก “ ถ้าคุณต้องการให้พวกเราตัดขาดกัน อย่างนั้นคุณควรที่จะส่งเธอกลับลอนดอนให้โดยเร็ว อยู่ที่นั่น อย่างน้อยผมก็ไม่สามารถเข้าใกล้เธอได้สักระยะ แต่ที่คุณต้องการให้เธออยู่ที่นี่ ก็เพื่ออยากจะใช้เธอมาควบคุมบังคับผม”
ก่อนหน้านี้แม้มือของเขาจะได้รับบาดเจ็บแต่ก็ไม่ยอมคิดที่จะปล่อยมือ เพราะเขากลัวว่าหลินยี่อาจจะพาเวินจิ้งกลับไปที่ลอนดอนจริงๆ
แต่ว่าเขาไม่ได้ทำเช่นนั้น
บรรยากาศเช่นนี้ทำให้รู้สึกคิดมากจริงๆ
เขาพูดขึ้น “หลินยี่ คุณเห็นเวินจิ้งเป็นน้องสาวจริงหรอ แม้แต่เธอคุณก็ยังคิดหลอกใช้”
หลินยี่เหลือบมองเวินจิ้งแวบหนึ่ง สีหน้าเธอเต็มไปด้วยความสงสัยและสับสน จากนั้นก็ไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆอีก
“เสี่ยวจิ้ง” หลินยี่นิ่วหน้าแล้วพูดขึ้น
เวินจิ้งที่ดึงสติกลับคืนมา ความจริงเธอเข้าใจในสิ่งที่มู่วี่สิงพูด เพียงแต่พี่ชายบอกว่ายังมีเรื่องทางนี้ที่ต้องจัดการ เธอเชื่อเขา ดังนั้นเธอรอให้เขาจัดการทุกอย่างเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้วค่อยกลับไปลอนดอน
“ถ้าหากว่าเธอไม่อยากอยู่ที่นี่จริงๆ พี่จะส่งเธอกลับ” หลินยี่ลดสายตาลงถามขึ้นเบาๆ
เวินจิ้งเงยหน้าขึ้น เธอนั้นสามารถจะกลับไปได้ แต่แค่…..กลัวว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับพี่ชาย
“จิ้งจิ้ง มีเรื่องหนึ่งที่ผมไม่เคยบอกให้คุณทราบมาก่อน” มู่วี่สิงโน้มตัวลงกระซิบบางประโยคข้างใบหูเธอ
เวินจิ้งที่ตอนนี้รู้สึกมีเสียง “ตูม”ดังขึ้นในสมอง แล้วมองมู่วี่สิงอย่างตกใจ
“ถึงแม้ว่าตอนนั้นคุณตาของคุณจะบังคับให้พวกเราเซ็นใบหย่า แต่ว่าใบหย่าใบนั้นไม่มีผลทางกฎหมาย ดังนั้นคุณกับผมสถานะตอนนี้ยังคงเป็นสามีภรรยา”
“อะไรนะ เป็นไปไม่ได้” เวินจิ้งส่ายหัวฉับพลัน
ไม่จริง
“ใบหย่าที่ไม่มีผลทางกฎหมาย คุณไม่คิดบ้างหรือว่าทำไมผมตอนนั้นถึงเซ็นมันไปแบบง่ายๆ? จิ้งจิ้ง ผมเคยบอกไว้ ไม่ว่าอย่างไรคุณจะต้องเป็นคุณนายมู่ตลอดไป”
“มู่วี่สิง คุณนี่มันเลวได้ใจจริงๆ” หลินยี่ยิ้มอย่างดูแคลนด้วยสายตาที่เย็นชา
“ใช่ ผมยอมรับว่าผมมันเลว” มู่วี่สิงยอมรับอย่างเปิดเผย แต่ว่าคนที่เลวกว่าในตอนนั้นคือหลินเจิ้น
เขาก็คิดมาตลอดว่าจะบอกเรื่องนี้อย่างไรกับเวินจิ้งดี จนกระทั่งต่อมาเกิดเรื่องราวเหล่านั้นขึ้น ตั้งแต่เรื่องเซ็นใบหย่ายังไม่เกิด เขาก็เก็บเรื่องนี้ไว้ภายในใจมาโดยตลอด
เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าวันนี้ จะพูดออกมาจนได้
“จิ้งจิ้ง ขอเวลาสำหรับพวกเราสามเดือนนะ ถ้าคุณยังคิดที่จะไปจากผม ผมจะทำการหย่าให้คุณอย่างเป็นทางการ” ฝ่ายชายแววตาเคร่งขรึมจริงจัง และดูเหมือนเป็นการวางเดิมพัน
เวินจิ้งหยุดพูดแล้วมองเขาด้วยความสงสัย “คุณพูดจริงหรอ”
เขามองเธออย่างจดจ่อ “คุณมีแค่ทางเลือกนี้ทางเลือกเดียว ไม่อย่างนั้นชีวิตนี้ผมไม่มีทางให้ความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาระหว่างเรานั้นสิ้นสุดลง”
เวินจิ้งกำหมัดแน่นขึ้นด้วยใบหน้าที่ขาวซีด
ผู้ชายคนนี้ช่างโหดร้ายเหลือเกิน
เวลาเพียงแค่สามเดือน จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้เล่า
เวินจิ้งกัดปากตัวเอง พูดเบาๆว่า “ตกลง แต่ว่าภายในสามเดือนนี้คุณห้ามแตะต้องตัวฉัน”
หลินยี่เลิกคิ้ว
มู่วี่สิงมองดูเธออยู่ครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้า “หากคุณไม่เต็มใจ ผมก็จะไม่แตะต้องตัวคุณ”
“เสี่ยวจิ้ง?” หลินยี่เลิกคิ้วมองเธอด้วยความเป็นห่วง
เวินจิ้งยิ้มเรียบๆ “พี่คะ พี่จะไม่ก้าวก่ายการตัดสินในของน้องใช่ไหมคะ”
เธอจะต้องจบความสัมพันธ์กับมู่วี่สิงให้โดยเร็วที่สุด
“ได้ หลังจากสามเดือน พี่จะมารับเธอ พวกเราจะกลับไปหาแม่ที่ลอนดอน”
ในที่สุดหลินยี่ก็ได้จากไป
มู่วี่สิงมองเธอ แล้วถามขึ้นด้วยเสียงโทนต่ำ “พวกเรากลับการ์เด้นมูเจียวานกันดีไหม”
แต่วินาทีถัดมาโทรศัพท์มู่วี่สิงได้ดังขึ้น เวินจิ้งที่อยู่ข้างๆมู่วี่สิง ได้ยินเสียงเลี่ยนๆของมู่ซีได้อย่างชัดเจน
“พี่วี่สิงขา พี่รับคุณเวินหรือยังคะ พี่รับปากกับคุณปู่ไม่ใช่หรอว่าจะพาเธอกลับบ้านใหญ่ตระกูลมู่ พี่พูดแล้วไม่ทำตามไม่ได้นะคะ”
สาวคนนี้ช่างให้ความสนใจเรื่องพวกเขาเหลือเกิน……
มู่วี่สิงพูดเบาๆ “นั่นมันคือคำรับปากของเธอต่างหาก”
เมื่อพูดจบเขาก็วางสายทันที แล้วจูงมือเวินจิ้งเข้าไปนั่งในรถ แต่เขากลับได้ยินเสียงเธอพูดขึ้นอย่างไม่แคร์ว่า “คุณปู่มู่อยากให้คุณกลับไปคุณก็กลับไปเถอะ ฉันไปได้ทุกที่แหละ”
เธอที่ไม่ค่อยชอบมู่เฉิง แต่ว่าเธอยิ่งไม่ชอบการอยู่ตามลำพังสองต่อสองกับมู่วี่สิง โดยเฉพาะสถานที่ที่เธอเคยคิดเปรียบเสมือนเป็นบ้านอย่างการ์เด้นมูเจียวาน
เธอที่กำลังยิ้มอยู่ แต่เป็นยิ้มที่ไร้ความรู้สึก
หลังจากนั้นไม่นานรถก็ได้ขับแล่นเข้าไปบ้านใหญ่ตระกูลมู่ พอดีกับเป็นเวลาอาหารเย็น บนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยอาหารหลากหลาย ล้วนแต่เป็นอาหารโปรดที่เวินจิ้งทั้งนั้น
ที่โต๊ะอาหารมู่เฉิง มองดูเธออย่างอ่อนโยน แม้รอยยิ้มจะจืดชืดไปหน่อย แต่ดูแล้วจริงใจ “อันที่จริงฉันก็ไม่อยากจะพูดอะไรอีก เวินจิ้งในเมื่อเธอกับมู่วี่สิงไม่ได้อย่ากันในตอนนั้น ฉันก็หวังว่า…..สิ่งที่ผ่านมาแล้วก็ให้มันผ่านไป เธอไม่ให้อภัยฉันก็ไม่เป็นไร แต่ว่ามู่วี่สิง…..”
เขามองมู่วี่สิงแผ่วเบาแวบหนึ่ง “พักนี้เด็กคนนี้มีงานผ่าตัดพักอยู่โรงพยาบาล แม้ว่าจะได้การดูแลอย่างดีจากมู่ซี แต่ฉันก็ดูออกว่าเขานั้นไม่มีความสุข ฉันรู้ว่าก่อนหน้านี้เขาทำไม่ดีไว้กับเธอ ถ้าหากเธอจะโกรธจะแค้นก็ขอให้ลงที่ฉันแทนแล้วกัน ฉันเชื่อว่าเด็กคนนี้ต่อไปเขาจะรักหวงแหนดูแลเธออย่างดีแน่นอน”
เวินจิ้งแข็งทื่อ เวลานี้เธอไม่สามารถพูดคำใดออกมาได้ ว่าทำไมเธอถึงยอมให้มู่วี่สิงพาเธอกลับมาที่บ้านใหญ่ตระกูลมู่ ความจริงแล้วเธอแค่อยากมาเห็น……มู่เฉิงกับมู่ซีนั้นวางแผนทำอะไรกัน
เธอยิ้มจางๆ เป็นรอยยิ้มที่ไม่สดใสดุจแต่ก่อน แต่ทว่าสวยละเอียดอ่อนมาก “ท่านอย่าได้กล่าวเช่นนี้เลยค่ะ เรื่องที่ผ่านมาหนูก็มีส่วนผิด”
ดูเหมือนมู่เฉิงจะพอใจกับคำพูดเธอ เขายิ้มอย่างเบิกบานแล้วพูดขึ้นว่า “ทานข้าวกันเถอะ ต่อไปพวกเธอสองคนก็พักอยู่ที่นี่แล้วกันนะ ฉันกับมู่ซีอาศัยอยู่ที่นี่แล้วรู้สึกเงียบเหงามาก เวลาที่วี่สิงไม่อยู่ หลานสะใภ้พักอยู่การ์เด้นมูเจียวานคนเดียว ก็คงไม่มีเพื่อนคุย ตอนนี้ฉันก็มาอยู่ที่เมืองหนานอย่างถาวร ในเมื่อเป็นครอบครัวเดียวกันก็ทำให้ดูเหมือนครอบครัวเดียวกัน ”