Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 697
บทที่ 697 อุ้มหน่อย
เวินจิ้งก้มศีรษะลง แล้วดึงมือตัวเองกลับอย่างแรง แล้วลูบข้อมือตัวเองที่แดงขึ้น เธอหายใจเข้าลึกๆแล้วก็จากไป
แต่ว่ามือที่ใหญ่ของฝ่ายชายจับไหล่ของเธอไว้แน่น
เมื่อเขาอยากจะหมุนตัวเธอให้หันกลับมา ระหว่างที่ดึงอยู่นั้น เวินจิ้งรู้สึกวิงเวียนศีรษะเป็นระยะๆ จากนั้นทั้งตัวคล้ายกับไม่มีเรี่ยวไม่มีแรง จากนั้นเธอก็ล้มลง
มู่วี่สิงตกใจมาก พยุงเอวเธอไว้แล้วอุ้มเธอขึ้น น้ำเสียงเปลี่ยนจากอารมณ์โกรธกริ้วเป็นตื่นตระหนกขึ้นทันที “จิ้งจิ้ง…..”
เมื่อสักครู่ยังดีๆอยู่เลย ทำไมอยู่ๆถึงเป็นลมไปได้
สีหน้าเธอไม่รู้ว่าเปลี่ยนเป็นซีดจางขึ้นตั้งแต่เมื่อไร เห็นแล้วถึงกับตกอกตกใจ
มู่วี่สิงจึงอุ้มเธอขึ้นไปบนห้องนอนที่อยู่ชั้นสองทันที เมื่อผ่านห้องรับรองแขกได้สั่งให้คนรับใช้เชิญคุณหมอให้มาที่บ้าน
เวินจิ้งถูกเขาวางลงบนเตียง เมื่อลืมตาขึ้น ภาพที่สะดุดเข้ามาในดวงตาคือท่าทางของชายที่กำลังตกใจและกำลังโกรธ
มีความคิดได้แวบเข้ามาในหัวสมองเธอ เธอถึงกับตาเบิกกว้างในทันที
“มู่วี่สิง” เธอเรียกชื่อเขา เป็นน้ำเสียงที่สั่นเบาๆจนไม่อาจไม่สนใจได้
เขาคิดว่าเธออาจจะเจ็บปวดที่ใดจึงรีบเข้าไปใกล้ “เป็นอะไร เดี๋ยวหมอก็มาถึงแล้วนะ อย่าดื้อ รออีกสักพักน๊า”
ความจริงเธอไม่ได้รู้สึกว่าไม่สบาย เพียงแต่เมื่อสักครู่รู้สึกคลื่นไส้ ตอนนี้นอนพักสักครู่ก็จะดีขึ้นเอง
เธอจับเสื้อของเขาไว้ นิ้วมือที่หยิกงอ ริมฝีปากของเธอเปิดๆปิดหลายครั้ง สักพักจึงพูดขึ้นเบาๆ “เมื่อคืนอากาศเย็นไปหน่อย ตอนนี้ก็เลยเป็นหวัด คุณไม่ต้องเชิญหมอมาหรอก ฉันเองก็เป็นหมอเหมือนกัน และฉันรู้ดีเกี่ยวกับร่างกายของฉันด้วย กินยาแก้หวัดพักผ่อนสักพักเดี๋ยวก็หาย”
มู่วี่สิงกลับดุเธอกลับ “อย่าพูดมั่ว เมื่อคืนอากาศเย็นตอนไหน”
เวินจิ้งไม่กล้าสบตามู่วี่สิง พูดเบาๆขึ้น “เพื่อต้องการให้ฉันนอนอยู่ในอ้อมกอดคุณ ในแต่ละคืนคุณเปิดโหมดความเย็นตลอด เป็นหวัดก็ไม่น่าจะแปลก”
มู่วี่สิงชะงักขึ้นในทันที ใบหน้าเผยอารมณ์หงุดหงิดออกมา
เขาปรับอุณหภูมิห้องให้เธอ ผ้าห่มก็ให้คนรับใช้เปลี่ยนใหม่ แล้วเขาก็กอดเธอไว้แน่น
เวินจิ้งที่รู้สึกเหนื่อยล้าจึงปิดตาลง “ฉันเป็นหวัดต้องการพักผ่อน นอนสักครู่ก็จะดีขึ้น อย่าได้เชิญหมอมาเลยนะ”
เธอมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์ “ฉันไม่ชอบให้ใครมารบกวนระหว่างพักผ่อน ไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน คุณออกไปเถอะ”
มีเรื่องบางเรื่องที่เธอต้องทบทวนไตร่ตรองให้ดี
“ไม่ได้ รอคุณหมอมาตรวจก่อนแล้วคุณค่อยนอน”
เวินจิ้งลืมตาขึ้นทันใด “คุณทำให้ฉันป่วยแล้ว ตอนนี้อยากจะนอนพักผ่อนก็ทำไม่ได้ มู่วี่สิงนี่คือสิ่งที่เธอทำดีกับฉันหรอ”
มู่วี่สิงเงียบไปชั่วขณะ สุดท้ายเขายังคงตัดสินใจอย่างเอาแต่ใจ “งั้นผมจะเฝ้าดูคุณนอน”
…..
วันรุ่งขึ้น เมื่อทราบว่ามู่วี่สิงออกจากบ้านไปแล้ว เวินจิ้งจึงมาโรงพยาบาลคนเดียว
หลังจากหนึ่งชั่วโมงผ่านไป เธอค่อยๆเดินออกมา ใบหน้ารูปไข่ที่งดงามภายใต้แสงแดดทำให้ดูซีดจาง เธอก้มหน้าดูผลการตรวจที่อยู่ในมือ ดวงตาซับซ้อนและมืดมน
นิ้วมือค่อยๆขดเป็นกำปั้น เธอรู้สึกภายในจิตใจนั้นหนักอึ้ง ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดี
ทำอย่างไรดี…..
เธอยืนอยู่ข้างเสาหน้าประตูโรงพยาบาล มองดูผู้คนเดินไปเดินมาอยู่บนถนนอย่างสับสนเลื่อนลอย
“คุณหมอเวิน”
ทันใดนั้น เสียงที่คุ้นเคยได้ดังขึ้นเข้ามาในใบหู เวินจิ้งหายใจเข้าลึกๆ แล้วรีบเก็บผลการตรวจที่อยู่ในมือไว้ในกระเป๋า แล้วค่อยเงยหน้าขึ้นไปยังทิศทางของเสียง”
เวยอาน?
เวินจิ้งรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย หน้าตาที่ตึงเครียดได้ผ่อนคลายลง
“คุณหมอเวิน ไม่ได้เจอกันตั้งนานเลยนะคะ”
“ใช่ นานมากเลยจริงๆ” เวินจิ้งที่น้ำเสียงไม่สามารถปกปิดความขมขื่นไว้ได้
สองคนได้เข้าไปร้านกาแฟที่อยู่ตรงข้ามเวยอานนั้นมาตรวจร่างกาย แต่เธอดูออกว่าเวินจิ้งนั้นไม่ใช่
“เวยอาน ฉันได้ยินมาว่าคุณลาออกจากงานแล้ว?” เวินจิ้งได้สั่งนมร้อนมาแก้วหนึ่ง เธอคนนมด้วยความใจที่ล่องลอย
“ใช่ เพราะเรื่องส่วนตัวนิดหน่อย ดังนั้นคงอาจต้องอยู่เมืองหนานนานสักระยะหนึ่ง”
“ไม่ได้ทำงานต่อหรอ”
เวยอานพยักหน้า “ฉันหางานไม่ได้”
เธอถอนหายใจ
“เกิดอะไรขึ้น มีอะไรให้ฉันช่วยหรือเปล่า” เวินจิ้งยื่นมือออกมา
มือเวยอานนั้นเย็นเฉียบ เธอเป็นแบบนี้ตั้งแต่เด็ก ใบหน้าก็ซีดจางกว่าคนปกติทั่วไปเช่นกัน
เวยอานยิ้ม “ตอนนี้ฉันสบายดี แต่คุณหมอเวินนะสิ เมื่อสักครู่สีหน้าไม่ค่อยสู้ดีเลยตอนที่อยู่โรงพยาบาล”
“ฉันแค่มาเยี่ยมเพื่อน” เวินจิ้งหาข้ออ้างอย่างอื่นมาเป็นเหตุผล
“อืม พวกเราไม่ได้เจอกันมาตั้งนาน อยู่เมืองหนานฉันก็ไม่มีเพื่อนสักคน ต่อไปพวกเราก็ติดต่อกันบ่อยๆนะ”
“ได้แน่นอนอยู่แล้ว ช่วงนี้ฉันก็ไม่ได้ทำงาน…..”
ยังพูดไม่ทันจบคำ เวินจิ้งก็ตัวแข็งทื่อขึ้น
นอกหน้าต่าง มีรถยนต์สีดำค่อยๆมาจอดอยู่หน้าประตู
ทันทีที่ประตูรถเปิดออก ชายที่ลมหายใจเย็นชาได้ก้าวออกมาจากรถ
ทันใดนั้นมู่วี่สิงก็มองเห็นเวินจิ้งที่นั่งที่ติดกับริมหน้าต่าง สีหน้าของเธอดูเรียบเฉย และไม่มีรอยยิ้มในดวงตา
แม้แต่ตอนที่เจอเขา หนำซ้ำยังออกอาการหวาดกลัว
เวินจิ้งจึงลุกขึ้นฉับพลัน แล้วกล่าวลาเวยอาน จากนั้นก็จากไปทันที
แน่นอนเธอดูออกว่ามู่วี่สิงนั้นกำลังโกรธโมโหโทโส
มู่วี่สิงมองดูหญิงสาวเดินออกมา แล้วก็ดึงเธอมากอดไว้ในอ้อมกอดทันที เขาโอบเอวเธอไว้อย่างแน่นหนา แล้วถามด้วยเสียงโทนต่ำว่า “จิ้งจิ้ง ท้าวหน้าผมเพิ่งจะก้าวออกจากไป ท้าวหลังอย่างคุณก็แอบก้าวออกตาม นี่คุณกำลังจะคิดทำอะไร! อย่าลืมนะว่าตอนนี้ยังไม่ครบเวลาสามเดือน!”
เวินจิ้งหันหน้ามามองเขา พร้อมด้วยรอยยิ้ม “คุณคงคิดว่าฉันไม่ได้อยู่บ้าน ดังนั้นจึงรีบลนลานกลับไป จากนั้นโทรหาเกาเชียนพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินหาคนสินะ”
ใบหน้าที่บึ้งตึงจนน่ากลัวของเขาดูตลกเล็กน้อยในสายตาเธอ “มู่วี่สิง เมืองหนานเป็นที่ของคุณ ฉันไม่โง่พอที่จะหนีทั้งที่อยู่ภายใต้สายตาของคุณหรอกนะ”
มู่วี่สิงมองดูเธอที่มีท่าทางเหิมเกริมและยิ้มเยาะหยัน ยิ่งทำให้เขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ จนกัดฟันพูดว่า “เวินจิ้ง คุณยังจะกล้ายิ้มอีก คุณมาดื่มกาแฟหรือมาโรงพยาบาลกันแน่”
ตรงข้ามก็คือโรงพยาบาล เป็นเรื่องยากที่จะไม่ทำให้เขาคิดมาก
เขาขมวดคิ้วขึ้น ยื่นมือมาแตะที่ใบหน้ารูปไข่และหน้าผาก “คุณเป็นหวัดหรือเปล่า หรือว่าไม่สบายตรงไหน หรือว่าคุณนัดเพื่อนไว้ ทำไมถึงไม่บอกผม”
“ฉันไม่อยากจะรายงานทุกเรื่องให้กับคุณ ฉันไม่ใช่สัตว์เลี้ยงของคุณสักหน่อย” เวินจิ้งบ่นพึมพำ
“ครับ ในเมื่อคุณก็อยู่ที่นี่แล้ว อย่างนั้นพวกเราเข้าไปตรวจที่โรงพยาบาลสักหน่อยนะ” มู่วี่สิงมองดูผู้คนที่อยู่ตรงข้ามที่เดินไปเดินมาอยู่ในโรงพยาบาล แล้วจูงมือเธอเพื่อที่จะมุ่งเดินไป
เวินจิ้งรั้งเขาไว้ทันที “ฉันไม่เป็นไร ไม่จำเป็นต้องตรวจ”
“จิ้งจิ้ง” มู่วี่สิงหน้านิ่วคิ้วขมวด แสดงความไม่พอใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด
แต่เขากลับยิ้มตาหยีใส่ “อุ้มฉันหน่อย…..”
ผู้ชายงุนงงแข็งทื่อ มองดูรอยยิ้มที่สดใสของเธอ กว่าสักพักได้ถึงจะรู้สึกตัว
เวินจิ้งไม่ชอบที่เขาตอบสนองช้า จึงพูดอย่างไม่พอใจว่า “คุณจะอุ้มหรือไม่อุ้ม”
ยังไม่ทันที่มู่วี่สิงจะรอเธอพูด ก็รีบโอบเอวเธอแล้วอุ้มขึ้น แล้วพูดเสียงโทนต่ำๆว่า “อุ้ม”
เธอยอมให้เขาอุ้ม ทำไมเขาจะไม่อุ้ม