Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 720
บทที่ 720 ไม่มีความรู้สึกอีกครั้ง
มู่ซีหน้าซีดเผือด เธอไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดเช่นนี้
เห็นชัดแล้วว่าเธอไม่ได้เป็นคนผลักเวินจิ้ง แล้วทำไมเธอจะต้องตาย?
มู่วี่สิงไม่ปล่อยให้เธอได้มีโอกาสอธิบาย เขารีบขึ้นไปยังชั้นบนทันที
ภายในห้องนอนที่มีแสงสลัวลางๆ ผ้าม่านถูกเปิดออก ความเงียบเข้าปกคลุมทุกพื้นที่
อันที่จริงขนาดตัวเขาเองยังไม่รู้เลย นอกจากที่จะใช้อำนาจบังคับเธอให้อยู่ข้างๆแล้ว จะยังเหลือหนทางไหนอีก
ทันใด ได้มีคนรับใช้มาเคาะประตูหน้าห้อง “คุณผู้ชายค่ะ”
“เข้ามา”
เป็นคนรับใช้ที่ทำงานที่บ้านตระกูลมู่มานาน “คุณผู้หญิงต้องพักอยู่ในโรงพยาบาลต่อ เธอต้องพักฟื้นคนเดียว ไม่มีครอบครัวอยู่ข้างๆคอยดูแล แถมจิตใจยังบอบช้ำเรื่องลูกอีก สภาพจิตใจเธอตอนนี้อ่อนแอมาก นอกจากคุณผู้ชายจะไปอยู่เป็นเพื่อนเธอ ไม่กี่วันก่อนเกิดเรื่องคุณผู้หญิงเธอปลูกดอกเดซี่ไว้ที่สวนดอกไม้ คุณผู้ชายไปโรงพยาบาลเมื่อไหร่ลองนำไปให้เธอสิคะ ต้องการให้ดิฉันนำมาให้ไหมคะ?”
เธอยังปลูกดอกไม้ที่นี่อีกเหรอ?
มู่วี่สิงพยักหน้า ก่อนตอบเสียงเบาว่า “ไว้ฉันจัดการเอง”
สาวรับใช้ตอบรับพลางยิ้มแผ่วเบา ก่อนจะออกไปอย่างเงียบๆ
ดอกเดซี่น่าจะทำให้อารมณ์ของเธอดีขึ้นมาหน่อย เมื่อคิดได้ดังนี้ เขาเตรียมตัวที่จะลงไปข้างล่าง แต่เขากลับหยุดชะงัก และเดินตรงไปยังหัวเตียง
เธออ่านหนังสือก่อนเข้านอนเป็นบางครั้ง ถึงแม้ว่าจะใช้เวลาไม่นานในการอ่าน แต่ว่าตอนนี้เธอกำลังพักฟื้นในโรงพยาบาล และไม่สมัครใจที่จะคุยไม่ว่ากับใครก็ตาม การนำหนังสือมาอ่านอาจจะสามารถปรับอารมณ์เธอได้นิดหน่อย
เมื่อเปิดลิ้นชักออกมา เธอหยิบเล่มบนสุด ไม่ได้สนใจชื่อหนังสือ สายตาเหลือบมองไปเห็นกระดาษสีขาวที่ถูกทับอยู่ เธอมองมันอยู่ชั่วครู่ ไม่ลังเลที่จะหยิบมันออกมาดวงตาที่ลึกซึ้งนั้นมองไปยังตัวอักษรบนหนังสือ พลันดวงตาเธอก็กลายเป็นเย็นเยียบราวกับน้ำแข็ง
ภายในสวนดอกไม้
ชายหนุ่มร่างสูงกำลังค่อยๆเข้าไปข้างใน
“เสี่ยวเหมย ฉันได้ยินมาว่า คำที่เธอพูดกับคุณผู้ชายพวกนั้น…… ไม่ใช่ว่าคุณผู้หญิงกับคุณนายจงใจให้พูดแบบนั้นจริงๆใช่ไหม? พวกเราทุกคนรู้ว่าแต่ไหนแต่ไรมาคุณมู่ซี ไม่ชอบคุณนายเวินจิ้ง ”
เสี่ยวเหมยถอนหายใจ ก่อนพูดเสียงต่ำว่า “อย่าพูดแบบนี้เลย… …ถ้าเรื่องนี้ไปถึงหูคุณผู้ชายละก็ ฉันคงอยู่ที่นี่ต่อไม่ได้แน่…. …”
“คุณผู้หญิงตกลงมาเองจริงหรือ? เธอไม่ใช่ว่ากำลังท้องอยู่หรือไง?”
“เธออาจจะยังไม่รู้ว่าตัวเองท้อง ฉันเห็นแบบนั้นจริงๆ แต่เดาว่าคุณมู่ซีคงพูดอะไรให้โมโห ไม่งั้นคุณผู้หญิงคงไม่ทำแบบนั้นแน่”
“เฮ้อ ครอบครัวร่ำรวยแบบนี้ช่างมีเรื่องอะไรวุ่นวายเหลือเกิน พวกเราเป็นแค่คนใช้ก็ควรหยุดพล่ามเรื่องเจ้านายนะ คุณผู้ชายมาได้ยินจะตายกันหมด ช่วงนี้ท่านยิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่ด้วย”
“ไปเถอะ ถ้าคุณผู้หญิงพร้อมแล้ว คุณพ่อบ้านบอกว่าดอกไม้นี้จะนำไปที่โรงพยาบาลทีหลัง”
“……”
เมื่อสาวใช้สองคนนั้นเดินจากไป ชายหนุ่มที่หลบอยู่หลังต้นไม้ก็ได้เดินออกมา ใบหน้าหล่อเหลานั้นเย็นชาดุจน้ำแข็ง
เขาก้มมองดอกเดซี่ที่กำลังบานสะพรั่งตรงหน้าอยู่นาน
ดอกไม้ที่กำลังบานสวย ดูก็รู้ว่าเจ้าของของมันคงดูแลรดน้ำอย่างใส่ใจเป็นพิเศษ ดูแล้วรื่นรมย์ใจสบายตายิ่งนัก ครู่หนึ่ง ใบหน้าไร้อารมณ์ก้มลงไปหยิบกระถางดอกไม้ขึ้นมา
ห้องพักฟื้นผู้ป่วยวีไอพีช่างเงียบสงบ โดยเฉพาะเวินจิ้งที่พูดตั้งนานแล้วว่าอยากได้ความสงบไม่ให้ใครมารบกวน มู่วี่สิงเปิดประตูเข้ามา เห็นเธอกำลังนั่งกอดเข่า มองไปข้างนอกหน้าต่าง เขาไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
เขาอุ้มกระถางดอกไม้ที่เอามาจากบ้านไว้แน่น
เวินจิ้งได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวแต่เธอไม่ได้สนใจ จนกระทั่งมีเสียงทุ้มของชายหนุ่มทำลายความเงียบดังขึ้น “หิวไหม? อยากกินอะไร เดี๋ยวผมซื้อกลับมาให้”
“ไม่กิน” เมื่อคนเรามาถึงจุดหนึ่ง แม้กระทั่งความอยากอาหารก็ไม่มีด้วยซ้ำ
“ร่างกายคุณยังไม่ฟื้นดี ไม่กินไม่ได้” เขายังคงอดทนที่จะถามต่อ “เด็กดี ผมให้คนทำโจ๊กให้คุณดีไหม?”
เวินจิ้งหลับตาลง ก่อนตอบเสียงแผ่วเบา “มู่วี่สิง คุณไม่เหนื่อยหรือ? พวกเราหย่ากันเถอะ ปล่อยฉันสักที ปล่อยตัวคุณเองด้วย ได้ไหม?”
เขาจ้องหน้าเธอเป็นเวลานาน เสียงแหบแห้งที่เปล่งออกมาของเขาเบาแทบจะไม่ได้ยิน “จิ้งจิ้ง การได้อยู่ข้างคุณ ผมไม่เคยเหนื่อยเลย คุณเกลียดผมขนาดนี้เลยเหรอ เกลียดถึงขนาดที่สามารถฆ่าลูกของเราด้วยน้ำมือตัวเองเลยเหรอ?”
ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ใบหน้าของเธอ ไม่ละสายตาไปจากสีหน้าของเธอแม้แต่น้อย แต่นอกจากความเย็นชาบนใบหน้า ตลอดทั้งความเจ็บปวดเล็กน้อยในดวงตาที่หายไปอย่างรวดเร็วแล้วนั้น ในดวงตาเธอเขามองไม่เห็นความรู้สึกหรืออารมณ์อะไรเลย
“ไม่ใช่ว่าคุณคิดว่ามู่ซีทำให้ฉันแท้งหรอกเหรอ? คุณยังไม่จัดการเธอเลย” เวินจิ้งพูดอย่างไม่ใส่ใจ “หย่ากับฉัน ครอบครัวของคุณจะได้รักใคร่กลมเกลียวกันต่อไปไง มีอะไรไม่ดีอีก?”
“เวินจิ้ง!” กระถางดอกไม้ตกลงที่พื้นอย่างเต็มแรงก่อนจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ใบหน้าที่เคยอ่อนโยนของชายหนุ่มแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาจนน่าหวั่น เขาค่อยๆก้าวเข้าไปหาเธอ ดวงตาดำสนิทเหมือนมีคลื่นยักษ์ลูกใหญ่พัดวนอยู่ในนั้น เขาคำรามขึ้นเหมือนจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ “คุณให้มู่ซีฆ่าลูกของเราได้ยังไง คุณอยากให้เธอตายทำไมไม่บอกผม ในโลกนี้ถ้าคุณเกลียดใครขอแค่บอกผม ผมสามารถกำจัดไปให้ได้ แล้วทำไมคุณถึงใช้ลูกของเรา?”
เขาควบคุมตัวเองไม่ได้อีกแล้ว มือใหญ่แข็งแกร่งของเขาบีบแขนของเธอแน่นโดยไม่รู้ตัว
เวินจิ้งแค่มองไปที่เขาเงียบๆ ตอนนี้ดวงตาของเขาเหมือนจะกักเก็บอารมณ์ทุกอย่างไว้ไม่อยู่ ราวกับจะปะทุออกมาเหมือนเปลวไฟสว่างจ้าที่กำลังเผาไหม้ความเกลียดชัง ความเสียใจ ความเจ็บปวดที่ตอนนี้ได้ปกคลุมไปทั่วทุกสารทิศ
“เวินจิ้ง นั้นคือชีวิตหนึ่งเลยนะ เขาเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของคุณ ตอนที่คุณฆ่าเขาคุณไม่รู้สึกเลยหรือว่าตัวเองโหดเหี้ยม”
ตอนที่แท้งลูกคนแรก เขาโกรธมาก ไม่คิดเลยว่าไม่ถึงปี เหตุการณ์มันจะเกิดขึ้นซ้ำรอย
แค่ครั้งที่แล้ว เธอไม่ทอดทิ้งเด็กคนนั้น แต่ครั้งนี้ เธอคือฆาตกร ใช่ เธอคือฆาตกร
โซฟาริมหน้าต่างเกือบจะแตกเพราะแรงเตะของเขา เขาไม่สามารถลงที่เธอได้ เวินจิ้งสัมผัสได้ว่าเขาพยายามควบคุมตัวเองเพื่อที่จะไม่มาลงที่เธอ แต่ทว่าเสียงหอบหายใจแรงกับดวงตาที่ดุดันนั้นยังคงจดจ้องมาที่เธอ “คุณเกลียดผมก็มาจัดการผม เวินจิ้ง คุณคิดว่าผมอยากยิงหลินยี่หรือไง? ผมไม่ยิงคนอื่นก็ยิงเขาอยู่ดี ถ้าหากผมไม่ยิงเขา เขาก็ต้องตายแน่ๆไม่ต้องสงสัย”
ถ้าหากว่าไม่เห็นใบตรวจครรภ์นั้นด้วยตาตัวเอง เขาไม่คิดเลยว่าผู้หญิงคนนี้จะสามารถทำเรื่องโหดร้ายได้ขนาดนี้
ใบหน้าซีดเซียวของเวินจิ้งยังคงเรียบเฉย เธอเพียงแค่กระพริบตาเบาๆ
นานมากก่อนที่ลมหายใจของเขาจะกลับมาเป็นปกติ เธอจึงค่อยๆพูดเสียงแผ่วเบาว่า “ใช่ คุณพูดถูกแล้ว”
มู่วี่สิงรู้สึกเหมือนหัวใจเจ็บปวดจนไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว
ไม่มีความรู้สึกอะไรอีกแล้ว
วันต่อมา เมื่อเวินจิ้งตื่นขึ้น ประตูได้ถูกผลักเข้ามา เธอหรี่ตามอง เห็นมู่วี่สิงกำลังถือถุงสีขาวหนึ่งใบเข้ามา
ใบหน้าหล่อเหลาที่ตอนนี้มองไม่เห็นความบ้าคลั่งของเมื่อวานแล้วนั้น ตอนนี้มันเงียบสงบ
เขากะไว้แล้วเหรอว่าเธอจะตื่นเวลานี้? หรือรอเธอข้างนอกมาตลอด พอได้ยินเสียงแล้วค่อยเข้ามา?