Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 732
บทที่ 732 ขอเพียงเธอยอมเข้าใกล้
มู่วี่สิงเหมือนถูกตีเข้าที่หัว แม้แต่หายใจยังยากลำบาก ใบหน้าคมคายไม่พอใจ ถามขึ้นอย่างโมโห “คุณแต่งงานกับผมแล้วยังทำกับเขา…”
เธอมองใบหน้าโมโหของเขา พูดช้าๆ ไม่รีบร้อน “พวกเราสองคนบริสุทธิ์ใจที่จะรักกัน ทำเรื่องที่คู่รักทำกันมันแปลกมากหรือคะ”
ชายหนุ่มโกรธจนระงับไม่อยู่ ขณะที่เวินจิ้งคิดว่าเขาจะโกรธจนผลักเธอออกไป คางกลับถูกเขาบีบแน่น ริมฝีปากก็ถูกจูบอย่างดุเดือด
จูบที่ดุเดือดและเอาแต่ใจเหมือนเมื่อก่อน เวินจิ้งลืมตาโต คิดอยากจะผลักอกเขาออกไป แต่ยังไม่ทันยื่นมือออกไป คิดถึงที่เขายังบาดเจ็บ จึงไม่กล้าทำรุนแรง
จูบของมู่วี่สิงเร่าร้อนเนิ่นนาน ชายหนุ่มคนที่เพิ่งพูดเมื่อครู่ว่าบาดเจ็บจนใส่เสื้อผ้าไม่ไหวในเวลานี้แขนโอบกอดเธอแน่น ออกแรงจูบดุดันโดยไม่สนใจไยดีอะไร
หลังจูบนั้น เวินจิ้งยังไม่ทันหายใจหอบ เสียงเยือกเย็นของชายหนุ่มก็ดังขึ้นข้างหู “เวินจิ้ง ถึงผมจะจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้และไม่คิดจะอยากรู้ แต่ผมขอบอกคุณ ถ้าต่อจากนี้คุณเข้าใกล้ผู้ชายคนอื่น ผมจะไม่อดทนอีก!”
“เพี้ยะ!” เธอไม่คิดอะไรทั้งนั้นสะบัดมือตบหน้าของเขาฉาดหนึ่ง หน้าอกกระเพื่อม ใบหน้าขาวนวลไร้สีเลือดโกรธจัด
เธอไม่รู้ว่าโกรธที่เขาจูบ หรือคำพูดข่มขู่ของเขา หรือว่า…ความสับสนและใจเต้นไม่เป็นส่ำจนควบคุมตัวเองไม่ได้ทำให้เธอคิดแต่อยากจะหนีไปให้พ้น
มู่วี่สิงตะลึง เห็นชัดว่าเขาคาดไม่ถึงว่าเธอจะตบหน้าเขา
เขาเม้มริมฝีปากบางยิ้มเยาะตัวเอง พูดโดยไม่แยแส “ตบแลกจูบงั้นหรือ”
ถ้าเป็นอย่างนั้น เขาก็พอใจ
ถูกผู้หญิงของตัวเองตบตีด่าทอไม่เป็นไร ขอเพียงเธอยอมเข้าใกล้เขา
เวินจิ้งยังคิดจะระบายความโกรธ เธอรู้ดีเมื่อความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงสนิทสนมกันมากเกินไป ขอเพียงเธอไม่รังเกียจถึงขีดสุดหรือขยะแขยงจนคลื่นเหียน เธอก็ชอบได้ง่ายมาก
เพียงแต่ยังไม่ทันหลุดปากคำด่าอะไรออกไป สายตาของเธอก็เห็นผ้าพันแผลใต้เสื้อที่ปลดกระดุมครึ่งหนึ่ง
มีรอยเลือดแดงซึม เธอชะงัก หรือว่าแผลฉีกขาด
มู่วี่สิงมองตามสายตาของเธอ เห็นรอยเลือดซึมเช่นกัน เขาย่นคิ้ว มิน่าทำไมเจ็บขนาดนี้
เวินจิ้งร้าวรานใจ รีบเดินไปหากล่องยาใต้โต๊ะหัวเตียง เปิดกล่องยาอย่างชำนาญ หยิบยากับผ้าพันแผลออกมา
ใช้แรงดึงเสื้อนอนของเขาออก จากนั้นคลายผ้าพันแผลทั้งหมด จนเห็นบาดแผลที่ปริออกจริงๆ
เธอหยิบสำลีขึ้นมา โมโหขีดสุด เช็ดแผลที่กำลังเลือดไหลอย่างแรง มู่วี่สิงครางเสียงเย็น เสียงทุ้มต่ำแต่เปี่ยมด้วยความหลงใหล “เวินจิ้ง ทำไมเมื่อก่อนผมดูไม่ออกว่าคุณเลือดเย็นขนาดนี้ เห็นผมเจ็บจนตายถึงจะพอใจหรือไง”
เวินจิ้งตอบเสียงเรียบ “ครั้งหน้าคุณอย่าทำรุ่มร่ามอย่างนี้อีก ไม่งั้นจะปล่อยให้แผลนี่เน่าตลอดไป”
ไม่เห็นความสำคัญชีวิตของตัวเอง แผลถูกแทงหนักขนาดนี้ยังจะไปตามเธอไปสนามบิน เจ็บจนถึงขนาดนี้แล้วยังคิดเรื่องที่ไม่สำคัญอีก
ใบหน้าของมู่วี่สิงเคลื่อนมาใกล้ใบหน้าเธอ ริมฝีปากถูไถหน้าผากของเธอคล้ายจะตั้งใจแต่ก็เหมือนไม่ตั้งใจ ลมหายใจร้อนผ่าวสัมผัสปีกจมูกของเธอ “จิ้งจิ้ง ผมจูบภรรยาตัวเอง ไม่ได้ทำรุ่มร่าม”
ปกติแล้วเขาแทบไม่เคยยิ้ม คำพูดที่ออกมาจากปากเขาจริงจังมาก “คุณอยู่ต่อหน้าผม ผมอยากจูบคุณ”
สายตาของเวินจิ้งสั่นไหว มือเช็ดแผลเต็มแรง
ชายหนุ่มเจ็บจนหลับตา แต่ริมฝีปากยังคงมีรอยยิ้มบางๆ
เธอไม่รู้ว่าเวลาที่เธอทำแก้มป่องเช็ดแผลให้เขาน่ารักและดึงดูดมากแค่ไหน
เวินจิ้งช่วยเขาพันแผลใหม่เรียบร้อย และช่วยเขาใส่เสื้อผ้า กว่าจะเรียบร้อยก็ผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้ว
มู่เฉิงกับมู่ซีนั่งรอพวกเขาที่โต๊ะรับประทานอาหาร เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า มู่ซีรีบเงยหน้ามองดีใจ “พี่วี่สิง…”
คำพูดนั้นยังไม่ทันเอ่ยออกมาก็หยุดชะงัก ผู้ชายที่ค่อยๆ เดินลงบันไดมาลำตัวช่วงบนแนบชิดกับหญิงสาวรูปร่างผอมบางที่เดินเคียงข้างกัน มือโอบเอวอีกฝ่าย แม้แต่คางก็ถูไถหน้าผากของเธอ
ชายหนุ่มที่เคยเย็นชามาตลอดริมฝีปากเผยให้เห็นรอยยิ้มบางๆ สายตาที่ก้มมองหญิงสาวอ่อนโยนอบอุ่น
จนกระทั่งมานั่งที่โต๊ะ มู่เฉิงยิ้มบางๆ “วี่สิง แกตัวหนักขนาดนี้ ทำไมให้เวินจิ้งประคอง ครั้งหน้าให้คนเตรียมรถเข็นให้ดีกว่า”
มู่วี่สิงพยักหน้า เพราะเห็นเหงื่อผุดที่หน้าผากของเวินจิ้ง เขาย่นคิ้ว ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว ”ให้คนจัดห้องนอนข้างล่างให้ผมสองห้อง”
มู่ซีไม่เข้าใจ “ทำไมสองห้องคะ”
เวินจิ้งดื่มน้ำอึกใหญ่ พูดเรียบๆ “คุณนอนข้างล่าง ฉันนอนห้องใหญ่ก็ได้ ถ้าคุณต้องการอะไรก็เรียกฉัน ไม่ต้องให้ฉันอยู่ข้างๆ ตลอดก็ได้”
เธอไม่อยากนอนห้องเดียวกับเขา เขาก็บังคับให้เธอนอนห้องที่ใกล้ที่สุด
“จัดสองห้อง”
“ฉันตื่นง่าย ห้องนอนของคุณเงียบที่สุด ฉันชอบนอนห้องนั้น”
มู่ซีได้จังหวะพูดขึ้น “พี่วี่สิง ฉันนอนห้องข้างๆ พี่ได้ไหมคะ ถ้าพี่สะใภ้ไม่สะดวกเมื่อไร ฉันช่วยพี่ได้”
มู่เฉิงก็พยักหน้า “จริงด้วย ให้เวินจิ้งกับมู่ซีผลัดกันดูแลแก”
เวินจิ้งยิ้มบางๆ “ในเมื่อน้องสาวคุณดูแลได้ ก็ไม่ต้องใช้ฉันเป็นทาสแล้ว”
มู่วี่สิงมองมู่ซีด้วยสายตาเย็นชา “ความจำเธอมีปัญหาหรือไง เวินจิ้งบอกว่าอย่าเรียกฉันอย่างนี้อีก”
เขารำคาญผู้หญิงคนนี้เต็มทนที่ทำให้เวินจิ้งชักสีหน้าหึงหวงใส่เขา
สีหน้าของมู่ซีซีดเผือด ไหล่ชักเกร็ง เหมือนกับกำลังกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลริน
ชายหนุ่มหันไปพูดกับเวินจิ้ง “ตอนนี้ผมไม่มีคนดูแลแล้ว”
เวินจิ้งกะพริบตา ไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ก้มหน้ากินข้าวต้มเงียบๆ
มู่เฉิงมองเวินจิ้ง “วี่สิง ทำไมเวินจิ้งไม่ให้มู่ซีเรียกแกว่าพี่ เธอเป็นน้องสาว ไม่ต้องใจร้ายขนาดนี้ก็ได้”
ก่อนความจำเสื่อมท่าทีของเขาเย็นชา แต่ตอนนี้เรียกได้ว่าน่ารำคาญ
มู่วี่สิงไม่มองหน้า มู่ซีแม้แต่นิดเดียว ตอบเสียงเรียบ “ปู่เห็นเธอเป็นหลานสาว ไม่ได้หมายความว่าผมจะเห็นเธอเป็นน้องสาว ปู่อยากให้เธออยู่บ้านตระกูลมู่ก็ได้ แต่อย่าปล่อยให้เธอทำตัวน่ารำคาญ”
เวินจิ้งอดไม่ได้ที่จะมองมู่วี่สิง เขาจำอะไรไม่ได้ไม่ใช่หรือ เขารังเกียจ มู่ซีขนาดนี้เลยหรือ
เมื่อก่อนยังยอมให้เธออยู่ข้างตัวตามใจ
น้ำเสียงมู่เฉิงผ่อนคลายลองพูดจาด้วยเหตุผล “วี่สิง มู่ซีไปทำให้แกโกรธตอนไหน แกจะไม่ชอบคนอื่นโดยไม่มีเหตุผลขนาดนี้ได้ไง”
ชายหนุ่มหงุดหงิดเต็มแก่ สายตาเย็นชากวาดตามองพวกเขา “แค่เห็นก็รำคาญ”
ต้องการเหตุผลอะไรมากมาย สีหน้าเวินจิ้งไม่มีความสุขก็เพียงพอแล้วที่จะบอกว่าเธอรำคาญมาก