Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 737
บทที่ 737 เขาเป็นห่วงเธออยู่คนเดียว
วางกระเป๋าเดินทางแล้ว เวินจิ้งก็แขวนเสื้อผ้าที่นำมาด้วยหลายตัวเข้าตู้เสื้อผ้า เธอรู้สึกหิว จึงหยิบมือถือเปิดประตู
ขณะปิดประตู กะพริบตา แล้วเปลี่ยนรหัสผ่าน
เธอซื้ออาหารเช้าง่ายๆ ไม่ไกลจากตึกมากนัก จากนั้นก็ไปตลาดเลือกซื้อวัตถุดิบสดใหม่ เตรียมทำอาหารมื้อกลางวันกับมื้อเย็นเอง
แต่เรื่องที่เธอคาดไม่ถึงก็คือ เมื่อซื้อเสบียงกลับมา ก็เห็นผู้ชายสองสามคนยืนหน้าประตูกำลังเปิดประตู
ชายหนุ่มรูปร่างสูงยืนโมโหอยู่ที่มุมหนึ่งของบันได ดวงตาสีเข้มมีประกายเย็นชา สายตาจับจ้องที่ประตู
เวินจิ้งถามสีหน้าไม่แสดงความรู้สึก “มู่วี่สิง คุณกำลังทำอะไร”
เสียงของหญิงสาวดังก้องทั่วทางเดินที่เงียบสงบ ร่างสูงตระหง่านของชายหนุ่มขยับเล็กน้อย ก็มองเห็นเธอแล้ว สายตาเป็นประกายทันใด ก้าวเท้ายาวเข้ามาหาเธอ
เขาขยับริมฝีปาก สายตาจริงจัง และยังแฝงความประหลาดใจและความดีใจที่ระงับไว้ เสียงที่ออกมาจากลำคอเคร่งขรึม “คุณไปไหนมา”
เขาคิดว่าเธอหนีไปแล้วอย่างนั้นหรือ ต่อให้เธอหนีไปแล้วจริงเขาเปิดล็อกได้จะมีประโยชน์อะไร
“กินข้าวเช้า ซื้อกับข้าว” สายตาสงสัยของเธอกวาดมองผู้ชายหลายคนที่ใส่เสื้อพิมพ์ชื่อบริษัทเปิดล็อกประตู “คุณคิดจะทำอะไรกับประตูของฉัน”
มู่วี่สิงมองเธอสีหน้าเรียบเฉย “คุณเปลี่ยนรหัสหรือ”
“นี่มันบ้านฉัน เปลี่ยนรหัสไม่ได้หรือไง”
แต่แรกคิดว่าเขาคงจะโกรธ ใครจะไปคิดชายหนุ่มแค่เม้มริมฝีปาก สายตายังเผยให้เห็นรอยยิ้ม น้ำเสียงก็เอาใจ คล้ายกับเวินจิ้งพูดอะไรที่ทำให้เขามีความสุขเสียเหลือเกิน
“อึม นี่มันบ้านคุณ คุณย่อมจะทำอะไรก็ได้”
เวินจิ้งเม้มริมฝีปาก เพิ่งจะคิดขึ้นมาได้ นี่เป็นห้องของเขา…
เธอพูดว่าบ้านของเธอ เขาถึงได้ดีใจขนาดนั้น
มู่วี่สิงโบกมือ ไล่ให้พนักงานที่มาเปิดประตูกลับไป เดินตามเธอเข้าห้องและไม่ลืมที่จะอธิบายเสียงดัง “นั่นเป็นคนของบริษัทเปิดล็อกประตูโดยเฉพาะ ไม่ใช่คนของผม”
เวินจิ้ง:……
ตอนนี้ประเด็นสำคัญคือเขาพยายามเปิดประตูบ้านของเธอโดยใช่เหตุไม่ใช่เขาใช้อำนาจของตัวเองหรือไม่!
“คุณมาแต่เช้ามีธุระอะไรมั้ย” เธอเสียบปลั๊กตู้เย็น แล้วทยอยเรียงอาหารที่ซื้อมาเข้าไป และเริ่มทำความสะอาดอพาร์ทเมนท์
แม้ชายหนุ่มจะถูกเมินเฉย แต่ยังคงตามติดเธออย่างกับเงา ผ่านไปสิบนาที เขาพูดเสียงแหบเจือด้วยความรู้สึกน้อยใจ “จิ้งจิ้ง ผมหิวแล้ว”
เขามาแต่เช้าพบว่าประตูล็อกเปิดไม่ได้ กดกริ่งอยู่นานก็ไม่มีคนตอบรับ
ท่าทางของเวินจิ้งเรียบเฉย หยิบผ้ามาเช็ดฝุ่นที่ซอกมุม “งั้นคุณกลับไปบ้านตระกูลมู่สิ มีคนทำอาหารเช้าให้คุณ”
หยดเหงื่อบางๆ เมื่อสะท้อนแสงไฟเห็นเป็นประกายหยดน้ำ เขาเจ็บลึกในใจ ลุกขึ้นไปหยิบของในมือเธอ ขมวดคิ้ว “ผมให้คนรับใช้ที่บ้านตระกูลมู่มาช่วย งานพวกนี้คุณไม่ต้องทำ”
เวินจิ้งดึงผ้าเช็ดฝุ่นกลับมา “คุณดูไม่ออกหรือคะ เทียบกับที่บ้านตระกูลมู่ ฉันชอบชีวิตที่นี่มากกว่า ไม่ต้องส่งคนรับใช้มา”
ก็แค่งานบ้านง่ายๆ เธอทำได้แน่นอน
แต่มู่วี่สิงแย่งกลับมาอีกครั้ง ใบหน้ามุ่งมั่นของเขาไม่แสดงความรู้สึก นิ้วเรียวยาวจับผ้าเช็ดฝุ่นที่สกปรกผืนนั้น จากนั้นก็เอามาเช็ดตู้วางโทรทัศน์ เสียงเคร่งขรึม “ก็ได้ ผมทำเอง”
“มู่วี่สิง เมื่อไรคุณจะจำได้ว่าตัวเองเป็นคนป่วย!” เวินจิ้งรู้สึกปวดหัวสุดจะทน
ชายหนุ่มหันมา สายตากังวลอย่างมากจับจ้องใบหน้าของเธอ “คุณเอาแต่คิดเรื่องที่ผมบาดเจ็บ จิ้งจิ้ง คุณเป็นห่วงผมไหม”
สายตาของเธอนิ่งอึ้ง ไม่พูดอะไร
เขาขยับเข้ามาใกล้จูบที่แก้มของเธอที่ยังยืนนิ่งอึ้ง เสียงแหบบ่งบอกถึงความรัก “แต่ผมเป็นห่วง คุณอยู่คนเดียวผมก็เป็นห่วง คุณทำงานบ้านผมก็เป็นห่วง ถึงได้มานี่ไง”
เขาไม่ได้พูดว่าคิดถึงเธอ เพียงแต่บอกว่าเป็นห่วงที่เธออยู่คนเดียว
นิ้วของเธอกำแน่น พูดเสียงเย็นชา “มู่วี่สิง ฉันอยู่คนเดียวสบายดี ฉันย้ายออกมาเพราะไม่อยากเห็นคุณไม่อยากเจอคุณ ฟังไม่เข้าใจหรือไง”
เขาขยับเข้ามากอดเธอแน่น คางเกยผมของเธอ “คุณไม่ชอบ อึม ผมรู้แล้ว”
ชอบอยู่คนเดียวทำให้เกิดความเป็นความเคยชิน เขาจะไม่ยอมให้เธอเกิดความเคยชินเช่นนี้ เขาไม่มีทางยอมให้เธอมีโอกาสเคยชินเวลาที่เขาไม่อยู่
เธอหลับตา ในใจรู้สึกรวดร้าวนิดๆ
“ถึงอยู่กับฉันไม่มีความสุข คุณก็ยืนยันไม่ยอมหย่าใช่มั้ย” เธอถามเรียบๆ
หัวใจของมู่วี่สิงบีบแน่นครู่หนึ่ง ใบหน้ายังเรียบเฉยไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย “เวินจิ้ง ผมกำลังจีบคุณจริงจัง ผมจะจีบคุณใหม่”
อย่ามอบโทษประหารให้เขาตั้งแต่แรก นั่นไม่ยุติธรรมกับเขา!
เขาจุมพิตใบหน้าของเธอ เสียงของเขาต่ำมาก พึมพำ “ผมรู้ตัวว่าเคยทำให้คุณเจ็บ ผมยอมให้คุณลงโทษ ขอแค่อย่าลงโทษประหารหรือจำคุกตลอดชีวิต ผมยอมรับได้ทุกอย่าง”
นอกจากโทษประหารกับโทษจำคุกตลอดชีวิต…
แต่แรกเขาต่างหากที่เคยลงโทษประหารเธอไม่ใช่หรือ…การแยกทางกันที่ตั้งใจขนาดนั้น
เธอจับตู้ผละจากอ้อมกอดของเขา เดินเข้าไปในห้องนอนเงียบๆ หายไปจากสายตาเขาอย่างรวดเร็ว
บางทีผมยาวประบ่าก็พลิ้วไหวตามลม ร่างนั้นเคลื่อนไปอย่างรวดเร็ว
ใจของเขารู้สึกเจ็บปวดเหมือนถูกแทงอีกครั้ง
เขายืนมองประตูห้องนอนที่ปิดสนิทนานถึงห้านาที ริมฝีปากบางขยับให้เห็นรอยยิ้มเยาะตัวเอง หันไปหยิบผ้าที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมา สีหน้าเรียบเฉยแล้วเช็ดตรงที่เธอยังไม่เช็ดให้เรียบร้อยจนครบถ้วน
ในที่สุด หลังผ่านไปหนึ่งชั่วโมง เขามองอพาร์ทเมนท์ที่ตัวเองเก็บกวาดจนสะอาดสะอ้านอย่างพึงพอใจมาก หลังจากล้างมือรู้สึกว่าหิวจนทนไม่ไหว เหลือบมองเวลาบนผนัง สีหน้าขรึม มิน่าตอนนี้สิบเอ็ดโมงแล้ว
แต่หญิงสาวที่ขังตัวเองอยู่ในห้องนอนไม่มีทีท่าว่าจะออกมา ครุ่นคิดครู่หนึ่ง ในที่สุดก็คิดว่าเขาอยากจะจีบภรรยาต้องใช้หลักการหน้าหนาไปเคาะประตู
เสียงแหบเจือความน่าสงสาร “จิ้งจิ้ง ผมทำความสะอาดเสร็จแล้ว กินข้าวได้ยัง”
เวินจิ้งนั่งพิงประตู ไม่ได้ฟังที่เขาพูด รู้แต่ว่าข้างนอกมีการเคลื่อนไหวแสดงว่าเขายังไม่กลับไป แต่ไม่รู้ว่าระหว่างนี้เขาทำอะไร
ครู่ใหญ่ เธอลุกขึ้น เปิดประตูสีหน้าเรียบเฉย มองไปก็เห็นทุกซอกมุมของห้องรับแขกถูกเช็ดจนสะอาดวิบวับ…แม้แต่พื้นก็ไม่มีร่องรอยเลอะเทอะ
ชายหนุ่มเดินเข้ามาประคองใบหน้าเธอ ถามอย่างระมัดระวัง “ผมเก็บกวาดเสร็จแล้ว เห็นแก่ที่ผมตั้งใจขนาดนี้ หาข้าวให้ผมกินได้ไหม”
มือของเขาด้านนิดๆ เมื่อเสียดสีผิวของเธอรู้สึกสากๆ ใบหน้าคมคายรู้สึกได้ถึงความเอาแต่ใจแบบเด็กๆ ครึ่งหยอกล้อครึ่งน้อยใจ ลมหายใจที่คุ้นเคยรดคอของเธอ “ผมหิวมาก จิ้งจิ้ง”
ใจสั่นเบาๆ หายใจแรง เธอพึมพำ “คุณกลับไปบ้านตระกูลมู่ ยังทันเวลาอาหารเที่ยงค่ะ”