Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 766
บทที่ 766 ครั้งนี้เขาไม่ต้องการคุณอีกแล้ว
ในเมื่อมู่ซีมาเพื่อยั่วยุเธอ ก็เป็นธรรมดาที่เธอจะรับไม่ได้กับท่าทีของเวินจิ้งเช่นนี้ เธอจึงพูดอย่างเย็นชาว่า “เวินจิ้ง เธออย่าทำท่าทางสูงส่งเช่นนี้อีกเลย ตอนนี้เธอไม่ใช่คุณนายมู่แล้ว แต่เป็นฆาตกร!”
มองดูสีหน้าเวินจิ้งที่เรียบเฉย น้ำเสียงเยือกเย็น “เธอไม่อยากรู้เลยหรอว่าทำไมมู่วี่สิงถึงไม่มาเจอเธอกลับส่งฉันมาแทน”
“ถ้าฉันบอกว่าไม่อยากรู้มันคงดูเหมือนผิดแผนการของเธอสิ”
ความจริงเธอไม่อยากรู้เลยจริงๆ
“เขาฟื้นคืนความจำแล้ว”
ได้ยินดังนั้น เวินจิ้งที่กำลังเปิดหนังสืออยู่ได้หยุดชะงักขึ้น แววตาเธอหดลงชั่วขณะ “แล้วไง”
เขาฟื้นคืนความจำแล้ว เกี่ยวข้องอะไรกับการที่ไม่มาเจอเธอ
“ตอนนี้เขาได้พยายามคิดหาวิธีที่จะช่วยพี่ออกมา แต่คนที่ยุ่งจริงๆก็คือลี่หนานเฉิงกับทนายความ คดีของเธอแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะชนะ เขาจึงไม่อยากเปลืองพลังไปกับพี่อีกแล้ว
มู่ซีพูดไปพลางสังเกตท่าทีความเปลี่ยนแปลงของเธอ แต่กลับไม่พบสิ่งใดๆ
“พี่สะใภ้ พี่ก็เป็นคนที่มีเหตุผล พี่เข้าใจพี่มู่วี่สิงอยู่ใช่ไหม”
เวินจิ้งเปิดหนังสือหน้าต่อไป พูดเบาๆขึ้น “ฉันเคยพูดแล้ว ช่วยได้ก็ช่วย ฉันไม่เคยไปบังคับเขาแต่อย่างใด”
มู่ซีกัดฟัน ผู้หญิงคนนี้ช่างใจเย็นมากจนทำให้เธอถึงกับกัดฟัน เธอหัวเราะอย่างดูแคลน “ถ้าเธอแน่จริงก็ทำให้เขาไม่ต้องมายุ่งเรื่องของเธออีกสิ!”
เวินจิ้งหัวเราะ “เธอต้องการให้เขาเลิกสนใจตัวฉันขนาดนี้ นั่นไม่ใช่เป็นเวลาการแสดงความสามารถของเธอหรอกเหรอ”
เวลานี้มู่ซีได้เข้าใจแล้วว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าช่างมั่นอกมั่นใจว่ามู่วี่สิงรักเพียงแต่เธอ
“ถ้าหากว่าเขาปล่อยมือจริงๆ แล้วต้องการหย่ากับพี่ พี่จะเปลี่ยนใจหรือเปล่า”
เวินจิ้งยิ้มจางๆ “พวกเราดูเหมือนจะไม่สนิทกันนะ ฉันจำเป็นจะต้องคุยเปิดใจกับเธอแบบนี้ด้วยหรอ ฉันจะเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนใจ ก็ไม่มีทางที่จะบอกกับเธอ”
เธอเงยหน้าขึ้นด้วยแววตาแดกดันประชดประชัน ราวกับว่าหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าก็เป็นแค่ตัวตลกเท่านั้นเอง
มู่ซีเม้มปาก ถูกเวินจิ้งทับถมด้วยคำพูดจนไม่สามารถตอบโต้ได้
เธอกำหมัดแน่นเงยหน้าขึ้น พูดด้วยน้ำเสียงยโส “เวินจิ้งครั้งนี้เขาไม่ต้องการเธออีกแล้ว”
เมื่อจบประโยค ทำการยืดสันหลังแล้วก็จากไปอย่างเย็นชา
เมื่อเธอจากไปแล้ว แสงไฟที่ริบหรี่คือหญิงสาวที่เย็นชาด้วยสีหน้าที่ยังคงเรียบเฉย
จนกระทั่งถึงวันที่ขึ้นศาล เวินจิ้งก็ไม่ได้พบเจอกับมู่วี่สิง ลู่เซิ่นก็ไม่ได้มาปรากฏตัวอีก
ในวันขึ้นชั้นศาล เวินจิ้งที่ใบหน้ายังคงสุขุมเยือกเย็น
ก่อนพิธีการเปิดศาลอย่างเป็นทางการมู่ซีควงแขนของมู่วี่สิงแล้วเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ ใบหน้าที่อ่อนวัยและสวยงามส่งรอยยิ้มยียวนให้
เวินจิ้งมองอย่างเมินเฉย แต่มันช่างบาดตาจริงๆ
มองแค่แวบเดียว ริมฝีปากอมชมพูยังคงมีรอยยิ้มที่จางๆ
มู่วี่สิงเอ่ยปากขึ้นก่อน แม้ว่าสายตาจะจดจ่ออยู่ที่เวินจิ้ง แต่คำพูดนั้นกำลังพูดกับมู่ซี “เธอออกไปก่อน”
มู่ซีหน้ามุ่ยพูดอย่างไม่พอใจ “ทำไมต้องให้ฉันออกไป สิ่งที่พวกคุณพูดฉันจะอยู่ฟังด้วยไม่ได้หรือไง”
ใบหน้าฝ่ายชายที่ยังคงไม่แสดงอาการใดๆ “ผมไม่ต้องการพูดเป็นครั้งที่สาม ออกไป”
มู่ซีกระทืบเท้าด้วยความโกรธ เผยท่าทางขี้งอนออกมาอย่างไม่ต้องสงสัย
เวินจิ้งยังคงไม่แม้แต่จะมองไปที่เธอ
สถานที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้คือห้องสำนักงาน มู่วี่สิงมีเรื่องต้องการจะคุยกับเธอ ถึงได้พาเธอมาที่ห้องนี้
เอวของเวินจิ้งพิงอยู่กับโต๊ะหนังสือที่แข็งที่อยู่ด้านหลัง และเงยหน้าขึ้นมองชายที่อยู่ตรงหน้าของตัวเอง
เขายังคงรูปหล่ออย่างเคย แต่ว่าสีหน้าของเขานั้นเคร่งขรึมมาก หนวดเคราครึ้มขึ้นบริเวณคาง ดูมีความเป็นผู้ชายมากกว่าตอนที่ใบหน้าสะอาดสะอ้าน
เวินจิ้งพูดขึ้นอย่างลอยๆ “ทำไมคุณถึงลงเอยกับเธอได้”
มีเพียงผู้หญิงที่ไม่มีไอคิวอย่างมู่ซีมาพูดให้แตกแยก บอกว่า มู่วี่สิงฟื้นคืนความจำแล้ว ถ้าเขาฟื้นคืนความจำจริง…..มู่ซีจะอยู่ในสายตาหรอ
มู่วี่สิงก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว แขนสองข้างโอบร่างที่บอบบาง กลิ่นลมหายใจของชายที่คุ้นเคยได้ปกคลุม เสียงทุ้มต่ำกระทบดังข้างหู ดวงตาที่ลุ่มลึก “เวินจิ้ง คุณจะรอผมไหม”
“รอคุณ?” เวินจิ้งเงยหน้าขึ้น ย้ำสองคำนี้อย่างซ้ำๆ ด้วยรอยยิ้มเย็นชา “คนที่ไม่รู้ อาจคิดว่าคงเป็นคุณที่ถูกตัดสินคดีความในอีกสักครู่”
มือบางๆลูบไล้อยู่ที่หน้ารูปไข่ ดวงตาของเขาที่ลุ่มลึกมากๆ อีกทั้งท่าทางดื้อรั้นที่ไม่เคยมีมาก่อน “คุณจะรอผมได้ไหม จิ้งจิ้ง”
ถ้าหากเขาจะลองเดิมพันสักตั้ง เธอจะรอเขาได้ไหม
มันจะไม่นาน ไม่นานจริงๆ
เวินจิ้งก้มต่ำลง ใบหน้ามีรอยยิ้มจางๆ เธอจ้องไปที่ดวงตาของเขาอย่างไม่ลังเล “ฉันไม่รอ”
เธอไม่มีเวลาเหลืออีกแล้ว จะให้เธอรออะไรอีก แม้แต่เวลาสองปีก็ไม่มีอีกแล้วในตอนนี้
“รอผมไม่ได้ใช่ไหม” เขาพึมพำ มือของเขายังคงปัดอยู่ที่ใบหน้ารูปไข่อย่างอ่อนโยน “คุณจะไม่ให้โอกาสผมแม้แต่สักนิดเดียวจริงๆเหรอ”
เขามองดวงตาของเธอ ด้วยแววตาที่เยาะเย้ยตัวเอง “แม้ว่าคุณจะรู้ว่าหลินยี่ยังมีชีวิตอยู่ คุณก็จะไม่ให้โอกาสผมอีกสักครั้งใช่ไหม”
เวินจิ้งประหลาดใจ แต่ก็แค่เพียงเล็กน้อย
เธอเม้มปากและไม่ได้พูดอะไร
ห้องสำนักงานที่สว่างไสวได้สงบเงียบลง เหลือไว้เพียงลมหายใจที่ขุ่นมัวให้ไหลผ่าน เขาเสียงต่ำ “ผมเข้าใจแล้ว”
ผู้ชายก้มหน้าลง แล้วประทับรอยจูบเบาๆลงที่แก้มของเธอ พร้อมกับลมหายใจอุ่นๆที่คุ้นเคย “คุณอยากจะจากไปพร้อมกับลู่เซิ่นไหม”
เวินจิ้งเงยหน้าขึ้นทันใด “มู่วี่สิง พี่ของฉัน…..”
“ผมรู้ทุกอย่าง” มือของเขาลูบไล้อยู่ใบหน้าเธอที่นุ่มนวล พูดพึมพำ “ผมรู้ว่าคุณได้ตัดสินใจที่จะจากไปกับเขาแล้ว วางใจได้”
ชายที่ใบหน้างดงามดุจเทพเผยรอยยิ้มออกมา “ผมจะปล่อยคุณไป”
เวลานี้เธอไม่เข้าใจในความหมายของคำพูดมู่วี่สิง…..
…..
การพิจารณาคดีได้เริ่มขึ้น ผู้คนที่ปรากฏในชั้นศาลคือชุดเดียวกับครั้งที่แล้ว ที่เพิ่มเติมคือลู่เซิ่น
ลักษณะของเขาตอนนี้ก็เหมือนกับตอนที่มาเยี่ยม เฉยเมยเย็นชา
ทนายความแก้ต่างของเวินจิ้งเป็นตัวแทนยื่นอุทธรณ์ เมื่อไม่เป็นที่พอจึงอุทธรณ์ไปเรื่อยๆ
การพิจารณาคดีครั้งนี้ดูเงียบสงบจนรู้สึกหดหู่
ทนายความของโจทก์ได้ยื่นหลักฐานชิ้นใหม่ ต้องการจะเปิดคลิปวิดีโอคลิปใหม่
เวินจิ้งขมวดคิ้ว ยังคงมองไปยังชายผู้เงียบขรึม ภายในจิตใจเริ่มรู้สึกเป็นพะวง
ทันใดนั้นเธอนึกถึงคำถามของเขาที่ดังก้องข้างใบหูเธอ ——จิ้งจิ้ง คุณจะรอผมได้ไหม”
เมื่อเสียงจากคลิปวิดีโอดังเข้ามาในหูเธอ เธอถึงจะเบิกตาและหันหน้าไป
อันที่จริงคลิปวิดีโอนี้ก็ไม่ได้แตกต่างจากคลิปวิดีโอที่แล้ว ชนิดที่ว่าถ้าไม่ตั้งใจดู ก็จะไม่เห็นถึงความแตกต่าง
ผู้คนในชั้นศาลต่างส่งเสียงดังอย่างตื่นตกใจ ยิ่งใบหน้าหลิงเหยาดูยิ่งตกใจมู่ซีขาวซีดด้วยความไม่น่าเชื่อ สีหน้าทุกคนต่างแสดงออกแตกต่างกันออกไป
แม้แต่ลู่เซิ่นที่ดูใจเย็นก็ถึงกับขมวดคิ้ว
ความจริงแล้วนี่ก็เป็นเพียงภาพจากกล้องวงจรปิดอีกมุมหนึ่ง แต่ว่าภาพได้เพิ่มเติมบางคนที่เห็นไม่ค่อยชัดเจนนั่งอยู่ในรถ คลิปก่อนหน้านี้มีเพียงเวินจิ้งที่อยู่ในรถ แต่ว่าคลิปวงจรปิดนี้กลับเห็นมีชายหนึ่งคนได้นั่งอยู่ข้างคนขับอยู่ตลอดเวลา
และชายผู้นี้มีท่าทียื้อแย่งพวงมาลัยรถที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน
เวินจิ้งตกใจอยู่กับที่
มู่วี่สิง…..เปลี่ยนตัวหลิงเหยาเป็นตัวเขาเองเหรอ