Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 774
บทที่ 774 ไม่อยากทำร้ายใคร
เวินจิ้งรีบกอดเวินซินทันทีแล้วพูดกล่อม “เด็กดี คุณหมอหยูจะวัดไข้ให้ลูก ยกมือขึ้นมา”
แต่เวินซินกัดปากแน่น ดวงตาไร้เดียงสาคู่หนึ่งกะพริบกว้าง วินาทีต่อมาน้ำตาก็ไหลลงมา
เวินจิ้งขมวดคิ้ว เธอไม่มีประสบการณ์กับเด็ก พอเห็นลูกสาวร้องไห้หลายๆ ครั้งก็ทำอะไรไม่ถูก พยายามปลอบให้ดีที่สุด
หยูจิ่งห้วนก็เห็นได้ชัดเช่นกัน โน้มตัวลง เขานิ่งไป เขาควักอมยิ้มออกมาเหมือนเล่นมายากล กระดาษห่อเป็นลายสโนว์ไวท์
ดวงตาเวินซินกะพริบ มือเล็กอวบยกขึ้นรีบคว้าอมยิ้มและยิ้มขึ้นมาทันที
อารมณ์นี้ไม่แน่ไม่นอนเหมือนกับสภาพอากาศจริงๆ
หยูจิ่งห้วนก็หัวเราะเช่นกัน ตอนเวินซินกำลังดึงกระดาษห่ออมยิ้มออก เวินจิ้งก็เอาปรอทวัดไข้วางใต้รักแร้ของลูกสาวจากนั้นก็กอดเธอ
เดี๋ยวเวินซินจะต้องไปฉีดยา ทานอาหารเช้าเสร็จเวินจิ้งก็นำปรอทวัดไข้ออกมา ไข้ลดลงเกือบหมดแล้ว
เธอถอนหายใจ
หยูจิ่งห้วนต้องไปผ่าตัดแล้ว ไม่นานพยาบาลก็มาฉีดยาให้เวินซิน เวินจิ้งวางแผนว่าจะส่งลูกกลับบ้านก่อน ตอนบ่ายจะลางานมาอยู่บ้านเป็นเพื่อนลูกสาว
หลินยี่มารับเธอ เวินจิ้งเพิ่งอุ้มลูกสาวลงมาชั้นหนึ่ง วันนี้บรรยากาศชั้นหนึ่งของโรงพยาบาลค่อนข้างเคร่งเครียด เธอขมวดคิ้ว ตอนที่เบนสายตาขึ้นมาก็มีร่างคุ้นเคยเดินอยู่ข้างผู้อำนวยการไม่ไกลในสายตาเธอ
ตรงหน้าเธอมีพยาบาลหลายคนยืนอยู่เลยไม่ถูกพบเห็นได้ง่าย มู่วี่สิงและผู้อำนวยการเดินไปอีกทางหนึ่ง เวินจิ้งเห็นเขาเลี้ยวขวา จากนั้นก็เห็นแค่แผ่นหลังยาวของเขาเท่านั้น
จนกระทั่งมือของเวินซินจับเธออย่างนุ่มนวล เวินจิ้งถึงได้มีสติกลับมา
เธอผลุบตาลง สีหน้าเธอไม่มีความสั่นไหวแล้ว
คนที่อยู่ชั้นหนึ่งค่อยๆ แยกย้ายกันไป เวินจิ้งอุ้มลูกสาวออกมา วันนี้เวยอานต้องไปทำงาน หลินยี่มารับเธอ
เห็นได้ชัดว่าเขาก็เพิ่งเห็นมู่วี่สิงเช่นกัน ขมวดคิ้ว น้ำเสียงเย็นชาเล็กน้อย “มาช้าขนาดนี้ เห็นเขาแล้ว?”
“เห็นเขาไกลๆ” เวินจิ้งตอบ
“เธออยู่เมืองหนานและทำงานในโรงพยาบาล ต่อไปคงมีโอกาสเจอเขามาก” หลินยี่ขมวดคิ้ว มีความกังวลในสายตา
สีหน้าน้องสาวตอนเดินออกมาเมื่อครู่นี้ไม่ค่อยดีนัก
“อืม ยังไงเราก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกันนานแล้ว”
เธอส่งใบหย่าไปให้เขาแล้ว เขาน่าจะ……เซ็นแล้วมั้ง?
เราไม่มีความสัมพันธ์ระหว่างกันอีกต่อไป
“พ่อของลูกสาวเธอก็คือเขา ไม่มีความเกี่ยวข้องกันเหรอ? ”
เวินจิ้งเบ้ปากเล็ก ลูกสาวเป็นของเธอ ตั้งแต่เธอให้กำเนิดเธอโดยลำพัง ก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับมู่วี่สิง
อยู่เป็นเพื่อนเวินซินที่บ้านสามวันเต็ม เวินจิ้งยากมากที่จะชดเชยวันหยุด วันจันทร์ต้องกลับไปทำงานที่โรงพยาบาล
ปกติสาวใช้ในบ้านและเวยอานจะดูแลเวินซิน แต่ตอนนี้เวยอานเป็นหัวหน้าพยาบาลที่โรงพยาบาลจงซิน ไม่ค่อยมีเวลาว่างมากนักในช่วงปกติ เวินจิ้งพยายามทำงานให้เสร็จในช่วงกลางวัน ตอนกลางคืนจะใช้เวลาอยู่กับลูกสาว
ถึงแม้วันแบบนี้จะยุ่งมาก แต่ก็เต็มอิ่มมาก
ได้เห็นลูกสาวเติบโตทุกวัน ไม่สามารถอยู่กับเขาได้ แต่ก็ยังมีลูกในสายเลือดเขา ก็ถือว่าไม่น่าเสียดายจนเกินไป
ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ตอนแรกเวินจิ้งวางแผนจะพาลูกสาว พี่ชายและเวยอานออกไปเที่ยวข้างนอก จู่ๆ โรงพยาบาลก็แจ้งให้กลับไปประชุม เวินจิ้งต้องรีบกลับไปทันที
การประชุมแลกเปลี่ยนวิชาการด้านประสาทวิทยาประจำปีจัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยหนานเฉิงในปีนี้ เธอและหยูจิ่งห้วนถูกจัดตารางให้เข้าร่วมการประชุมและกล่าวสุนทรพจน์ในนามของโรงพยาบาล
ได้รับตารางการประชุมและรายชื่อแล้ว ชื่อแรกด้านบนคือมู่วี่สิง
เวินจิ้งไม่ได้หยุดสายตา เริ่มเตรียมเนื้อหาสุนทรพจน์ของตัวเอง
หยูจิ่งห้วนพูดคุยกับเธอ เนื่องจากอีกสามวันประชุม เวลาเลยค่อนข้างเร่งด่วน
“ถ้าไม่อยากไป ผมไปคุยกับผู้อำนวยการให้ได้นะ” หยูจิ่งห้วนเอ่ยปากทันที
“ทำไมไม่อยากไป?” เวินจิ้งเลิกคิ้ว
“ผมคิดว่าคุณคงไม่อยากไป” เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าเวินจิ้ง หยูจิ่งห้วนรู้สึกว่าตัวเองคงคิดมากไป
“นี่เป็นโอกาสดีที่จะได้เรียนรู้ แต่เป็นครั้งแรกที่ได้กล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุมใหญ่แบบนี้ ฉันรู้สึกประหม่ามากจริงๆ” เวินจิ้งไม่ได้ซ่อนอารมณ์ของตัวเอง
อย่างไรแล้วตัวเองก็หยุดงานมานานมาก โอกาสแบบนี้ไม่ได้มาง่ายนัก
“อยากให้ผมช่วยก็บอกได้เต็มที่เลยนะ”
“ขอบคุณค่ะ”
เวินจิ้งพูดอย่างจริงใจ ตั้งแต่ที่ได้เข้ามาทำงาน เธอรู้สึกขอบคุณมากที่หยูจิ่งห้วนดูแลเธอ
“ถ้าอยากขอบคุณผม ชดเชยมื้ออาหารที่ติดผมก่อนหน้านี้ได้ไหม? ”
“ได้สิคะ แต่ฉันต้องไปรับซินซินที่โรงเรียนก่อน”
“คืนนี้ผมไปส่งคุณเอง”
ตอนกลางคืน ร้านอาหารที่หยูจิ่งห้วนจองไว้เป็นร้านอาหารตะวันตกที่มีบรรยากาศดีมาก เวินจิ้งส่งลูกสาวขึ้นไปข้างบน กล่อมเธอจนหลับแล้วถึงได้กลับห้องไปเปลี่ยนชุด หยูจิ่งห้วนรออยู่ข้างล่างตลอด
ตอนออกมาเวยอานเพิ่งกลับมา เห็นเวินจิ้งกำลังออกไป นึกถึงรถคุ้นเคยที่เห็นชั้นล่างเมื่อครู่นี้ “เธอจะกลับโรงพยาบาลเหรอ? ”
“ไปกินข้าว”
“หืม ไปกับคุณหมอหยูคนเดียวเหรอ? ” เวยอ่านเลิกคิ้วใส่เธอ
“คราวที่แล้วซินซินเป็นไข้ เขาช่วยไว้เยอะเลย ถือว่าขอบคุณเขาแล้วกัน”
“ก็ได้ คืนนี้กลับดึกหน่อยไม่เป็นไรนะ” เวยอานตบบ่าเธอ
เวินจิ้งย่นหน้าผากบนใบหน้า เธอย้ำ “คิดอะไรน่ะ แค่กินข้าว”
“ทั้งโรงพยาบาลเขารู้กันหมดว่าคุณหมอหยูชอบเธอ เขารอเธอมานานมากแล้วนะ”
เวินจิ้งเดินเข้าไปในลิฟต์ สิ่งที่เวยอานพูดกับเธอปกติเธอก็ได้ยินมาไม่น้อย แค่ทำงานในโรงพยาบาลเดียวกัน เธอไม่สามารถหลีกเลี่ยงหยูจิ่งห้วนได้อยู่แล้ว
แต่ให้เธอยอมรับเขา ก็ดูเหมือนเป็นเรื่องที่ห่างไกลมาก
อย่างน้อยตอนนี้ เธอยังทำไม่ได้
ไม่อยากทำร้ายใคร
ร้านอาหารที่หยูจิ่งห้วนจองไว้เป็นร้านอาหารเวียดนามริมฝั่งแม่น้ำ ดนตรีเพราะ ไฟสว่าง บรรยากาศดีมาก
“คิดว่าที่นี่เป็นไงบ้าง? ” รินไวน์แดงให้เธอหนึ่งแก้ว หยูจิ่งห้วนถามเธออย่างประหม่า
จริงๆ แล้วเขาเข้าใจเวินจิ้งแค่เรื่องงาน สำหรับรสนิยมของเธอ เขากำลังค้นหาเรื่อยๆ
“อ่อ รู้สึกหนาวไปหน่อยค่ะ” เวินจิ้งตอบอย่างกระอักกระอ่วน
ที่นี่เป็นที่แจ้ง และคืนนี้ดูเหมือนจะมีลมแรงเล็กน้อย เธอดันไม่ได้สวมเสื้อโค้ตออกมา
วินาทีต่อมา หยูจิ่งห้วนก็เรียกพนักงานเสิร์ฟมาอย่างสุภาพ “ขอผ้าคลุมไหล่ให้ผมหน่อย ขอบคุณครับ”
“ผมไม่ได้คิดให้รอบคอบเองครับ” เขาขอโทษ
“ไม่เป็นไรค่ะ” เวินจิ้งมองเขา หนึ่งปีผ่านไป หยูจิ่งห้วนดูเหมือนไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมาก แต่กลับเปลี่ยนไปมากเลย
ตอนนี้เขาสงบและเป็นผู้ใหญ่มากกว่าแต่ก่อน เมื่อก่อนเขามีความเป็นเด็กนิดหน่อย ตอนนี้ไม่มีแล้ว
หนึ่งปีก่อนตอนเขาออกมาจากเมืองหนาน จากนั้นหยูจิ่งห้วนบอกเธอว่าเขายังคงอยู่ในครอบครัว แต่ระหว่างนี้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น บุคลิกเขาเปลี่ยนไป สุดท้ายเขาก็แยกตัวออกมาจากตระกูลหยูโดยสมบูรณ์ กลับมาเพียงคนเดียว
เรื่องราวของเขานั้นซ่อนลึกจนเกินไป