Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 813
บทที่ 813 ลักษณะท่าทางที่อ่อนโยนเช่นนี้ ไม่เคยเป็นมาก่อน
เวินจิ้งยิ้มจางๆ มู่ซีถึงกับประหลาดใจ เมื่อเธอเอื้อมมือไปรับแก้วเหล้าแก้วนั้นจริงๆ
ดูแล้ว…..น่าสมเพชจริงๆ….ที่ลดตัวไปรับแก้วเหล้าแก้วนั้นจากเธอ…..
แต่วินาทีต่อมา ——
“เวินจิ้ง!”
ทันใดนั้นของเหลวเย็นๆได้สาดกระเด็น กลิ่นเหล้าเข้มข้นได้กระจายไปทั่วใบหน้าของมู่ซี เธอจึงส่งเสียงกรีดร้องขึ้น พร้อมกับลุกขึ้นยืน
เวินจิ้งยังคงเย็นชา ท่าทางเฉยเมย เธอพูดขึ้นเบาๆ “เธอคิดว่าเธอมีคุณสมบัติพอที่จะเชิญฉันมาดื่มเหล้าด้วยเหรอ”
มู่ซีหายใจอย่างลึกๆ มองเวินจิ้งด้วยสายตาอาฆาต
แวบเดียวเธอก็มองทะลุความโกรธเกลียดของเธอ “อย่าโยนความผิดให้ฉันเรื่องที่เธอมีชีวิตความเป็นอยู่ในตอนนี้ ฉันไม่มีหน้าที่ที่ต้องมารับผิดชอบถึงผลที่เกิดขึ้นกับเธอ”
เมื่อเธอปล่อยมือ แก้วเหล้าใบใสก็ตกแตกกระจายเต็มพื้น ดวงตาของเธอเหมือนมีชั้นน้ำแข็งผุดขึ้น “เธอรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงออกดื่มเหล้า โดยเฉพาะวันนี้”
เธอพูดออกมาทีละคำๆ “ก็เพราะฉันกำลังคิดว่า ถ้าตอนนั้นฉันไม่กลิ้งตกลงมาจากบันได…..ลูกของฉันก็น่าจะหนึ่งขวบได้”
มันก็น่าขำที่เธอมาเจอกับมู่ซีที่นี่ ความทรงจำที่ได้เลือนรางกลับชัดเจนขึ้นในทันที
สีหน้ามู่ซีขาวซีดฉับพลัน เพราะสายตาลุ่มลึกเยือกเย็นของเวินจิ้ง
เธอทำเป็นใจเย็น แล้วค่อยๆยิ้มเยาะเย้ยออกมา “ที่แท้เธอก็ทำเพื่อลูกที่ถูกฆ่าด้วยน้ำมือของเธอเอง เพื่อต้องการใส่ร้ายฉันจึงฆ่าลูกในไส้ของตัวเอง เวินจิ้งเธอคงจะฝันร้ายทุกคืนสินะ”
มู่ซีมองสีหน้าของเวินจิ้งที่ดูไม่ค่อยจะสงบนิ่งเหมือนเมื่อสักครู่ เธอยิ่งยิ้มขึ้น “ลูกคนนั้นเธอเป็นคนฆ่าด้วยน้ำมือของเธอเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับฉันแม้แต่สักนิดเดียว”
เวินจิ้งที่กำหมัดแน่นอยู่ข้างๆ จึงหัวเราะขึ้น ก็จริงนะ เธอก็เหมือนกับมู่ซี ทำเองเจ็บเอง แล้วยังจะสรรหาเหตุผลเพื่อโทษคนอื่น
เหมือนกับว่าความผิดนั้นเกิดขึ้นจากคนอื่น ตัวเองจะได้ไม่รู้สึกเจ็บปวดทรมานมาก
ถึงแม้ว่าตอนนั้นเธอจะถูกกระตุ้นถูกหลอกลวงจากมู่ซี แต่การตัดสินใจครั้งนั้น…..เป็นการกระทำของเธอเอง เป็นการเลือกของเธอเอง เป็นการเลือก…..ที่จะไม่เก็บเด็กคนนั้นไว้
ทันใดนั้นเธอก็ไม่อยากสนใจอะไรอีก เหลือบไปมองมู่ซีที่แต่งหน้าอย่างเข้ม เธอคงผ่านเรื่องราวต่างๆมามากมาย เธออายุน้อยกว่าเธอมาก แต่ตอนนี้ดูเหมือนเธอจะดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเธอเสียอีก
เมื่อหันหลังกลับ เธอไม่อยากจะสนใจคนพวกนี้อีก จึงก้าวเท้าเพื่อจะจากไป
แต่ทว่าชายสองคนที่สวมชุดสูทสีดำได้เข้ามาขวางทางของเธอไว้
เวินจิ้งนิ่วหน้า หางตาเหลือบเห็นชายรูปร่างสูงเพรียวกำลังเดินมาทางนี้
ใบหน้ารูปงามของมู่วี่สิงที่มองไม่ออกว่าโกรธหรือไม่ ยื่นมือมาจับไหล่ของเวินจิ้ง ก้มหน้าลงก็ได้กลิ่นเหล้าจางๆจากตัวเธอ ดวงตาหยี จะเผยให้เห็นก็ต่อเมื่อยิ้มต่อหน้าเขาเท่านั้น
ประธานหซู่เห็นชายหนุ่มเย็นชารูปร่างสูงยาว จากอาการที่มึนเมาก็สร่างเมาทันที ชะงักมองชายผู้มีอำนาจที่สุดในเมืองหนานที่กำลังปลอบประโลมเวินจิ้งอย่างอ่อนโยน
ถึงแม้ว่าจะเจอมู่วี่สิงเพียงไม่กี่ครั้ง แต่ว่าความเย็นชาของเขาเป็นที่โจษจันซึ่งใครๆก็รู้จัก ลักษณะท่าทางที่อ่อนโยนเช่นนี้ ไม่เคยเป็นมาก่อน
และที่เป็นตอนนี้ ก็เพราะเวินจิ้งหญิงสาวคนนี้
ประธานหซู่นั่งอยู่บนโซฟาที่นุ่มนิ่ม กลับรู้สึกเหมือนนั่งอยู่บนกองไฟ
เวินจิ้งยื่นมือไปกอดเอวของมู่วี่สิง ลูบไล้ไปมาแล้วถามอย่างออดอ้อนว่า “คุณมาได้ยังไงคะ”
มู่วี่สิงก็กอดเธอ “มาดูการเต้นรำ”
ทันใดนั้นเวินจิ้งตะโกนขึ้นด้วยความไม่พอใจในคำตอบ “เวินซินหลับแล้วหรอ”
เขาตอบกลับ “อืม หลับแล้ว”
เธอตอบรับแล้วค่อยๆปิดตาซบลงที่หน้าอกของเขา “อย่างนั้นพวกเรากลับกันเถอะ ฉันก็ง่วงแล้วเช่นกัน”
เมื่อตอนกลางวันเธอนอนนานขนาดนั้น ตอนนี้ยังง่วงอีกหรือ
มู่วี่สิงก้มต่ำพูดว่ารอแป๊บ จากนั้นเงยหน้าขึ้น แววตาความรักความอ่อนโยนเหมือนเมื่อสักครู่ไม่หลงเหลือแล้ว เหลือไว้เพียงความเย็นชา “เมื่อกี้ใครแตะต้องตัวเธอ”
มู่ซีมองหญิงสาวที่ถูกกอดอยู่ในอ้อมแขน แล้วก็หัวเราะ เธอเชิดคางขึ้นพูด “คุณชายมู่จะโกรธอะไรกันนักกันหนาคะ พวกเราก็แค่เห็นคุณเวินอารมณ์ไม่ดีจึงแค่อยากเชิญเธอมาร่วมดื่มเท่านั้น”
สายตามู่วี่สิงยังคงเยือกเย็น แต่ไม่มีการจ้องจดจ่ออยู่ที่ใคร ให้ความรู้สึกเหมือนคนเหล่านั้นไม่ได้อยู่ในสายตา
“เชิญเธอดื่มเหล้างั้นเหรอ เธอมีคุณสมบัติอะไร”
สมแล้วที่เป็นสามีภรรยา คำพูดคำจาช่างเหมือนกันจริงๆ มู่ซีได้แต่คิดประชดประชัน
อยู่ท่ามกลางที่รายล้อมไปด้วยคนกลุ่มนี้ แต่กลับไม่มีใครกล้าเอ่ยปากพูดประธานหซู่จึงต้องลุกขึ้นยืนด้วยความจำใจ ยืนอยู่ตรงหน้ามู่วี่สิง ใบหน้ายิ้มแล้วพูดด้วยเสียงโทนต่ำ “ต้องขออภัยคุณชายมู่ด้วยครับ พวกเราไม่ทราบว่าคุณเวิน…..”
ไม่กล้าสบตามู่วี่สิง เขาจึงหันไปทางเวินจิ้ง “คุณเวินครับ ต้องขออภัยที่เสียมารยาท คุณอย่าได้ถือสาพวกเราเลยนะครับ”
เวินจิ้งที่รู้สึกรำคาญมาก จึงพูดขึ้นเบาๆ “พวกเราไปกันเถอะ ที่นี่เสียงดังเกินไป”
เมื่อสักครู่ยังรู้สึกอยู่เลยว่าบรรยากาศรอบๆมีความคึกคักหน่อย จิตใจถึงจะได้สงบ แต่ทำไมตอนนี้เธอกลับรู้สึกว่าที่ไหนก็เสียงดังไปหมด
“เวินจิ้ง คุณอย่ามาแสร้งทำเป็นคนดีไปหน่อยเลย!” มู่ซีพูดขึ้นอย่างเย็นชา รอยยิ้มก่อนหน้านั้นได้หายไปแล้ว เหลือเพียงความแดกดันที่เชือดเฉือน “ที่ฉันเป็นอยู่ตอนนี้ก็เป็นเพราะคุณ คุณมาที่นี่ก็เพื่ออยากจะมาเยาะเย้ยฉันไม่ใช่เหรอ….”
“เพี๊ยะ” เสียงตบดังฟังชัดได้ดังขึ้น มู่ซียังไม่ทันได้พูดจบ กลับต้องกลืนคำพูดเหล่านั้นกลับทันที
“หุบปากของเธอซะ! เธอไม่มีสิทธิ์พูดอะไรทั้งนั้น” ประธานหซู่ตะคอกใส่เธอด้วยความโกรธ และมองดูมู่ซีที่ล้มลงอยู่บนโซฟา
เมื่อเวินจิ้งได้ยินดังนั้นก็หันกลับมา หญิงสาวที่สวมใส่ชุดเดรสกระโปรงสั้นนอนทรุดอยู่บนโซฟาโดยมีเลือดค่อยๆไหลออกมาจากริมฝีปากเธอ
ประธานหซู่ยังคงหันไปทางมู่วี่สิงแล้วโค้งคำนับเพื่อกล่าวคำขอโทษ “ต้องขออภัยด้วยครับคุณชายมู่……แล้วผมจะสั่งสอนเธอครับ หรือว่า…..”
เขามองไปที่ใบหน้ารูปงามที่ไม่อาจคาดเดาอารมณ์ของผู้ชายคนนั้นอย่างระมัดระวัง “หรือท่านอยากจะลงมือเอง”
มู่วี่สิงที่สีหน้ายังคงไร้ความรู้สึก เพียงแต่ทิ้งประโยคว่า “อย่าให้เธอมาปรากฏตัวต่อหน้าภรรยาของผมอีก”
ประธานหซู่ชะงักขึ้นและเข้าใจความหมายของมู่วี่สิงทันที
เวินจิ้งขมวดคิ้ว เงยหน้ามองผู้ชายที่กำลังกอดตัวเธอ “คุณเป็นคนให้มู่ซีอยู่ที่นี่เหรอ”
มู่ซีบอกกับเธอแบบนี้เมื่อสักครู่ อีกทั้งสายตาที่เธอมองเธอนั้นมีแต่ความเกลียดชังและไม่พอใจ ซึ่งเธอก็พอจะเดาว่าคงน่าเป็นแบบนี้
มู่วี่สิงตอบรับเสียงเบาๆ ยกมือขึ้นเพื่อจัดผ้าพันคอของเธอให้เป็นระเบียบ “พวกเรากลับกันเถอะ”
เธอยอมให้เขาจัดผ้าพันคอให้อย่างตามใจ แต่สายตานั้นมองไปยังหญิงสาวที่อยู่บนโซฟาอย่างกระเซอะกระเซิง พูดด้วยน้ำเสียงใจเย็น “เธอสามารถไปจากที่นี่ได้ถ้าหากเธอต้องการ”
ในขณะที่เธอกำลังพูด สายตาเธอก็เหลือบไปมองร่างประธานหซู่ ถึงแม้ว่าจะไม่เย็นชาเท่ามู่วี่สิง แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้คนรอบตัวนั้นตกใจได้
“เธอสามารถเลือกที่จะเป็นแบบนี้ต่อไป หรืออยากทำงานอย่างอื่นก็ได้ ต่อไปจะไม่มีใครมาบังคับเธอได้อีก”
ประธานหซู่ถึงกับเหงื่อตก คำพูดของเวินจิ้งเป็นคำพูดที่พูดกับมู่ซี แต่ก็เหมือนพูดกับเขาด้วยเช่นกัน
ผู้หญิงคนนี้คงเป็นเพราะอยู่กับมู่วี่สิงเป็นเวลานาน ท่าทางเย็นชาจึงละม้ายคล้ายกัน