Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 884
บทที่ 884 นิสัยเผด็จการ
ฉินซีขมวดขึ้นอย่างช้าๆ ดูท่าแล้ว ทั้งบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป หวาดกลัวฉินซึ่งเทียนมาก
การกดขี่ข่มเหงในบริษัทแบบนี้ไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน
รวมกับเอกสารที่ตัวเองได้ดูที่หซู่หนานในเช้านี้……
คิ้วของฉินซีก็ขมวดมากขึ้นกว่าเดิม
ในตอนที่ผู้จัดการเอาคีย์การ์ดชั่วคราวมาให้ ก็เห็นท่าทีที่ฉินซีขมวดคิ้ว ในใจเกิดตกใจ
คุณหญิงคนนี้ไม่ใช่ว่าคิดเรื่องอื่นออกอีกนะ?
ยังดีที่เขาเดินไปอย่างระมัดวัง หลังจากที่ยื่นของให้ฉินซี เธอก็ไม่ได้พูดอะไรอีก พยักหน้าเดินจากไป
ผู้จัดการค่อยโล่งอกสักที เมื่อเห็นฉินซีเดินออกไป ก็รีบโทรหาฉินซึ่งเทียน
……
ฉินซีรับคีย์การ์ดมา แล้วเดินดูไปอีกสองสามแผนก ผู้จัดการแต่ละคนรู้สึกลำบากใจต่อเธอ ในใจก็คงพอรู้บ้างแล้ว
เธอไม่ได้จะทำให้พวกเขาลำบากใจ เพราะยังไงเธอก็ได้ข่าวสารที่ตัวเองอยากรู้มาแล้ว ยังอยู่ต่อที่นี่คงไม่มีความหมาย ก็กะจะเดินออกจากบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป
แต่เห็นได้ชัด มีคนไม่อยากให้เธอเดินจากไปแบบนี้
ตอนเช้าเธอนั่งรถของลู่เซิ่นมา ตอนนี้จะกลับไปคงจะต้องนั่งแท็กซี่ ในใจเธอยังคิดตลอดว่าตรงไหนสามารถขึ้นแท็กซี่ได้ พอกดปุ่มลงลิฟต์
ลิฟต์ก็ลงจากชั้นบน แต่พอเปิดออกตรงหน้าเธอ ในนั้นกลับไม่ได้ว่างเปล่า
คนที่ยืนอยู่ในนั้น มีบางคนที่ฉินซีเพิ่งเจอเมื่อกี้
ฉินซึ่งเทียน หลี่เหวยและหซู่หนาน
ฉินซียักคิ้ว แล้วเดินเข้าไป
ทันทีที่ประตูลิฟต์ปิดลงฉินซึ่งเทียนก็ปริปากอย่างอดไม่ได้ “ฉินซี แกอย่าคิดว่าแกเป็นผู้อำนวยการถือหุ้นส่วนไว้ก็จะสามารถยกมือยกไม้ในบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปได้! นี่แค่วันที่สอง แกก็รีบมาตรวจสอบบัญชีซะแล้ว ยังเอาคีย์การ์ดไปอีก แกหมายความว่าไง?”
ท่าทีของฉินซีดูเหมือนจะชิลล์กว่าฉินซึ่งเทียนเยอะ เธอเหลือบไปมองฉินซึ่งเทียนทีหนึ่ง พูดอย่างเฉยชาว่า “ฉันก็แค่ผ่านมาพอดี รวดแวะดูเท่านั้น คีย์การ์ดฉันควรมีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? ก็แค่ตรวจสอบบัญชีเก่าๆเฉยๆ ท่านจะร้อนรนอะไรกัน? หรือว่า……บัญชีของท่านมีอะไรบางอย่างที่ไม่ควรดูเหรอ?”
ราวกับจี้โดนจุดอ่อนของฉินซึ่งเทียน น้ำเสียงก็ดังขึ้นมา “ฉินซี! ฉันเป็นพ่อแก! แกพูดกับพ่อแกแบบนี้เหรอ——”
เขายังพูดไม่จบ ประตูลิฟต์ก็เปิดออก
ฉินซีไม่สนใจที่จะอยู่เพื่อฟังเสียงคำรามของเขา ว่าจะยกเท้าของเธอเพื่อเดินจากไป แต่หลี่เหวยที่ยืนอยู่ข้างประตูได้กดปุ่มปิดอย่างรวดเร็ว
ประตูลิฟต์ค่อยๆปิดลงต่อหน้าตัวเอง
ฉินซีกลอกตามองบน หันมาเผชิญหน้ากับฉินซึ่งเทียน
ฉินซึ่งเทียนอายุมากแล้ว ผมสีขาวตรงจอนเห็นได้ชัดเจน แต่เสียดายฉินซีไม่มีความเศร้าในใจ แค่แอบถอนหายใจในใจ ถ้าไม่ใช่ว่าเขาอายุมากแล้ว จะทำเรื่องอะไรก็คงไม่เบลอแบบนี้
“ตอนนี้ฉันเป็นผู้ถือหุ้นส่วนของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป สิ่งที่ฉันทำในวันนี้ไม่ได้ผิดปกติต่อบริษัท อีกอย่าง ฉันก็แค่แวะมาดูเฉยๆ ท่านไม่จำเป็นต้องตื่นเต้น” ฉินซียิ้ม “ยังไงหลังจากนี้ก็จะเจอฉันที่บริษัทบ่อยๆอยู่แล้ว ถ้าจะตกใจแบบนี้ทุกครั้ง ฉันกลัวว่าหัวใจคุณจะรับไม่ไหว”
พูดเสร็จ ไม่รอให้ฉินซึ่งเทียนตอบสนองอะไร เธอก็หันเข้าหาหลี่เหวย “อีกอย่าง อย่าคิดว่าหลบๆซ่อนๆจะมีประโยชน์ พวกเธอทำอะไรไว้ สักวันฉันจะเปิดโปงมัน”
หลี่เหวยมองแววตาของเธอ ก็ตกใจ มือก็ปล่อยลงจากปุ่มของลิฟต์
ประตูลิฟต์ค่อยๆเปิดอย่างช้าๆ
ฉินซีไม่สนใจที่จะอยู่ต่อที่นี่และเปลืองน้ำลายกับพวกเขา ยกเท้าแล้วเดินออกไป
แม้กระทั่งสายตาที่เหลือบมองหซู่หนานก็ไม่มี แม้ว่าสายตาของคนหลังจะจับจ้องเธอตั้งแต่ต้นจนจบ
ฉินซึ่งเทียนอยากจะตามออกไป กลับถูกหลี่เหวยดึงไว้ก่อน
“ข้างนอกมีคนมองอยู่”
หลี่เหวยพูดเสียงเบา
ฉินซึ่งเทียนกวาดสายตามอง ตามที่พูด สายตาของพนักงานแผนกต้อนรับกำลังจับจ้องมาทางนี้
เขากลัวว่าฉินซีจะพูดอะไรมากกว่านี้ต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก ซึ่งจะทำให้เขาเสียหน้า เลยหยุดความคิดที่จะตามออกไป
หลี่เหวยกดชั้น ประตูลิฟต์ก็ปิดลง
“หซู่หนาน นายพูดมาอย่างละเอียดเลยนะ วันนี้ฉินซีดูเอกสารอะไรไปบ้าง?”
ฉินซึ่งเทียนยังคงรู้สึกไม่สบายใจ เลยหันไปถามหซู่หนาน
ราวกับว่าคำพูดของเขาจะดึงสติของหซู่หนานกลับมา เงยหน้าขึ้นมามองเขาทันที แต่ก็ครุ่นคิดไปสักพักก่อนที่จะตอบ “เธอไม่มีสิทธิ์เข้าถึงฐานข้อมูล ผมก็ไม่ได้ให้เธอดูครับ เธอแค่เอาเอกสารที่วางบนโต๊ะผมขึ้นมาดู เป็นเพียงธุรกิจในประจำวันเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรสำคัญ”
ฉินซึ่งเทียนได้ยินนั้น ค่อยรู้สึกโล่งใจหน่อย
แต่หลี่เหวยยังคงขมวดคิ้วไว้
จากสัญชาตญาณของผู้หญิง เธอรู้สึกท่าทีแบบนั้นของฉินซี เหมือนเจอข่าวอะไรสำคัญเข้า
แต่ว่าเธอไม่มีหลักฐาน จึงไม่พูดอะไรมากระตุ้นฉินซึ่งเทียนอีก
ส่วนหซู่หนานนั้นแอบดีใจ หลี่เหวยรู้สึกระแวงที่ฉินซีมาแทรกแซงธุรกิจของบริษัท มากกว่าห่วงใยความรักของฉินหว่านและตัวเอง ดังนั้นเลยเบี่ยงเบนความสนใจได้ง่าย จึงไม่ได้ถามหาว่าทำไมฉินซีถึงอยู่กับตัวเองสองต่อสองที่ห้องทำงาน ดูเหมือนว่าไม่ได้ใส่ใจอะไรขนาดนั้นด้วย
ทั้งสามคนต่างคิดคนละอย่าง
……
ฉินซีเดินออกจากบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป มองซ้ายมองขวา ไม่รู้ว่าจะเดินไปทางไหนดี
แม้ว่าบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปจะสร้างอยู่ในใจกลางเมือง แต่ถนนทางซ้ายและขวานั้นแคบ นั่งแท็กซี่ได้ยาก
ในขณะที่เธอกำลังจะเลือกไปฝั่งไหนฝั่งหนึ่ง โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
คนที่โทรเข้ามา ลู่เซิ่น
ฉินซีรับโทรศัพท์อย่างประหลาดใจ “ฮัลโหล?”
น้ำเสียงของลู่เซิ่นยังคงเสียงทุ้มไพเราะ “ยังอยู่ที่บริษัทฉินซื่อกรุ๊ป?”
ฉินซียิ่งสงสัย ตอนเช้าลู่เซิ่นอยากส่งเธอมา เขารู้ว่าตัวเองอยู่ที่บริษัทไม่มีอะไรผิดปกติ แต่ยังโทรมาถามโดยเฉพาะ ก็ยิ่งแปลก“ฉันเพิ่งออกมา มีอะไรเหรอ?”
ลู่เซิ่นก็ไม่พูดมาก “มาที่นี่ ทานข้าวกลางวัน”
ไม่รอให้ฉินซีถามอะไร เขาก็วางโทรศัพท์ไปแล้ว
ฉินซีมองโทรศัพท์ หมดคำจะพูด
นิสัยเผด็จการของลู่เซิ่นแบบนี้เมื่อไหร่จะแก้ไขสักที?
แต่ว่า……บริษัทลู่ซื่อก็ไม่ได้ห่างไกลจากที่นี่มาก กินข้าวกันมื้อหนึ่งไม่แน่อาจไปส่งด้วย สะดวกกว่านั่งรถกลับไปเองเยอะ
คิดแบบนี้ ฉินซีก็เลยตกลงข้อเสนอแนะจากลู่เซิ่นอย่างจำใจ เดินไปทางบริษัทลู่ซื่อ
ยังเดินไม่ถึงประตู เธอก็เห็นหลินหยังที่ยืนรอมานาน
“ผู้ช่วยหลิน” เธอเดินไปสองสามชั้นเพื่อให้ปกติในงาน “ลู่เซิ่นล่ะ?”
หลินหยังยิ่งกับเธออย่างเกรงใจ “ประธานลู่เชิญคุณขึ้นไปครับ”
“ขึ้นไป?”ฉินซีอึ้งไปสักพัก “ไปทานข้าวไม่ใช่เหรอ? ขึ้นไปทำไม?”
หลินหยังส่ายหัว “ลู่เซิ่นบอกอย่างนั้นครับ ผมแค่ลงมารับคุณ”
ฉินซีขมวดคิ้ว “ฉันรอเขาที่นี่นะ”
เธอรู้ ในบริษัทลู่ซื่อหลินหยังก็เป็นเหมือนตัวแทนของลู่เซิ่น ถ้าตัวเองเข้าไปกับหลินหยังแบบนี้ คงจะดึงดูดสายตาไม่น้อย
ตอนนั้นที่แต่งงานกัน ทั้งสองก็ตกลงกันไว้ว่า ไม่เปิดเผยข่าวนี้ให้กับคนนอก