Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 905
บทที่ 905 อุบัติเหตุ
ฉินซีหน้าซีดอย่างกับกระดาษ
ความสงสัยที่เธอคิดมาตลอดเวลา ก็ได้รับคำตอบสักที
เหตุผลที่ฉินซึ่งเทียนต้องใช้วิธีรีบๆแบบนั้นบังคับให้เหยาหมิ่นหย่ากับเขา เพราะว่าบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปจะอยู่ไม่ไหว
มีแต่การหย่าร้าง และผลักหนี้ทั้งหมดให้กับเหยาหมิ่น เขาถึงสามารถเอาบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปและตัวเองรอดได้
มือและเท้าของฉินซีเย็นมาก และโทรศัพท์หลุดจากมือ
คุณแม่ … เธอต้องไม่รู้ว่าเธอมีหนี้มหาศาลแบบนี้แน่
ไม่งั้นเธอต้องไม่เซ็นสัญญาหย่าร้างชุดนั้นง่ายๆแน่นอน
คุณแม่ ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง
นิ้วของฉินซีกำลังสั่นอยู่ เธอกดหมายเลขของแม่เธออย่างมือสั่น แต่ไม่มีใครรับสาย
ฉินซีแอบมีลางสังหรณ์ไม่ดีในใจ เธอกระโดดขึ้นจากเตียง รีบใส่เสื้อออกจากบ้านอย่างรอดเร็ว
ฉินซึ่งเทียนไม่อยู่บ้าน เธอก็ไม่มีอารมณ์ไปถามเขา
สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ ก็คือสภาพของคุณแม่
ผู้หญิงอ่อนแออย่างเธอ ถ้าเห็นข่าวนี้ จะทำยังไงดี
ทำไมไม่รับสายล่ะ
หน้าผากของฉินซีเหงื่อเต็มไปหมด
สมองของฉินซีวุ่นวัยไปหมด และเกือบเกิดอุบัติเหตุบนถนน
โทรศัพท์ของแม่ก็ไม่มีใครรับสายเลย
เธอรู้สึกเหมือนมีไฟเผาในใจ และสะดุดไปที่ที่พักชั่วคราวของแม่เธอสักที
“คุณแม่” เธอเคาะประตูอย่างแรง”คุณแม่เปิดประตู”
เธอเคาะประตูอย่างเสียงดังมาก และฉนวนกันเสียงของโรงแรมสะดวกก็ไม่ได้ด้วย เธอเคาะประตูอย่างแรงแม่เธอไม่ได้เปิดประตู แต่ห้องข้างๆเปิดประตูแทน
“คุณทำอะไร รบกวนคนชาวบ้านเหรอ” คนหมดความอดทนมาก
ฉินซีไม่สนใจเขาและเคาะประตูต่อ
คนนั้นพูดอย่างหมดความอดทนว่า “ไม่มีใครอยู่ก็ไปที่แผนกต้อนรับสิ ฉันเพิ่งเช็คอินเข้ามาเมื่อวานนี้ ห้องนี้ไม่มีเสียงอะไรเลย”
ฉินซีหันหน้าทันที “คุณพูดอะไรนะ ไม่มีเสียงตั้งแต่เมื่อวานแล้วเหรอ”
อาจจะเพราะว่าดวงตาของเธอนั้นน่ากลัวเกินไป คนนั้นมีความอดทนมากขึ้น ยักไหล่และพูดว่า”ใช่ ผนังนี้บางขนาดนี้ ถ้ามีใครกดชักโครกต้องได้ยินเสียงสิ ห้องที่คุณเคาะประตูตอนนี้ไม่มีเสียงสักนิดเลย มีคนพักอยู่จริงๆเหรอ”
เลือดในร่างกายของฉินซีแช่แข็งหมด เธอไม่ได้สนใจคนข้างๆต่อ และรีบเดินไปที่แผนกต้อนรับ “สวัสดีค่ะ ฉันเป็นลูกสาวของแขกที่พักอยู่ห้อง1306 เธอไม่รับโทรศัพท์ของฉันตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ฉันกังวลมาก คุณช่วยเปิดประตูให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ”
ความกังวลบนใบหน้าของฉินซีไม่เหมือนแกล้งทำออกมา เพราะฉะนั้นแผนกต้อนรับจึงเดินไป1306กับเธอ และช่วยเธอเปิดประตูให้เธอ
ฉินซีไม่ทันที่จะบอกขอบคุณ และรีบวิ่งไปอย่างกระตือรือร้น “คุณแม่”
ในห้องมืดสลัวมาก ดวงตาของเธอไม่ชินกับความมืด แค่มองเห็นมีร่างเบลอนอนอยู่บนเตียง
เธอรีบวิ่งไปที่ข้างเตียง ก้มหัวลงไปดู
แผนกต้อนรับช่วยเปิดไฟในห้องให้เธอ
แม่เธอหน้าซีดมาก น่ากลัวยิ่งกว่าผ้าปูที่ข้างๆเธออีก
ฉินซียื่นมือออกไปอย่างสั่นๆ และจับมือแม่เธอ
ยังร้อนอยู่
ฉินซีโล่งอกโล่งใจสักที และเลือดทั่วร่างกายก็ค่อยๆไหลไปทั่วตัว
“แขกท่านนี้เป็นอะไรเหรอคะ”พนักงานต้อนรับก็ตกใจเหมือนกัน และเดินเข้ามาถาม
ฉินซีเอื้อมมือไปแตะหน้าผากของแม่เฮ มันร้อนมาก
เธอหันไปมองแผนกต้อนรับ”น่าจะเป็นจนหมดสติไป ช่วยเรียกรถพยาบาลให้หน่อยได้ไหมคะ”
แผนกต้อนรับก็กลัวแขกเกิดอะไรขึ้นในโรงแรม เลยพยักหน้า
ระหว่างที่รอรถพยาบาลมา ฉินซีรู้สึกว่าวินาทีนานเหมือนกับปี ทั้งๆที่รอแค่สิบนาที แต่เธอรู้สึกว่าได้เฝ้าแม่ที่หมดสติไปเป็นชั่วโมงแล้ว
รถพยาบาลมาถึงสักที คุณหมอวางเหยาหมิ่นไปที่รถพยาบาลอย่างเป็นระบบ และฉินซีก็เดินตามไปอย่างงง ๆ
คุณหมอตรวจร่างกายอย่างง่ายๆ แล้วพูดกับเธอว่า “คนไข้น่าจะเป็นไข้สูงต่อเนื่องเลยทำให้หมดสติไป เป็นไข้มากี่วันแล้ว”
ฉินซีตอบไม่ได้ เลยส่ายหัว
สายตาของคุณหมอไม่พอใจเบาๆ “คุณเป็นลูกสาวของเธอเหรอ ทำไมแม่ของตัวเองเป็นไข้หลายวันถึงไม่รู้ล่ะ”
ฉินซีพูดอะไรไม่ออก
ถ้าเธอไม่ขังตัวเองอยู่ในห้องและไม่สนใจอะไรมาหลายวัน ต้องรู้ว่าคุณแม่ผิดปกติตั้งนานแล้ว จะรอถึงตอนนี้ได้ยังไง
เธอไม่ใช่ลูกสาวที่ดีจริงๆ…
คุณหมอเห็นว่าเธอรู้สึกผิด ก็ไม่ได้ว่าอะไรมากเลย แค่หันหน้าไปทางอื่น
“ถ้าเป็นไข้นานเกินไป อาจกลายเป็นปอดบวมได้ ยังไงก็ต้องไปตรวจที่โรงพยาบาลอีกครั้ง”
ฉินซีเงียบและพยักหน้า
…
ระยะเวลาที่รอผลการตรวจสอบก็นานมากเหมือนกัน
โชคดีที่อานหยันได้รับข่าวและรีบไปหาฉินซีทันที
เมื่อหมอออกมา อานหยันกำลังลูบหลังของฉินซี แต่ฉินซีดูมองไปด้านหน้าอย่างว่างเปล่าราวกับว่าสูญเสียจิตวิญญาณของเขา
“ที่คนไข้หมดสติไปเพราะน้ำตาลในเลือดต่ำเกินไป โชคดีที่พบทันเวลา แค่ให้กลูโคสก็จะดีขึ้น แต่ที่น่าเป็นห่วงมากว่าก็คือเพราะผู้ป่วยมีไข้มาหลายวัน กลายเป็นปอดบวมแล้ว ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพื่อดูอาการต่อ ใครเป็นญาติของคนไข้ เชิญทางนี้ ไปทำเรื่องแอดมิทที่โรงพยาบาลค่ะ”
ฉินซีเพิ่งออกจากสภาพที่ยุ่งเหยิงและตามหมอไป
หลังจากที่เธอทำเรื่องเข้าโรงพยาบาลและดูแลเหยาหมิ่นเรียบร้อยแล้ว ฉินซีถึงนึกถึงอานหยันที่อยู่ข้างๆเธอ
“ขอบคุณนะ” ฉินซีก้มหัวลง “ถ้าเมื่อกี้ไม่มีใครอยู่กับฉัน ฉันต้อง… เสียใจมาก”
อานหยันโบกมือ “จะเกรงใจฉันทำไมละ คุณป้าเป็นยังไงบ้าง ตื่นหรือยัง”
ฉินซีพยักหน้า”เมื่อกี้ตื่นมาสักพัก ตอนนี้นอนหลับไปอีกแล้ว”
อานหยันลังเลสักพักถึงถามว่า”เกิดอะไรขึ้นเหรอ”
ฉินซีมองเหยาหมิ่น ถอนหายใจเบาๆ และเล่าเรื่องในช่วงหลายวันที่ผ่านมาอย่างสั้น ๆ
สีหน้าของอานหยันดูตกใจมาก “คุณหมายความว่า พ่อของคุณใส่ร้ายแม่ของคุณมีชู้ และบังคับให้เธอหย่าเพื่อที่จะผลักหนี้งั้นเหรอ”
ฉินซีพยักหน้า
อานหยันดูค่อนข้างโกรธ “งั้นคุณก็ไปฟ้องเขาสิ”
ฉินซีส่ายหัวอย่างหนักใจ “แต่ทั้งหมดนี้คือคำพูดของคุณแม่ … ฉันไม่มีหลักฐาน”
อานหยันก้มหัวลงเงียบ ๆ
เธอเปิดโทรศัพท์และอ่านข้อความที่ส่งมาใหม่ และเงยหน้ามองฉินซีทันที แต่ดูเหมือนเธอจะลังเลว่าจะพูดหรือไม่พูด
ฉินซีหันหน้ามาอย่างสงสัย”มีอะไรเหรอ”
อานหยันส่ายหัว “ไม่มีอะไร”
ฉินซีขมวดคิ้ว”บอกมาตามตรงเลย”
อานหยันอ้าปากและลังเลสักพัก สุดท้ายก็เปิดปากว่า “ฉันได้รับข่าวว่า บ้านเก่าของตระกูลฉินถูกประมูลไปแล้ว”
ดวงตาของฉินซีเบิกกว้าง “คุณพูดว่าอะไรนะ”
อานหยันพูดเบาๆ “เมื่อกี้เพิ่ง … ถูกซื้อไป”
ฉินซีถอยหลังหลายก้าว จับราวไว้ แต่ก็พูดอะไรไม่ออกตั้งนาน
เธอเข้าใจความลังเลของอานหยันแล้ว เธอรู้ว่าตัวเองรักบ้านหลังเก่ามากแค่ไหน เพราะฉะนั้นเธอจึงไม่ได้บอกข่าวร้ายกับตัวเองในตอนนี้