Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 915
บทที่ 915 เป็นเพราะความประมาทเลินเล่อของเขา
ฉินซึ่งเทียนทนให้ฉินซีทำตัวหยิ่งผยองอำนาจต่อหน้าต่อตาไม่ได้
เสียงดีดลูกคิดวาดแผนการของเขาดังขึ้น แต่คิดไม่ถึงว่าฉินซีจะพูดออกมาว่า “นี่เป็นการตัดสินใจของบริษัทลู่ซื่อ ทำไมประธานฉินถึงมาถามความเห็นของฉันล่ะคะ”
ทันใดนั้นฉินซึ่งเทียนฉันจึงชะงักไปพักหนึ่ง
เป็นเพราะความประมาทเลินเล่อของเขาเอง
เขากับหลี่เหวยไม่ได้ตั้งใจวางแผนจะพูดเรื่องคนที่ฉินซีแต่งงานด้วยเป็นใครในการประชุมของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป เพราะกลัวว่าการที่มีบริษัทลู่ซื่ออยู่เบื้องหลังจะทำให้ฉินซีได้รับการสนับสนุนมากยิ่งขึ้น
ทว่าตอนนี้หากเขาอยากจะพูดโน้มน้าวทุกคน ก็จำเป็นต้องชี้แจงถึงความสัมพันธ์ระหว่างฉินซีกับลู่เซิ่นเสียก่อน
เขารู้ดีว่าหลังจากที่การประชุมผู้ถือหุ้นครั้งก่อนสิ้นสุดลง ลู่เซิ่นก็เข้ามาตามตัวคนอย่างเปิดเผยจริงใจ ไม่รู้ว่ามีคนระดับสูงและระดับล่างของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปสักกี่คนที่มองเห็นลู่เซิ่นลากตัวฉินซีออกไป เรื่องคู่แต่งงานของฉินซีจึงไม่ใช่ความลับมาตั้งนานแล้ว
แต่หากว่าเขาเป็นคนพูดออกมาเองตอนนี้ จะต้องเทียบไม่ได้กับข่าวลือเล็ก ๆ ที่แพร่ระบาดไปทั่วพวกนั้นอย่างแน่นอน
หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ฉินซึ่งเทียนก็กัดฟันพูดออกมาว่า “ในเมื่อเธอแต่งงานกับลู่เซิ่นแล้ว ดังนั้นเธอจะต้องมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของลู่เซิ่นอย่างแน่นอน”
ทันทีที่เขาพูดประโยคนี้ออกมา สีหน้าของคนในที่ประชุมก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
ฉินซีก็คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะยอมกัดฟันเปิดเผยเรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับลู่เซิ่น
หลังจากประหลาดใจเพียงชั่วครู่ ฉินซีก็ยิ้มเยาะแล้วลุกขึ้นยืน
“ในเมื่อประธานฉินยืนยันที่จะคิดแบบนั้นละก็ ถ้าอย่างนั้นฉันก็ต้องหักล้างข้อกล่าวหาที่คุณโยนมาให้ฉันอย่างจริงจังซะแล้วสิ ”
ฉินซึ่งเทียนโมโหเป็นอย่างมาก “ยังไม่ถึงเวลาที่เธอจะพูด นั่งลงไปซะ!”
ฉินซียักไหล่ “ถ้าอย่างนั้นคุณก็อธิบายมาหน่อยสิว่า มีเหตุผลอะไรที่ฉันจะต้องทำให้เขาไม่ต่อเซ็นสัญญาล่ะ ในเมื่อฉันเป็นภรรยาของลู่เซิ่น ทั้งยังเป็นถึงหนึ่งในผู้ถือหุ้นของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป”
ฉินซึ่งเทียนสะอึก ขยับสายตาชำเลืองมองไปยังลูกพี่ลูกน้องที่นั่งอยู่ข้าง ๆ
สีหน้าของกลุ่มคนที่มีชนักติดหลังเต็มไปด้วยความหวาดผวา แม้แต่จะทำตัวให้เยือกเย็นก็ทำไม่ได้แล้ว
ถ้าหากคนอื่น ๆ มีสติปัญญาเฉียบแหลมกว่านี้สักหน่อย พวกเขาอาจจะค้นพบบางสิ่งบางอย่าง
ถ้าหากเรื่องที่พวกเขาลักพาตัวฉินซีถูกคนพบเข้าละก็ จะต้องเป็นปัญหาใหญ่แน่ ๆ !
ฉินซึ่งเทียนลอบด่าอยู่ข้างในใจ จากนั้นก็บังคับตัวเองให้พูดออกมาว่า “ไม่มีใครรู้ว่าเธอกลับมาที่บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปเพราะอะไร! บางทีเธออาจจะเป็นสายลับของบริษัทลู่ซื่อก็ได้นี่”
ฉินซีแค่นหัวเราะออกมาอย่างเหยียดหยาม “บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปจำเป็นต้องให้บริษัทลู่ซื่อส่งสายลับมาเชียวเหรอ คุณนี่ช่างให้ความสำคัญกับตัวเองมากจริง ๆ”
ฉินซึ่งเทียนหน้าแดงในทันที “พูดอะไรของเธอน่ะ!”
ฉินซีขี้เกียจจะสู้รบตบมือกับเขาต่อ จึงเดินไปทางเขาอย่างหมดความอดทน
“เธอคิดจะทำอะไร!” สีหน้าของฉินซึ่งเทียนปรากฏความระมัดระวังขึ้นมาหลายส่วน เขาก้าวถอยหลังเล็กน้อย
เห็นชัดว่าการที่ฉินซีตบตีกับหลี่เหวยครั้งก่อนทิ้งเงามืดเอาไว้ในหัวใจของเขา
ทว่าฉินซีแค่เดินมายืนอยู่ข้างเขา แล้วชี้ไปที่จอโปรเจคเตอร์ที่อยู่ด้านหลังเท่านั้น “ประธานฉินจำได้ไหมคะว่ารายการพวกนี้ถูกลากมาถึงตอนไหน”
ฉินซึ่งเทียนจำเรื่องพวกนี้ได้ที่ไหน เขาโบกมืออย่างร้อนรน “เธออย่าได้มาพูดเรื่องไร้สาระที่นี่!”
ฉินซีไม่สนใจเขา หันตัวกลับไปยังพื้นที่ประชุมแล้วพูดว่า “ถ้าหากทุกคนอยู่ที่บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปมานานแล้ว ก็คงพอจะรู้ว่าเมื่อปีนั้นที่บริษัทลู่ซื่อสั่งจองสินค้าพวกนี้กับบริษัทฉินซื่อก็เพราะว่าเห็นแก่หน้าของตระกูลเหยา ”
ทันทีที่เธอพูดประโยคนี้ออกมา คณะกรรมการหลายคนก็เผยสีหน้าประหลาดใจ
เธอไม่โทษพวกเขา เพราะยิ่งฉินซึ่งเทียนอายุมากขึ้นเขาก็ยิ่งหวาดระแวง เพื่อที่จะรักษาอำนาจและความน่าเชื่อถือในบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปของตัวเองเอาไว้ จึงเปลี่ยนคนในตำแหน่งคณะกรรมการให้เป็นคนกลุ่มใหม่หรือไม่ก็เป็นคนที่ตัวเองสนิทชิดเชื้อด้วยทั้งหมด ดังนั้นจึงมีคนมากมายที่ไม่เคยรู้ว่าความจริงแล้วบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปมาจากตระกูลไหน และไม่เคยรู้ว่าตระกูลฉินอาศัยบารมีของตระกูลเหยาฉกฉวยผลประโยชน์มามากมายเท่าไรแล้ว
เป็นธรรมดาที่ฉินซึ่งเทียนจะไม่พอใจกับคำพูดนี้ของเธอเป็นอย่างมาก เขาพูดขึ้นมาอย่างโมโหว่า “ที่บริษัทลู่ซื่อยอมเซ็นสัญญาร่วมมือกับบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปก็เพราะว่ายอมรับในบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป ตระกูลเหยาที่ตกต่ำไปตั้งนานแล้วมาเกี่ยวข้องอะไรด้วย!”
เมื่อได้ยินฉินซึ่งเทียนพูดถึงตระกูลเหยาด้วยน้ำเสียงดูถูกเหยียดหยาม สายตาของฉินซีก็เย็นชามากยิ่งขึ้น “คุณไม่รู้อะไรเกี่ยวกับบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปเลยจริง ๆ สินะ”
ฉินซึ่งเทียนเกลียดการถูกคนเลื่อยขาเก้าอี้มากที่สุดในชีวิต ฉินซีกล้าหักหน้าเขาต่อหน้าพวกคณะกรรมการ เขากัดฟันด้วยความเกลียดชัง แล้วชี้ไปที่หน้าฉินซี “เธอเพิ่งจะอายุเท่าไหร่ถึงได้มาวิพากษ์วิจารณ์ต่อหน้าฉันว่าบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปเป็นของใคร!”
ฉินซีหันกลับไปกวาดสายตามองทุกคนแล้วตอบอย่างใจเย็น “แน่นอนว่าบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปก็ต้องเป็นของผู้ถือหุ้นทุกคนน่ะสิ หรือว่าจะให้คิดว่าเป็นของคุณฉินซึ่งเทียนคนเดียวเหรอคะ”
ฉินซึ่งเทียนที่แพ้ภัยคำพูดของตัวเองริมฝีปากสั่นระริกจนไม่สามารถพูดหักล้างออกมาได้ไปชั่วขณะ
ฉินซีจึงรีบคว้าโอกาสนี้ในการกล่าวชี้แนะให้กับทุกคน “บางทีทุกคนอาจจะมาอยู่ที่บริษัทนี้ช้าไปเสียหน่อย ความจริงแล้วความร่วมมือเกี่ยวกับคำสั่งซื้อพวกนี้นั้น บริษัทลู่ซื่อได้ร่วมมือกับบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว ดังนั้นพวกคุณอาจไม่ค่อยทราบรายละเอียดของคำสั่งซื้อพวกนี้ ฉันสามารถอธิบายให้พวกคุณฟังได้ ประการแรกคือ ในตอนนั้นที่บริษัทลู่ซื่อต้องการนำเข้าวัตถุดิบพวกนี้เข้ามาในปริมาณมาก พวกเขาไม่ได้ใช้วิธีการประมูลในการคัดเลือกโดยตรง แต่ใช้วิธีการเจรจาพูดคุยกับแต่ละบริษัทเป็นการส่วนตัว เท่าที่ฉันรู้ ราคาที่บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปเสนอไปนั้นไม่ได้เป็นราคาที่ดีที่สุด แต่เพราะว่ามีความสัมพันธ์กับตระกูลเหยา ดังนั้นจึงสามารถคว้าคำสั่งซื้อพวกนี้มาได้อย่างราบรื่น แล้วก็… ”
มีกลุ่มคนในที่ประชุมถามขึ้นมาอย่างสงสัย “ฉินซี คุณอายุน้อยกว่าพวกเรามาก แล้วคุณไปรู้ที่มาที่ไปของคำสั่งซื้อนี้ได้ยังไง”
ฉินซียกยิ้มเบา ๆ “ก็เพราะว่าแม่ของฉันแซ่เหยา”
กลุ่มคนในที่ประชุมพากันปิดปากเงียบในทันที
ฉินซีกวาดตามองอีกรอบหนึ่ง จากนั้นก็พูดขึ้นมาอย่างเปิดเผยว่า “ฉันมีหลักฐานเกี่ยวกับคำสั่งซื้อพวกนี้ ไม่อย่างนั้นแล้วก็คงไม่สามารถพูดอะไรแบบนี้ในที่ประชุมนี้ได้ ถ้าหากพวกคุณต้องการที่จะตรวจสอบ ก็เชิญมาหาฉันได้ตลอดเวลา”
คณะกรรมการแต่ละคนมองหน้ากันด้วยสีหน้าที่แตกต่างกัน
แต่ใบหน้าของฉินซึ่งเทียนนั้นดูมืดมนจนน่ากลัว
เขามองฉินซีอย่างระแวงสงสัย ทว่าคนที่อยู่ข้างหลังกลับมีสีหน้าราบเรียบ ดูไม่ออกว่าเป็นการข่มขู่ให้หวาดกลัวอยู่หรือเปล่า
…หรือว่าฉินซีมีเจ้าสิ่งนั้นจริง ๆ
ฉินซึ่งเทียนรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
“ดังนั้น” ฉินซีไม่ได้สนใจสีหน้าของทุกคนอีก เธอหันไปมองฉินซึ่งเทียนแล้วพูดว่า “ที่ประธานฉินกล่าวหาฉันว่าฉันเล่นตลกลับหลังจนทำให้บริษัทลู่ซื่อไม่ต่อสัญญากับบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป เป็นการมีเจตนาไม่ดีเพราะต้องการทำลายบริษัทนั้น ฉันขอไม่ยอมรับ”
ฉินซึ่งเทียนแค่นหัวเราะเสียงเย็น “ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ที่บริษัทลู่ซื่อยอมสั่งซื้อสินค้าพวกนี้กับบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปเพราะเห็นแก่หน้าของตระกูลเหยาแล้วยังไง ถึงอย่างไรพวกเราทั้งสองบริษัทก็ทำธุรกิจร่วมกันมาอย่างยาวนาน แน่นอนก็เป็นเพราะว่าพวกเราต่างไว้วางใจและพยายามที่จะสร้างความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน แต่พอมีเธอเข้ามาในบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป ความสัมพันธ์ที่มีกันมาอย่างยาวนานหลายปีก็สิ้นสุดลงทันที เธอกล้าพูดไหมว่าเรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเธอเลยแม้แต่น้อย”
ฉินซีไม่ได้เอามันมาเป็นอารมณ์ เพียงพูดขึ้นมาอยากเย็นชาว่า “ในเมื่อคุณยืนยันความคิดที่ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับฉันมากขนาดนี้ แล้วมีหลักฐานหรือเปล่าคะ”
ตอนที่ฉินซึ่งเทียนมองเห็นแววตาเย็นเยียบของเธอ ก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
เดิมทีแผนที่เขาวางเอาไว้นั้นสมบูรณ์แบบแล้ว
ความสัมพันธ์ระหว่างฉินซีกับลู่เซิ่นนั้นไม่ต่างอะไรกับหน้าต่างกระดาษที่หนาเพียงชั้นเดียว ขอแค่เขาจิ้มลงไปแบบลวก ๆ ฉินซีไม่มีทางที่จะปฏิเสธเรื่องนี้ได้อย่างแน่นอน และหากเขาชิงพูดเรื่องที่ว่าช่วงนี้บริษัทลู่ซื่อลดคําสั่งสั่งซื้อสินค้าจากบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปอย่างรวดเร็วออกมาก่อน จากนั้นก็ค่อยพูดถึงเรื่องที่ฉินซีแต่งงานกับลู่เซิ่น ถึงตอนนั้นแล้วทุกคนก็คงเดาขึ้นมาเองทันทีว่าเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับฉินซีอย่างแน่นอน