Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 940
บทที่ 940 ปฏิเสธตัวเลือก
ฉินซีถอนหายใจออกมาเบาๆ หยิบปากกาขึ้นมาขีดชื่อรีสอร์ทชิงหยวนทิ้ง “งั้นก็เปลี่ยนที่ ไม่มีรีสอร์ทชิงหยวนก็ไม่เป็นอะไรหรอก แค่เสียดายที่ต้นทุนค่อนข้างต่ำเท่านั้นเอง”
ทุกคนต่างก็มีเส้นตายของตัวเอง ก็เหมือนตอนถ่ายรูป ไม่ใช่ว่าทุกคนจะยอมหันหน้าเข้าหากล้องเสมอไป
ถึงจะอยากใช้รีสอร์ทชิงหยวน แต่ถ้าลู่เซิ่นยืนกรานไม่เห็นด้วย ฉินซีก็ต้องเคารพ
อีกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นบริษัทลู่ซื่อหรือรีสอร์ทชิงหยวน ล้วนแล้วแต่ก็เป็นของลู่เซิ่น ไม่ว่าจะทำอะไร ก็ต้องให้ลู่เซิ่นตัดสินใจเอง
หลังจากเห็นว่าเธอขีดฆ่าชื่อรีสอร์ทชิงหยวนไป สีหน้าของลู่เซิ่นก็ดีขึ้นมานิดหน่อย ฉินซีรู้ ท่าทีแบบนี้ของลู่เซิ่นแสดงออกชัดเจนว่า ไม่อยากได้การโฆษณาในลักษณะนี้
“งั้นฉันคงต้องหาว่ายังมีที่อื่นให้เลือกไหม ไม่อย่างงั้นถ้าเอาแค่ห้ากลุ่ม มันก็จะดูไม่มีอะไร……” เธอพูดพร้อมกับเปิดคอมพิวเตอร์
ลู่เซิ่นยืนอยู่ข้างๆ อยากดูว่าเธอจะคิดอะไรออกมาอีก
เลื่อนหน้าจอไปเรื่อยๆ จู่ๆก็เจอไฟล์อะไรบางอย่าง
ชื่อไฟล์มีแค่คำเดียวโดดๆ คือ “คน”
ฉินซีจำได้ มันเป็นรูปภาพที่เธอถ่ายให้หซู่เป่ย และก็เป็นครั้งเดียวที่เธอถ่ายภาพคนอย่างเป็นทางการ วันนั้นหลังจากเธอถ่ายรูปข้างในสตูดิโอเสร็จ หซู่เป่ยก็ตามออกมาพูดคุยกับเธออยู่สักพัก จากนั้นเธอก็ถ่ายรูปให้หซู่เป่ย ……..
ทันใดนั้นฉินซีก็มีไอเดียผุดขึ้นมาในหัว เธอกดเปิดไฟล์ ไม่นานก็เจอรูปภาพที่เธอถ่ายให้หซู่เป่ยในตอนนั้น
เมื่อเธอขยายภาพเบื้องหลังให้ใหญ่ขึ้น เธอก็เห็นตัวหนังสือคำว่า “บริษัทลู่ซื่อ” รางๆ
“นี่ใช่สถานที่ก่อสร้างของพวกคุณไหม?” ฉินซีหันหน้าไปถามลู่เซิ่น “ทางทิศตะวันออกน่ะ”
ลู่เซิ่นนึกอยู่ไม่นาน ก็พยักหน้า “ใช่”
ดวงตาของฉินซีเผยรอยยิ้มออกมา “ดีเลย หาที่อื่นเจอละ!”
ลู่เซิ่นชี้ไปยังหน้าจอคอมพิวเตอร์ “จะใช้ที่นี่?”
“ใช่” ฉินซีเขียนคำว่า ชานเมืองตะวันออก ข้างบนคำว่ารีสอร์ทชิงหยวนที่ถูกขีดทิ้งไปแล้ว พร้อมกับตอบว่า “ตอนนี้หซู่เป่ยเป็นหนึ่งในดาราที่กำลังฮอต ถ้าเขามาถ่ายให้เราได้ ต้องได้รับความสนใจเยอะแน่ๆ”
ยิ่งคิดฉินซีก็ยิ่งรู้สึกเป็นไปได้ ในตอนที่กำลังแก้ไขพล็อตใหม่ ก็ได้ยินเสียงลู่เซิ่นพูดขึ้นว่า “ไม่ได้”
ฉินซีขมวดคิ้วในทันที “ทำไมจะไม่ได้?”
ครั้งนี้ไม่เหมือนกรณีรีสอร์ทชิงหยวน รีสอร์ทชิงหยวนเป็นของลู่เซิ่น เมื่อเขาบอกไม่ให้ถ่ายฉินซีก็เคารพการตัดสินใจ แต่การจะถ่ายหซู่เป่ยหรือไม่นั้น ไม่ใช่ว่าลู่เซิ่นจะมีสิทธิ์ตัดสินใจยังไงก็ได้ซะหน่อย
“ภาพลักษณ์ของเขาไม่ดี” ลู่เซิ่นขมวดคิ้วมองรูปของผู้ชายคนนั้นที่โชว์อยู่บนหน้าจอ พร้อมทั้งพูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจ
ฉินซีโบกมือ “เหตุผลไม่มีน้ำหนักเอาซะเลย”
เมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะเปิดเอกสารเพื่อแก้ไข ลู่เซิ่นก็กดมือของเธอเอาไว้อย่างไม่สบอารมณ์ “เรื่องที่เขาไปมีเรื่องกับคนอื่นจนถูกแบล็กเมล์ก็ไม่ใช่ผมคนนี้หรือไงที่ตามไปเก็บกวาดให้น่ะ? คุณคิดว่าคนแบบนี้จะนำเสนอภาพลักษณ์ของบริษัทลู่ซื่อได้จริงๆเหรอ?”
ฉินซีดึงมือออก หันหน้าไปมองลู่เซิ่น “ประธานลู่ หซู่เป่ยเป็นแค่หนึ่งในผู้บรรยายเรื่องราวเท่านั้น ฉันไม่ได้บอกว่าจะให้เขานำเสนอภาพลักษณ์ของบริษัทลู่ซื่อเสียหน่อย และฉันยังต้องไปสัมภาษณ์พวกพนักงานออฟฟิศกับพวกชาวนาอีก แล้วอย่างนี้พวกเขาต้องนำเสนอภาพลักษณ์บริษัทลู่ซื่อทั้งหมดเลยหรือไง?”
เธอพูดอย่างมีเหตุมีผล จนลู่เซิ่นไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาโต้เถียง แต่เขาก็ยังไม่ยอมแพ้ ส่ายหัวแล้วพูดว่า “ผมไม่เห็นด้วยกับแผนนี้”
ฉินซีแค่นยิ้ม “ลู่เซิ่น คุณเลือกมาสักอย่าง จะให้ถ่ายรีสอร์ทชิงหยวนหรือหซู่เป่ย?”
ลู่เซิ่นยังคงยืนกราน “ผมปฏิเสธทุกตัวเลือก”
ท่าทางแบบนี้ของเขาไม่ได้มีให้เห็นบ่อยนัก และนิสัยดื้อรั้นของฉินซีก็เริ่มแผลงฤทธิ์แล้วเช่นเดียวกัน เธอหอบคอมพิวเตอร์เดินออกไปข้างนอก “คุณไม่อนุญาตให้ถ่ายก็เรื่องของคุณ ส่วนฉันจะเขียนยังไงมันก็เรื่องของฉัน”
ไม่รอให้ลู่เซิ่นพูดอะไร เธอก็เปิดประตูห้องนอน แล้วเดินไปยังห้องหนังสือของตัวเอง
ในห้องเหลือแค่ลู่เซิ่นที่มีสีหน้าไม่เข้าใจอยู่คนเดียว
……
ฉินซีพูดจริงทำจริง หลังจากเธอแก้พล็อตเรื่องเสร็จ ก็ส่งงานไปให้แผนกโฆษณาของบริษัทลู่ซื่อโดยตรง
เมื่อเธอหอบคอมพิวเตอร์กลับเข้ามาในห้อง ก็เป็นเวลาดึกมากแล้ว
แต่ลู่เซิ่นยังไม่นอน เขานั่งอยู่ข้างเตียง ราวกับกำลังรอเธอกลับมา
ส่วนฉินซีเมื่อส่งข้อมูลได้อย่างราบรื่น ก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ตอนนี้แม้ว่าอารมณ์จะเย็นลงแล้ว แต่เธอก็ไม่คิดจะเป็นฝ่ายทักลู่เซิ่นก่อน จึงหันกายเดินไปเข้าห้องน้ำ
เมื่อเธอเดินออกมา ก็พบว่าลู่เซิ่นยังนั่งอยู่ที่เดิม
“ปิดไฟนอนได้แล้ว”
ฉินซีพูดเสียงห้วนขึ้นมา
“แผนกโฆษณาบอกว่า พวกเขาได้รับอีเมลของคุณแล้ว” สายตาของลู่เซิ่นย้ายจากโทรศัพท์ มามองฉินซีช้าๆ
“อืม ฉันแก้เสร็จแล้วก็เลยส่งไป” ฉินซียักไหล่อย่างไม่ยี่หระ แล้วเอื้อมมือไปปิดไฟ
ภายในห้องพลันมืดสนิท แต่เธอกลับสัมผัสได้ถึงสายตาของลู่เซิ่นที่ยังมองมาที่เธอ
“ที่ฉันเลือกรูปของหซู่เป่ย ฉันไม่ได้มีความรู้สึกส่วนตัวอะไรทั้งนั้น” น้ำเสียงของฉินซียังคงห้วนเหมือนเดิม “คุณเป็นเจ้าของรีสอร์ทชิงหยวน ในเมื่อคุณไม่อยากให้ถ่าย ฉันก็เคารพการตัดสินใจของคุณ และการที่ฉันเลือกถ่ายหซู่เป่ย ก็เป็นสิ่งที่ฉันพิจารณามาแล้วเหมือนกัน หวังว่าคุณจะเคารพการตัดสินใจของฉันด้วย”
พูดจบ เธอก็ไม่สนว่าลู่เซิ่นจะตอบกลับมาว่ายังไง ห่อตัวเองเป็นก้อนกลมๆอยู่ในผ้าห่ม
นิสัยดื้อรั้นของฉินซีไม่เคยเปลี่ยนไปเลย ถึงหลายปีมานี้เธอจะปรับนิสัยเพื่อให้เข้ากับคนอื่นได้ก็ตาม แต่ถ้าเป็นเรื่องที่เธอให้ความสำคัญ เธอก็จะดื้อรั้นเหมือนเดิม ไม่ยอมถอยเลยแม้แต่ก้าวเดียว
ผ่านไปพักใหญ่ เธอก็ได้ยินลู่เซิ่นพูดออกมาอย่างเรียบนิ่งว่า “ได้”
……
เมื่อเป็นแบบนี้ ความสัมพันธ์ที่กว่าจะเชื่อมติดของฉินซีกับลู่เซิ่นก็ค่อยๆส่อแววติดลบลงกว่าเดิม
แต่ว่าทั้งสองก็ไม่คิดที่จะกลับไปทำสงครามประสาทเหมือนเมื่อก่อน อย่างการทำประชดประชันใส่กัน
ก็นับว่าพัฒนาล่ะนะ
แม้ว่าจะส่งพล็อตเรื่องไปก่อนล่วงหน้าแล้ว แต่ในท้ายที่สุดพล็อตไหนจะถูกนำมาใช้ ก็ยังต้องใช้เวลาตัดสินใจอยู่ดี ฉินซีไม่ได้ถามเรื่องนี้กับลู่เซิ่นบ่อยเท่าไหร่ และเขาก็ไม่ได้เป็นฝ่ายพูดขึ้นมาเอง
เรื่องนี้ ถูกปล่อยผ่านไปทั้งอย่างนี้
แต่กลับมีผลกระทบต่อตัวฉินซี
ไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่า แผนของลู่เซิ่นจะได้ผลเกินคาด แม้ว่าฉินซีจะทำงานนี้เสร็จแล้ว แต่ก็ยังสนใจเกี่ยวกับการวางพล็อตและกำกับเป็นอย่างมาก
ตอนเรียนมหาวิทยาลัย เธอไม่มีเวลาไปเรียนสองวิชานี้ เธอจึงรู้สึกเสียดายมาตลอด ตอนนี้ในที่สุดเธอก็มีโอกาสแล้ว จึงกระหายอยากเรียนเป็นอย่างมาก
พอเบี่ยงเบนความสนใจไปคิดเรื่องอื่นได้ เธอก็ไม่บังคับตัวเองให้คิดหาความจริงเรื่องของเหยาหมิ่นเหมือนเมื่อก่อนแล้ว อารมณ์ก็ดูผ่อนคลายขึ้นเยอะ
ในเมื่อตอนนี้คิดหาวิธีไม่ออก เธอก็ไม่ควรเสียเวลาในขณะที่ยังกังวล
ต้องทำให้ตัวเองแกร่งขึ้น ถึงจะสามารถเผชิญหน้ากับความท้าทายที่หลากหลายในอนาคตได้
……
ผลการตัดสินประกาศในครึ่งเดือนต่อมา
ฉินซีได้รับอีเมล เนื้อหาข้างในเป็นคำพูดยินดีที่พล็อตของเธอได้รับการคัดเลือก จึงเชิญเธอไปพูดคุยที่บริษัทลู่ซื่อ
ฉินซีค่อนข้างจะตกใจ แต่ก็ไม่ได้เหนือความคาดหมายแต่อย่างใด
ในตอนที่เธอส่งพล็อตไป จริงๆแล้วเธอพอจะคาดการณ์ได้ว่าตัวเองจะชนะหรือไม่
เธอรู้ว่าพล็อตของตัวเองอยู่ในระดับที่ดีมาก อย่างเดียวที่เธอไม่มั่นใจก็คือพล็อตของคนอื่นจะดึงดูดสายตามากกว่าของเธอหรือเปล่า
และแน่นอน ถ้าดูจากผลล่าสุดแล้ว เธอคือผู้ชนคนนั้น