Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 942
บทที่ 942 ไม่ได้คิดโกรธแค้นอะไรแล้ว
ฉินซียิ้ม ไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดเชิงหยอกล้อของเขา
เมื่อทั้งสองบอกลากัน ฉินซีก็ให้เบอร์ติดต่อของผู้จัดการหซู่เป่ยกับคนในแผนก เพื่อให้พวกเขาติดต่อไป
ส่วนเรื่องการถ่ายภาพ……
บริษัทลู่เซิ่นไม่ได้ขาดแคลนเงิน แล้วทำไมฉินซีต้องไปถ่ายให้เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายให้พวกเขาล่ะ?
เมื่อฉินซีเดินเข้ามาแล้วเอาเบอร์ผู้จัดการให้ สาวน้อยที่นั่งอยู่ตรงมุมมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็น และพอรู้ว่าหซู่เป่ยจะมาถ่ายทำด้วย เธอก็ตาตั้งในทันที แล้ววิ่งเข้ามาเขย่าแขนของฉินซีอย่างอดไม่ได้ “พี่ฉิน พี่นี่สุดยอดไปเลย!”
ฉินซียิ้ม เมื่อเห็นว่าสาวน้อยคนนี้น่าจะเด็กกว่าเธอมาก เธอจึงยอมรับคำว่า “พี่” ที่อีกฝ่ายเอ่ยเรียก
พนักงานที่พาฉินซีเข้ามาก็ไม่น้อยหน้า กระตุกแขนอีกข้างของฉินซีแล้วพูดว่า “พี่ฉิน พี่อย่าไปสนใจเธอเลย! พวกเราไปคุยเรื่องงานทางนู้นดีกว่า!”
ในตอนที่หัวหน้าแผนกเดินนำลู่เซิ่นเข้ามา สิ่งที่เห็นก็คือภาพของฉินซีถูกพนักงานของตัวเองรุมล้อม
เขาเหลือบมองสายตาของลู่เซิ่น ก็พบว่าสายตาของเขาหยุดอยู่ตรงแขนที่ถูกจับของฉินซี
เขาแอบเหงื่อตกแทนพนักงานของตัวเองอยู่เงียบๆ
ครั้งนั้นตอนที่หลินหยังมาขอให้เขาส่งบัตรเชิญเพิ่มไปอีกหนึ่งใบ เขาก็สงสัย จึงแอบสอบถามกับหลินหยังเสียงเบา ว่าคนที่ต้องส่งไปให้เพิ่มเป็นใครมาจากไหน หลินหยังทำเพียงแค่ยิ้มไม่ได้พูดอะไร แต่กลับพยักพเยิดคางไปยังชั้นบน
หัวหน้าแผนกที่ใช้ชีวิตมาหลายปี ก็เข้าใจในทันทีว่า ร้อยทั้งร้อยฉินซีต้องมีความสัมพันธ์อะไรบางอย่างกับเจ้านายแน่ๆ
พอสืบไปเรื่อยๆ ก็พบว่าฉินซี……เป็นถึงภรรยาของลู่เซิ่น
พอตอนนี้เห็นพนักงานของตัวเองกำลังเขย่าแขนเธอไปมา เขาก็ไม่รู้จะเข้าไปเตือนยังไง ทำได้แค่กระแอมไอออกมา “พวกคุณคุยกันเสร็จหรือยัง?”
เมื่อพนักงานในแผนกได้ยินเสียงของหัวหน้าตัวเอง ก็เก็บอาการทันที แล้วหันมามองเขาอย่างพร้อมเพรียง แต่วินาทีต่อมาก็เห็น
เจ้านายที่ยืนอยู่ข้างหลังเขา แต่ละคนจึงตื่นตระหนกขึ้นมาทันที
ลู่เซิ่น…..ไม่เคยมาที่แผนกเลยนะ!
ธุรกิจของบริษัทลู่ซื่อใหญ่มาก แม้ว่าพวกเขาจะทำงานอยู่ที่สำนักงานใหญ่ แต่ก็ได้เจอเจ้านายแค่ครั้งสองครั้งจากไกลๆตอนที่เข้าประชุม ไม่เคยเจอเขาใกล้ๆขนาดนี้เลย
พนักงานสองคนที่ดึงแขนของฉินซีอยู่ปล่อยมือออกแล้วยืนตัวตรงราวกับเป็นทหาร
“ประธานลู่มาสังเกตการถ่ายสื่อนำเสนอของบริษัทในครั้งนี้” หัวหน้าแผนกอธิบายจุดประสงค์ในการมาที่นี่แทนลู่เซิ่น
พนักงานจึงเอ่ยทักทายขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกัน “สวัสดีประธานลู่”
ลู่เซิ่นพยักหน้าตอบรับนิดๆ กวาดสายตามองไปรอบๆ สุดท้ายก็หยุดสายตาไว้ที่ฉินซี
“ทุกคน….สู้ๆนะ” ทั้งๆที่เป็นประโยคให้กำลังใจ แต่เสียงของเขากลับทุ้มต่ำ จนฟังดูแล้วเหมือนพูดอย่างไม่ค่อยใส่ใจ
ฉินซีเบ้ปาก คิดว่าพูดให้กำลังใจแบบนี้มันจะได้ผลเหรอ?
แต่พอหางตาเหลือบมองไปข้างๆ ก็พบว่าเด็กสาวที่กอดแขนเธอเมื่อครู่นี้ ตอนนี้กำลังมองไปที่ลู่เซิ่นด้วยหน้าแดงๆ ท่าทางได้รับกำลังใจเต็มร้อย
…….ถือซะว่าเมื่อกี้เธอไม่ได้พูดอะไรก็แล้วกัน
ลู่เซิ่นพูดจบ ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ มองมาที่ฉินซีนิ่งๆทีหนึ่ง แล้วหมุนตัวเดินออกไป
พนักงานที่ยืนอยู่ข้างๆฉินซีทำหน้างุนงง “เมื่อกี้ประธานลู่….มองฉันเหรอ?”
ฉินซีรู้สึกขำ ทางหัวหน้าแผนกก็เดินรีบๆเข้ามาหาเธอ
“คุณผู้…..คุณฉินครับ” หัวหน้าแผนกรีบเปลี่ยนชื่อเรียก แล้วยกมือขึ้นมาเช็ดเหงื่อ “ประธานลู่เชิญคนออกไปพบสักครู่ครับ”
ฉินซีออกไปอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก พนักงานที่ยืนอยู่ข้างๆเธอก็ทำหน้าผิดหวัง
“ฉันว่านะ ประธานลู่ต้องชอบพี่ฉินแน่ๆ สวยขนาดนั้น…….”
เมื่อฉินซีเดินออกมา ก็พบว่าลู่เซิ่นยืนอยู่ตรงทางเดินอีกด้าน
ผู้ช่วยกับหัวหน้าแผนกต่างก็ยืนรออยู่ไกลๆ ตรงนี้จึงมีแค่เธอและเขา
“ทำงานสนุกไหม?” ลู่เซิ่นถาม
ฉินซีไม่รู้ว่าเขามีเจตนายังไง จึงพูดรวบรัดออกไปว่า “สนุกมาก”
ลู่เซิ่นพยักหน้าเบาๆ “งั้นก็ดี ไปกินข้าวกัน”
ฉินซีลังเลอยู่สักพัก “ฉันยังเหลือสรุปอีกนิดหน่อย คงใช้เวลาประมาณนาทีกว่าๆ”
ความหมายของเธอคือให้ลู่เซิ่นไปก่อน แต่ไม่คิดเลยว่าลู่เซิ่นจะขมวดคิ้ว แล้วพูดว่า “งั้นคุณก็รีบหน่อย”
แล้วเขาก็จะยืนรอเธออยู่ตรงนี้นี่นะ?
ไม่ใช่ว่าฉินซีไม่ชินกับการให้คนอื่นรอ แต่ว่านี่มันในบริษัทของลู่เซิ่น ท่านประธานมายืนรอเธอถึงขนาดนี้……มันแปลกๆยังไงไม่รู้
แต่ท่าทีของลู่เซิ่นดูแน่วแน่มาก ฉินซีเลยไม่คิดจะเสียเวลาพูดโน้มน้าวให้ลู่เซิ่นยอม จึงพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินเข้าไปข้างใน
เธอไม่ได้กำลังทำเป็นเล่นตัว เพื่อให้ลู่เซิ่นรอเธอ แต่เพราะว่ายังมีรายละเอียดบางส่วนที่ต้องสรุปจริงๆ หลังจากสรุปทุกอย่างเสร็จ แล้วบอกลากับทุกคน เธอก็เดินออกมาจากแผนกโฆษณา
“เสร็จแล้ว?” คิ้วของลู่เซิ่นขมวดแน่นกว่าเมื่อกี้
เมื่อเห็นฉินซีพยักหน้า เขาก็หมุนตัวเดินนำหน้าไป
เมื่อหัวหน้าแผนกมองแผ่นหลังของพวกเขาเดินตามๆกันไป ในใจก็รู้สึกแปลกๆ
ดูเหมือนว่าตำแหน่งของฉินซีในหัวใจของประธานลู่…..จะมีน้ำหนักมากกว่าที่เขาคิดไว้ซะแล้ว
……
ครั้งนี้ทั้งสองคนไม่ได้ออกไปทานข้าวข้างนอก เพราะหลินหยังเตรียมข้าวที่แม่ครัวทำให้มาจากที่บ้านไว้ให้แล้ว ทั้งสองจึงทานอยู่ในโซนพักผ่อนของห้องทำงานลู่เซิ่น
จริงๆแล้วฉินซีถูกใจฝีมือการทำกับข้าวของแม่ครัวตระกูลลู่มาก ดังนั้นจึงไม่ได้ปฏิเสธอาหารมื้อนี้แต่อย่างไร
แม้ว่าวันนี้ลู่เซิ่นจะมาหาเธอถึงแผนกโฆษณาด้วยตัวเอง แต่ฉินซีก็ยังไม่ลืมท่าทีเฉยชาของลู่เซิ่นเมื่อวาน เธอไม่รู้ว่าลู่เซิ่นเป็นอะไรกันแน่ จึงเงียบไม่พูดอะไร
ลู่เซิ่นก้มหน้า ท่วงท่าในการทานอาหารในทุกๆคำเป็นไปอย่างสง่า ไม่คิดจะพูดอะไรออกมาเหมือนกัน
แต่เมื่อฉินซีกินเสร็จ เขาก็วางตะเกียบลงเช่นกัน
“ทำงานที่แผนกโฆษณา สนุกดีใช่ไหม?” ลู่เซิ่นจ้องตาของเธอ แล้วเอ่ยถามขึ้นมาอีกรอบ
ฉินซีไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงถามย้ำเรื่องเธอทำงานสนุกไหมนัก จึงตอบกลับไปอีกครั้งอย่างใจเย็นว่า “พนักงานที่แผนกยังเด็กกันทั้งนั้น แล้วก็มีพลังล้นเหลือมาก ได้มาทำงานกับพวกเขา ฉันรู้สึกผ่อนคลายมาก”
ลู่เซิ่นหลุบตาลง แล้วพยักหน้าราวกับกำลังครุ่นคิดบางอย่าง
ฉินซีเหมือนเห็นปากของเขาขยับพูดว่า “งั้นก็ดี” ออกมาอย่างไร้เสียง แต่ไม่รู้ทำไม เขาถึงไม่พูดมันออกมาเลย แต่กลับถามคำถามอื่นออกมาว่า “แผนงานต่อจากนี้ แผนกได้ส่งให้คุณไหม?”
ฉินซีเปิดโทรศัพท์ดู “ช่วงสองสามวันนี้อาจจะต้องมาประชุมอย่างไม่มีกำหนดวันแน่ชัด เพราะถึงยังไงพล็อตของฉันก็เป็นต้นแบบ ยังมีอีกหลายอย่างต้องค่อยๆปรับปรุงแก้ไข”
ลู่เซิ่นพยักหน้า ทันใดนั้นก็พูดขึ้นมาว่า “งั้นต่อไปนี้ ก็มาบริษัทพร้อมผม”
ฉินซีนิ่งไป ทันใดนั้นก็รู้ตัวว่าเขากำลังตอบคำถามที่ตัวเองถามไปเมื่อวาน
แม้ว่าตอนนั้นอารมณ์ของเธอจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่เธอก็ไม่ได้เป็นคนใจแคบขนาดนั้น ถึงเมื่อวานลู่เซิ่นจะเมินเธอ แต่แค่คำพูดยินดีที่แสนเรียบนิ่งของเขา และความจริงใจที่แสดงออกมาในวันนี้ เธอก็ไม่ได้คิดโกรธแค้นอะไรแล้ว
ฉินซีกระตุกมุมปากเป็นรอยยิ้ม และตอบรับกลับไปด้วยคำพูดที่ไม่ได้บอกว่าจะติดรถของลู่เซิ่นมาประชุมในช่วงบ่าย “งั้นหลังจากนี้คงต้องรบกวนคนขับรถของบริษัทคุณแล้วล่ะ”
ลู่เซิ่นมองเธออย่างลุ่มลึก ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก