Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 945
บทที่ 945 ถ้ายังกวนอยู่คงได้ระเบิดออกมาแน่
ตอนที่ฉินซีกลับมาถึงรีสอร์ทชิงหยวน ฟ้าก็มืดแล้ว
ลู่เซิ่นนั่งอยู่บนโต๊ะ ดูเหมือนจะเพิ่งทานข้าวเสร็จ สีหน้าของเขาดูเรียบนิ่ง “คุณออกไปข้างนอกมา?”
ฉินซีพยักหน้า “ไปสถานที่ถ่ายงานมาน่ะ”
เธอยุ่งตลอดทั้งบ่าย จึงรู้สึกเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก เธอไม่ได้พูดอะไรมาก ตรงขึ้นชั้นบนไปทันที
ตอนแรกเธอว่าจะผ่อนคลายด้วยการอาบน้ำอุ่นสักหน่อย แต่พอน้ำอุ่นสาดลงบนร่างกาย เธอกลับรู้สึกเจ็บแสบไปทั่วแผ่นหลัง
เกิดอะไรขึ้น?
เธอลืมว่าตัวเองโดนชนตอนอยู่ที่สถานที่ถ่ายทำไปเสียสนิท พอนึกย้อนกลับไปถึงคิดได้ว่าวันนี้ตัวเองโดนชน
แต่ว่า….ไม่ได้ชนแรงขนาดนั้นสักหน่อย แต่ทำไมเธอรู้สึกเหมือนผิวถลอกเลยล่ะ?
ฉินซีอยากเห็นแผล แต่ในตอนนี้ห้องน้ำกันปกคลุมไปด้วยไอน้ำ เธอจึงไม่สามารถมองเห็นหลังของตัวเองได้
และในตอนที่กำลังเงอะงะ จู่ๆประตูห้องน้ำก็เปิดออก
ไม่ต้องมองก็รู้ว่าคนที่เปิดประตูเข้ามาเป็นลู่เซิ่น เธอไม่ถือสาเรื่องที่ลู่เซิ่นบุกรุกเข้ามาอย่างไม่บอกไม่กล่าว กลับกันกลับเอ่ยปากขอความช่วยเหลือว่า “คุณช่วยฉันดูหน่อย หลังฉันถลอกไหม?”
เมื่อเธอพูดแทรกมาแบบนี้ เขาจึงต้องพับเก็บสิ่งที่กำลังจะทำในตอนแรกไปชั่วคราว แล้วก้มตัวลงไปมองแผ่นหลังของเธออย่างละเอียด
ผิวของฉินซีขาวมาก แผ่นหลังของเธอขาวเหมือนหยกสีนวล แต่เมื่อลู่เซิ่นขยับเข้ามาดูใกล้ๆก็เห็นว่าบริเวณส่วนล่างของ “หยกสีนวล” มีแผลเล็กๆประดับอยู่
เขายื่นมือออกแตะ “ตรงนี้เหรอ?”
“ซี๊ด….เจ็บ!” ฉินซีขมวดคิ้วฉับ
คงจะเป็นตรงนี้สินะ
“เกิดอะไรขึ้น?” สีหน้าของลู่เซิ่นเริ่มเยือกเย็น
“ตอนอยู่ในสถานที่ถ่ายทำฉันไม่ระวังเลยโดนชนเข้าน่ะ” ฉินซีพูดคลุมเครือ
ลู่เซิ่นไม่ได้ถามอะไรต่อ เขาเหยียดกายลุกขึ้น ออกไปบอกพ่อบ้านให้ไปหยิบยากับปลาสเตอร์มาให้ จากนั้นก็เดินกลับเข้ามาในห้องน้ำอีกครั้ง
ไอน้ำเริ่มจางลงบ้างแล้ว และตอนนี้ฉินซีก็กำลังเปลือย เมื่อเห็นลู่เซิ่นเดินกลับเข้ามาอีกครั้ง เธอเลยไม่ค่อยสบายตัว
“ผมไปเอายามาให้” ลู่เซิ่นชูของที่อยู่ในมือขึ้นมา
ฉินซีขดตัวอยู่ในอ่าง ในขณะที่คิดหาทางเอื้อมมือไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาคลุมร่างกาย ก็ตอบกลับไปว่า “อ่อ…โอเค…ขอบคุณ คุณวางไว้ก็ได้ เดี๋ยวฉันทาเอง”
ลู่เซิ่นมองเห็นท่าทางขัดเขินจางๆบนใบหน้าของเธอ อารมณ์จึงเริ่มดีขึ้นมาหน่อย เอ่ยปากพูดว่า “จะทาได้เหรอ?”
ฉินซีตัวแข็งทื่อ
ตอนนี้เธออายจะตายแล้ว จะไปมีกระจิตกระใจคิดเรื่องทายาที่ไหน
“ผมเคยเห็นหมดแล้วน่า จะหลบทำไม” ลู่เซิ่นพูดนิ่งๆ “หันหลังมา ผมจะทาให้”
ฉินซีหันไปมองท่าทีเหมือนไม่ได้คิดอะไรของเขา จู่ๆก็รู้สึกไม่มั่นใจในตัวเอง
ทำไมเขานิ่งได้ขนาดนี้?
เธอจึงข่มกลั้นความขัดเขินเอาไว้ แล้วหันหลังให้อย่างสบายๆ “งั้นคุณทาให้หน่อย”
เมื่อลู่เซิ่นเห็นใบหูแดงๆของเธอ ขำออกมาอย่างไร้เสียง
คงต้องหยุดกวนแล้ว ถ้ายังกวนอยู่คงได้ระเบิดออกมาแน่
……
สื่อนำเสนอถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการหลังจากนั้นไม่นาน
ทั้งหมดมีสองฉบับคือฉบับรวบรัดกับฉบับเต็ม อย่างแรกเป็นโฆษณาปกติ ฉายบนสื่อและแพลตฟอร์มต่างๆได้ อย่างหลังเป็นรูปแบบหนังสั้น เป็นการบรรยายเกี่ยวกับวัฒนธรรมของบริษัทลู่ซื่ออย่างครบถ้วน
ก่อนที่หนังสั้นจะถูกปล่อย ฉินซีที่เป็นคนคิดพล็อตก็ได้ดูฉบับสมบูรณ์ก่อนล่วงหน้า
แม้จะเป็นฉบับเต็มแต่ก็มีความยาวไม่เกินสิบนาที แต่ฉินซีกลับใช้เวลาในการดูเกือบหนึ่งชั่วโมงเต็มๆ
ภาพถ่ายทุกภาพที่ปรากฏในหนังสั้น เป็นภาพของเธอทั้งนั้น ดังนั้นทุกภาพ จึงล้วนแล้วแต่เป็นความทรงจำของเธอ
ภาพส่วนใหญ่ที่ฉินซีถ่ายไว้ตลอดหลายปีมานี้ ไม่ใช่ภาพบนนิตยสารหรือเป็นภาพตามบรีฟของฝ่ายซื้อ แต่เป็นภาพที่เธอถ่ายออกมาตามไอเดียที่โผล่เข้ามาในหัวเพียงชั่วแวบ เธอชอบถ่ายส่วนใดส่วนหนึ่งของเมืองนี้ในสภาพอากาศนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพตอนดวงอาทิตย์ขึ้นบนเป็นลานกว้างๆหรือบนตึกสูงๆ ภาพตึกรามบ้านช่องกับกำแพงเมืองเก่าๆในช่วงหน้าฝน เพียงแต่พอดูเผินๆอาจเหมือนใช้ไม่ได้สักรูป แต่ทุกๆครั้งหลังสิ้นสุดการถ่ายภาพ ฉินซีจะพิถีพิถันในการเลือกผลงานที่ตัวเองถูกใจออกมา แล้วปรับแต่งและจัดเก็บไว้อย่างดี
ช่างภาพทุกคนล้วนแล้วแต่มีความหวังอยากจัดงานแสดงภาพถ่ายฝีมือตัวเองกันทั้งนั้น ฉินซีเองก็ไม่ต่างไปจากช่างภาพคนอื่นๆ ที่เธอเก็บสะสมรูปภาพไว้เยอะขนาดนี้ เพราะเดิมทีเธอวาดฝันอยากมีงานแสดงภาพเป็นของตัวเองในอนาคตเพื่อสั่งสมผลงานด้านงานศิลป์ แต่ก็ไม่คิดเลยว่าผลงานการถ่ายภาพตลอดหลายปีมานี้จะถูกนำมาใช้ในสายงานที่ไม่เคยอยู่ในความคิดของเธอเลยตั้งแต่แรก
แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกเสียดายอะไร ถึงยังไงวิธีนี้ก็สามารถทำให้คนได้ชื่นชมภาพถ่ายของเธอได้เหมือนกัน สำหรับฉินซีแล้ว ก็ถือเป็นผลสำเร็จอีกแบบหนึ่ง
ถึงแม้ฉินซีจะเป็นคนคิดพล็อตเอง แต่ทว่าเธอก็ไม่ได้มีส่วนร่วมในขั้นตอนการผลิตทั้งหมด แต่เมื่อผ่านการตั้งใจรังสรรค์มาอย่างดีของทีมงาน ผลงานก็ออกมาดีเกินความคาดหมายที่เธอคิดเอาไว้มาก
ทั้งดนตรีประกอบ ทั้งภาพถ่ายกับบทสัมภาษณ์ของคนที่คาบเกี่ยวกัน ต่างก็เป็นไปอย่างลื่นไหลและสมบูรณ์แบบ ดูเผินอาจเหมือนว่าแต่ละคนกำลังพูดเรื่องราวของตัวเอง แต่ก็มีสอดแทรกการสืบทอดและการพัฒนาของบริษัทลู่ซื่อเข้าไปอย่างเนียนๆ
ฉินซีพอใจกับผลลัพธ์มากๆ
ทางลู่เซิ่นเองก็ได้เห็นผลงานในเวลาเดียวกันกับเธอ หลังจากที่เขาดูจบ ก็เงียบไปชั่วครู่ จากนั้นก็หันหน้าไปสั่งหลินหยังว่า “นำไปเผยแพร่ในทุกๆแพลตฟอร์มให้เร็วที่สุด”
นั่นหมายความว่าเขาพอใจกับผลงานชิ้นนี้มากๆ
พนักงานในแผนกโฆษณาที่ตอนแรกรอคำชี้แนะจากเจ้านายอย่างกล้าๆกลัวๆ แต่ละคนต่างก็พากันขมวดคิ้วครุ่นคิดว่าต้องแก้ไขยังไงถึงจะเป็นไปตามความต้องการของเจ้านาย แต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะอนุมัติให้ผ่านเร็วขนาดนี้ ชั่วขณะทุกคนก็แสดงสีหน้าดีใจออกมา
ดังนั้นในวันถัดมา หนังสั้นของบริษัทลู่ซื่อก็ถูกนำไปออนแอร์บนแพลตฟอร์มโฆษณาต่างๆ เพียงแต่ว่าความยาวมีจำกัด ฉบับที่นำไปฉายจึงเป็นฉบับรวบรัด ส่วนฉบับเต็มถูกนำไปโพสต์บนเพจออฟฟิเชี่ยลของบริษัทลู่ซื่อแทน
ถ้าพูดกันตามตรง ผู้ชมอาจไม่ได้สนใจการนำเสนอวัฒนธรรมของบริษัทลู่ซื่อเท่าไหร่ ถึงแม้ว่าบริษัทที่เผยแพร่สื่อออกไปจะเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างบริษัทลู่ซื่อ แต่ส่วนหนึ่งก็มาจากอิทธิพลของดาราอย่างหซู่เป่ยที่ทำให้ได้รับการตอบรับที่ดีขึ้นไปอีก ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะการนำเสนอโฆษณาอย่างทุ่มทุน ทำให้หลายๆคนอยากรู้อยากเห็น จนต้องกดเข้าไปดู
แทบจะทุกคนที่ดูวิดีโอที่มีความยาวไม่กี่นาทีนี้จบ ก็จะเกิดความรู้สึกค้างคา
ดังนั้นในตอนที่พวกเขาเห็นว่าเพจส่วนตัวของหซู่เป่ยมีการแชร์โฆษณาฉบับเต็มของบริษัทลู่ซื่อ ทุกคนจึงกดเข้าไปดู จนลิงก์วิดีโอโหลดช้าเพราะมีคนเข้าใช้งานมากเกินไป
ชั่วขณะ หนังสั้นเรื่องนี้ก็เป็นกระแสไปทั่วอินเทอร์เน็ต
บางคนก็รีวิวว่าไม่ใช่แค่หนังสั้นธรรมดาแต่เป็นมากกว่าหนังสั้น บางคนดูจบก็คิดไปถึงเรื่องราวต่างๆของตัวเอง บางคนก็ถึงกับถามทางบริษัทว่าถ่ายต่อได้หรือไม่ พวกเขาอยากส่งเรื่องราวและรูปภาพของตัวเองไปให้บ้าง และยังมีหลายคนที่ชื่นชอบภาพถ่ายในหนังสั้นเป็นอย่างมาก ใต้คอมเม้นมีคำถามส่งมาไม่หยุดว่าเจ้าของผลงานภาพถ่ายเป็นใคร
เพราะความนิยมของหนังสั้นเป็นกระแสมาก จึงดึงดูดความสนใจจากบุคคลที่มีชื่อเสียงในแวดวงธุรกิจหลายคนได้เป็นอย่างดี ในมุมมองของมืออาชีพ บางคนก็ใช้ศัพท์เฉพาะทางที่คนนอกวงการไม่เข้าใจมาใช้วิเคราะห์ภาพถ่ายของฉินซี และได้ข้อสรุปออกมาว่า ช่างกล้องอย่างฉินซี อนาคตต้องรุ่งโรจน์อย่างแน่นอน
ลู่เซิ่นนั่งอยู่ในห้องทำงาน ฟังหลินหยังรายงานข้อมูลต่างๆ “วันนี้หลังจากที่ปล่อยสื่อนำเสนอออกไป หุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้นในราคาเปิดช่วงบ่าย และยอดขายของร้านขายปลีกกับร้านออนไลน์เพิ่มขึ้นเยอะมาก ในด้านการร่วมงาน บริษัทที่เราอยากร่วมงานด้วยก่อนหน้านี้ วันนี้ก็โทรติดต่อมา ค่อนข้างมั่นใจครับว่าเราคงได้ร่วมงานกับเขาเร็วๆนี้”