Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 981
บทที่ 981 นายจะให้ฉันตอบแทนยังไงก็ได้
เมื่อฉินซีลืมตาขึ้นก็รู้สึกปวดที่ขมับเล็กน้อย
เธอยกมือขึ้นลูบที่ขมับของตัวเองเมื่อสายตาปรับโฟกัสได้ก็พบว่าลู่เซิ่นนอนอยู่ด้านข้าง
ท่านอนของเขาดูจะเผด็จการเอามากๆ ทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคยเป็นเช่นนี้ โดยมือพาดผ่านเอวของเธอราวกับกลัวว่าตัวเองจะหนีไปอย่างไรอย่างนั้น
ฉินซีหันหน้ากลับคิดจะหยิบโทรศัพท์ของตัวเองแต่การขยับเล็กๆน้อยๆของเธอก็ทำให้ลู่เซิ่นตื่นขึ้น
“โวยวายอะไรอีก” เห็นได้ชัดว่าลู่เซิ่นยังไม่มีสติ เขาหลับตา เสียงพูดแหบพร่า เอื้อมมือคว้าฉินซีเข้าไปกอดในอ้อมแขนของตัวเอง
ฉินซีตกใจกับท่าทางของเขา
“ขอนอนต่ออีกหน่อย นะ?” เสียงทุ้มต่ำของลู่เซิ่นยั่วเย้าจนใบหูขอเธอแดงก่ำ
ฉินซีไม่ได้ขยับหนี ร่างกายยังคงแข็งทื่อ แต่หากสังเกตดีๆจะพบว่าสีหน้าของเธอดูหมดอาลัยตายอยาก
…จริงสิ เธอค่อยๆจำสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้
ปกติเธอไม่ดื่มมากนัก หากต้องเข้าสังคมก็เพียงแค่แชมเปญแก้วเดียวเท่านั้น แต่เพราะเมื่อคืนเธอไม่สบอารมณ์จนดื่มเบียร์หมดไปหลายกระป๋องดังนั้นเธอจึงเมามาก
เธอไม่ได้เมาเกินไป ในสมองของเธอยังจำสิ่งที่เธอทำเมื่อคืนนี้ได้
ไปเอะอะโวยวายที่บ้านของอานหยันและไม่ยอมให้เธอไปทำความสะอาดห้องดันทุรังที่จะพิสูจน์ว่าตัวเองกำลังอยู่ที่รีสอร์ทชิงหยวน โวยวายเสียงดังอยู่ที่บันไดเพราะไม่อยากไปนอนที่ห้องนอนใหญ่ ต้องให้ลู่เซิ่นมาหว่านล้อมถึงจะยอมเข้าไปและหลังจากที่เข้าไปแล้วก็…
ฉินซียกมือขึ้นปิดหน้าตัวเอง
เธออยากขอให้ตัวเองเมาจนภาพตัดเสียดีกว่า เพราะไม่อยากนึกถึงสิ่งที่ตัวเองทำไปเมื่อคืน
ตอนนี้ทั้งร่างของเธออยู่ในอ้อมแขนของลู่เซิ่น เมื่อเธอขยับตัว เขาก็ตื่นขึ้นอีกครั้ง
ในที่สุดเขาก็ลืมตาขึ้น เหลือบมองฉินซี “ตื่นแล้วเหรอ”
ฉินซีบังคับตัวเองให้สงบนิ่ง เธอลดมือลงพลางพยักหน้า ‘ตื่นแล้ว’
ลู่เซิ่นมองใบหูแดงก่ำของเธอ สีหน้าเขินอายที่ไม่สามารถปิดบังก็ทำให้รู้ว่าเธอจำทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อคืนได้
“จำได้ไหมว่าเมื่อคืนตัวเองทำอะไรไปบ้าง” ลู่เซิ่นพูดขึ้น
หากโทนเสียงของเขาไม่สูงขึ้น นั่นหมายความว่าเขาไม่ได้กำลังแกล้งแหย่เธอ
สีหน้าของฉินซีแข็งทื่อพลางส่ายหัว “จำไม่ได้ ฉันเมาจนภาพตัดไปเลย”
แบบนี้ยังดีกว่าที่ต้องยอมรับต่อหน้าลู่เซิ่น
ลู่เซิ่นมองออกแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เพียงแค่พยักหน้าพลางพลิกตัวไปหยิบโทรศัพท์ “ในเมื่อเธอจำไม่ได้ งั้นฉันจะทวนความจำให้เธอเอง”
ฉินซีตกใจเมื่อเห็นเขาปลดล็อกโทรศัพท์ “นายจะทำอะไร!”
ลู่เซิ่นยักไหล่ “ก็ทวนความจำให้เธอไง”
ฉินซีมองไปที่โทรศัพท์ พูดติดๆขัดๆ “นาย…ถ่ายไว้เหรอ?”
ลู่เซิ่นไม่ตอบอะไร แค่ก้มหน้าลงแล้วจู่ๆเสียงก็ดัง
“จริงสิ ที่นี่มันห้องนอนใหญ่ ไม่ใช่ที่ที่ฉันควรอยู่” นี่คือเสียงของฉินซี
“แล้วเธอต้องการอะไร” เสียงของลู่เซิ่นที่ชัดเจนว่าเริ่มจะหมดความอดทนแล้ว
“แบบนี้ดีกว่า” ฉินซีครุ่นคิด “ฉันจ่ายค่าเช่าให้นายล่ะเป็นไง จ่ายทุกคืน แบบนี้…”
“พอแล้ว!” ฉินซียื่นมือไปคว้าโทรศัพท์ของลู่เซิ่นด้วยความอาย “ไม่ต้องทวนแล้ว !ฉันจำได้แล้ว!”
ลู่เซิ่นหัวเราะเบาๆ “ฉินซี ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าเวลาเธอเมาแล้วจะเป็นแบบนี้”
ฉินซีบ่นพึมพำด้วยความละอายใจ “ฉันก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน”
“คราวหน้าไปไหนมาไหนคนเดียว ดื่มน้อยๆก็พอ อย่าดื่มจนเมาอีก” ท่าทีลู่เซิ่นดูเข้มงวด เขายกมือตบที่ไหล่ของฉินซีเป็นเชิงสั่ง
ต่อให้เขาไม่บอก ฉินซีก็รู้ตัวเองดีอยู่แล้ว เธอเพียงแต่พยักหน้ารับ
นี่เป็นเรื่องที่น่าขายหน้าต่อหน้าคนอื่น…ฉินซีกลัวว่าจะไม่มีหน้าไปพบเจอใครอีก
ตื่นแล้วก็ลุกเถอะ รู้สึกไม่สบายตรงไหนรึเปล่า” ลู่เซิ่นยืดตัวบิดขี้เกียจ
ฉินซีส่ายหัว “ไม่มี”
นอกจากรู้สึกปวดขมับตอนที่ตื่นขึ้นแล้ว ก็ไม่มีตรงไหนที่รู้สึกไม่สบายอีก
“งั้นก็ดี ซุปแก้เมาค้างของพ่อบ้านคงจะได้ผล” ลู่เซิ่นพยักหน้า
ฉินซีรู้สึกอายอีกครั้งเมื่อนึกถึงพ่อบ้าน
เมื่อคืนพ่อบ้านนำซุปมาให้ แต่กลับไม่ยอมดื่ม อีกทั้งยังยืนกรานว่าตัวเองไม่ได้เมา แต่ในที่สุดลู่เซิ่นก็หว่านล้อมจนต้องดื่มต่อหน้าพ่อบ้านจนได้
…ต่อไปจะทำตัวยังไงดีเนี่ย
ลู่เซิ่นมองเห็นท่าทีของฉินซีก็รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่จึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบา ๆ
“นาย!ลบไปเลยนะ!ลืมเรื่องเมื่อคืนให้หมด!” ฉินซีหันหน้ามองเขา เธอรู้สึกอึดอัดกับรอยยิ้มนั้น
ลู่เซิ่นยกมุมปากขึ้น “เมื่อคืนฉันดูแลเธอทั้งคืนเลยนะ ทำไมถึงกลับตอบแทนกันแบบนี้เนี่ย”
ฉินซีกัดฟันพูด “นายจะให้ฉันตอบแทนยังไงก็ได้ แต่ลบมันทิ้งซะ!”
สายตาของลู่เซิ่นมีเลศนัย “ตอบแทนยังไง…ก็ได้?”
ฉินซีที่รู้จักเขามานาน สังเกตเห็นบางอย่างผิดปกติในดวงตาของเขา เธอก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็ว “นายคิดอะไรอยู่”
เมื่อเธอเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์ ทั้งร่างของเธอก็โถมไปบนตัวของลู่เซิ่น แม้ว่าจะรีบถอยกลับ แต่ก็ยังคงใกล้ชิดกับเขาอยู่ดี
ลู่เซิ่นยื่นมือออกมาโอบรอบเอวของเธอแล้วโน้มตัวเข้าไปใกล้ “แล้วเธอล่ะ”
ฉินซีกระแอมออกมาเบาๆ “แต่ว่าพวกเราทำแบบนี้จะดีเหรอ อันที่จริงเรา… ”
คำว่า “หย่า”หายไปจากปากของเธอ
รู้สึกถึงริมฝีปากของลู่เซิ่นที่กำลังประกบลงบนริมฝีปากของตัวเองฉินซีหลับตาลงราวกับปล่อยตัวไปโดยไม่มีการขัดขืน
เธอคิดสมเพชตัวเองในใจ ในเมื่อหย่ากันแล้วก็ต้องเรียนรู้วิธีที่จะออกห่างจากลู่เซิ่น ต้องซ่อนความรู้สึกของตัวเองเอาไว้ไม่ให้ใครเห็น
แต่ทำไมถึงไม่สามารถต้านทานจูบจากลู่เซิ่นได้เลย
ราวกับว่ารู้ว่าฉินซีจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอย่างไรอย่างนั้น ลู่เซิ่นจึงกัดริมฝีปากล่างของเธอเบาๆ “ยังจะคิดถึงเรื่องอะไรอยู่อีก”
ฉินซีส่งเสียง “อื่อ” เธอคิดจะอธิบาย แต่ก็ถูกลู่เซิ่นพาไป จนทำให้ตอนนี้ไม่ได้คิดอะไรแล้ว
……
เป็นเวลานานกว่าหนึ่งชั่วโมงหลังจากที่ทั้งสองคนทำทุกอย่างเสร็จสิ้น
ลู่เซิ่นลุกจากเตียงและไปอาบน้ำด้วยสีหน้ายิ้มระรื่น ส่วนฉินซียังนอนอยู่บนเตียง มองดูเพดานที่ว่างเปล่า
เธอยังคงดูไม่ออกว่าลู่เซิ่นกำลังคิดอะไรอยู่
เมื่อต้องการหย่าเขาเองก็ไม่ขัดขืน แต่เมื่อตัวเองจะไป กลับกลายเหมือนว่าเขาไม่อนุญาต
ลู่เซิ่นอยากจะเป็น…คู่นอนกับตัวเองอย่างนั้นเหรอ
คิ้วของฉินซีขมวดเป็นปม
เสียงโทรศัพท์ของเธอดังขึ้น
เมื่อเห็นว่าบนหน้าจอเป็นชื่ออานหยัน ฉินซีก็รับสายทันที “ว่าไง อานหยัน”
“เธอเป็นไงบ้าง” เสียงของอานหยันแหบแห้งเล็กน้อย ดูเหมือนจะยังแฮงค์อยู่
ฉินซีมองดูตัวเองในสถานการณ์ตอนนี้ เธอรู้สึกอายนิดหน่อย
เธอยืนยันที่จะบอกอานหยันว่าตัวเองกับ ลู่เซิ่นหย่ากันแล้วและขอร้องให้เธอช่วยหาที่อยู่ให้
แต่ผลสรุปตัวเองในตอนนี้นั้น…เหมือนกับว่ากำลังโกหกอานหยันอย่างไรอย่างนั้น
“ฉันโอเค พ่อบ้านทำซุปแก้เมาค้างให้ดื่ม วันนี้ตื่นมาแค่ไม่รู้สึกไม่สบายนิดหน่อยเฉยๆ” ฉินซีจงใจเบี่ยงประเด็น
อานหยันเลียริมฝีปากอย่างหงุดหงิด “ใครถามไม่ทราบ”