Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 986
บทที่ 986 ฉันไร้เดียงสาเกินไป
“ฉินซีอย่างนี้เธอก็ยอมรับแล้วสินะว่าการที่บริษัทลู่ซื่อพุ่งเป้ามายังบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป ก็เพราะเธอ!” คำพูดของฉินซึ่งเทียนเต็มไปด้วยความโล่งอก ราวกับว่าในที่สุดก็พบช่องโหว่ในคำพูดของฉินซีจนได้ ประกอบกับท่าทีที่ดูจะภูมิใจมาก
แต่เมื่อเขากวาดสายตามองทุกคนในห้องประชุมก็พบว่าสีหน้าของพวกเขาดูไม่ดีนัก
เขาหยุดนิ่งและเพิ่งตระหนักได้ว่าตัวเองไม่สามารถดึงความสนใจของคนออกจากคำพูดของฉินซีได้
เห็นได้ชัดว่าทุกคนให้ความสนใจต่อคำพูดของฉินซีที่ว่า “สร้างอุบัติเหตุทางรถยนต์เพราะหวังจะเอาชีวิตเธอ”
เขากระแอมออกมา แต่ก็ไม่สามารถเรียกความสนใจของทุกคนได้
แต่ทางด้านฉินซีก็เริ่มเอ่ยปากพูดขึ้น
“ตลอดเวลาที่ผ่านมา ดิฉันไม่เคยหาโอกาสที่เหมาะสมพอจะพูดเรื่องนี้เลย จนท้ายที่สุดดิฉันได้มาเป็นหนึ่งในสมาชิกตระกูลฉิน บริษัทนี้ก่อตั้งโดยคุณปู่ของดิฉันและต้องใช้ประสบการณ์มากมายกว่าจะมาเป็นอย่างปัจจุบัน ถ้าพูดไม่ดี มันจะส่งผลด้านลบให้แก่ฉินซื่อกรุ๊ป และส่งผลไม่ดีแก่ตัวฉันด้วย”
สายตาของฉินซีลดต่ำลง น้ำเสียงที่พูดก็ฟังดูนุ่มนวลขึ้น ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นกังวลต่อบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปด้วยใจจริง
เมื่อใบหน้าที่งดงามของเธอแสดงสีหน้าเช่นนี้ ยิ่งทำให้คนอื่นๆรู้สึกถึงความเจ็บปวด
ทำให้ผู้คนในห้องประชุมต่างค่อยๆปล่อยเสียงลมหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา ราวกับว่ากลัวว่าเสียงนั้นจะไปรบกวนเธอ
ยกเว้นฉินซิงกับฉินเฉิง
ด้วยคำพูดของฉินซีทำให้พวกเขาหน้าซีดและกลัวจนตัวสั่น
โชคดีที่ความสนใจของคนรอบข้างอยู่ที่ฉินซี ดังนั้นจึงไม่มีใครสังเกตเห็นความผิดปกติของพวกเขาในระหว่าง
แต่ถ้าทั้งสองคนยังคงเป็นแบบนี้ต่อไป ในอีกไม่ช้าต้องถูกจับได้แน่นอน
ฉินซึ่งเทียนกัดฟัน แอบสบถคำหยาบคาย
ฉินซียังคงกล่าวต่อไป
“แต่ก็เป็นที่ประจักษ์แก่ทุกท่านแล้วว่า ก่อนหน้านี้ประธานฉินได้ครอบครองมรดกที่แม่ทิ้งไว้ให้ดิฉันไปอย่างผิดกฎหมายโดยปกปิดทุกคน และหลังจากที่ดิฉันได้สืบทอดหุ้นอย่างถูกต้องตามกฎหมายโดยเป็นไปตามข้อกำหนดซึ่งผ่านการรับเลือกจากที่ประชุมแล้ว แต่เขากลับสร้างปัญหาให้ดิฉันอยู่ตลอดเวลาอีกทั้งยังรบกวนให้ทุกท่านต้องมาเข้าร่วมการประชุมของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปอีกด้วย”
เมื่อพูดถึงท่อนนี้ เธอหยุดไปครู่หนึ่งพลางค่อยๆเดินถอยหลังและโค้งตัวให้กับทุกคนให้ห้องประชุมเพื่อเป็นการขอโทษสำหรับปัญหาที่เกิดขึ้น
ผู้ถือหุ้นคนอื่นๆต่างมองไปที่รูปร่างเพรียวบางของเธอพลางรู้สึกผิดในใจ
เพราะผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ที่ได้รับอีเมลจากฉินซื่อกรุ๊ปเห็นวาระการประชุมในครั้งนี้ ต่างก็พุ่งเป้าไปที่การขับไล่ฉินซีกันทั้งนั้น
เมื่อเห็นท่าทางของเธอก็รู้ได้เลยว่าความคิดของตัวเองนั้นผิดมหันต์
“ประธานฉินพูดอยู่ตลอดว่าเพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์พ่อลูกจึงไม่กล้าทำอะไรโหดร้าย แต่แท้ที่จริงการที่ฉันต้องประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเดือนที่แล้ว คนที่อยู่เบื้องหลังก็คือเขา ฉินซึ่งเทียน”
ทันใดนั้นน้ำเสียงของฉินซีก็เริ่มเกินขีดจำกัดความอดทน
แต่เธอไม่ได้หันกลับไปมองฉินซึ่งเทียนที่สีหน้ายังคงไม่เปลี่ยนไป แต่กลับจ้องไปที่ ฉินซิงและฉินเฉิงที่เริ่มจนตัวสั่น
สายตาของทุกคนต่างมองตามมาที่พวกเขาทั้งสอง
“ดิฉันเคยคิดว่าคนในครอบครัวเดียวกันคงจะไม่ทำอะไรที่โหดร้าย เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้นกับดิฉัน แต่ทว่า…เห็นได้ชัดว่าดิฉันนั้นไร้เดียงสาเกินไป”
น้ำเสียงของฉินซีเบาลงราวกับถอนหายใจ
แม้ว่าเธอจะละสายตาไปแล้วก็ตาม แต่คิ้วของทุกคนยังคงขมวดเป็นปม
ฉินซีพูดเพียงเท่านี้ แม้ว่าเธอจะไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม แต่มันก็เพียงพอแล้วสำหรับพวกเขาที่จะทำความเข้าใจ
ดูเหมือนว่าอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เกิดขึ้นจะเกิดจากฉินเฉิงและฉินซิงโดยมีฉินซึ่งเทียนเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง
เมื่อคิดได้เช่นนี้ สายตาของทุกคนเผยให้เห็นถึงการประณาม
ฉินซิงเก็บความโกรธเอาไว้ไม่อยู่ อดไม่ได้ที่จะตวาดเสียงดัง “ฉินซี!เธออย่าบิดเบือนความจริงสิ!อุบัติเหตุทางรถยนต์นั่นมันเป็นแค่อุบัติเหตุ!พวกเราไม่อยากทำ…”
เธอยังพูดไม่จบก็ถูกฉินเฉิงขัดขวางไว้
แต่ฉินซีไม่ได้หันไปมองเธอ ยังคงพูดกับทุกคน “ดิฉันกับประธานฉินแตกต่างกัน ทุกสิ่งทุกอย่างที่ดิฉันพูดออกไปล้วนมีหลักฐาน และดิฉันได้ส่งหลักฐานไปแล้วว่าใครทำอะไรด้วยจุดประสงค์อะไร ดิฉันไม่อยากทำให้ทุกท่านใน ณ ที่นี้ต้องเสียเวลา แต่ขอให้ทุกท่านรอผลการสอบสวนจากหน่วยงานความมั่นคงค่ะ”
เมื่อเธอพูดจบ ฉินซิงก็เกือบเป็นลมล้มลงไป
แต่ความสนใจของทุกคนล้วนอยู่ที่ฉินซี ไม่มีใครสนใจว่าเธอจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร
ฉินซึ่งเทียนขมวดคิ้ว ยืนอยู่ด้านข้างโดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำเพราะเกรงว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องไปด้วย
แต่ดูเหมือนว่าฉินซีตั้งใจจะพูดถึงเพียงเท่านี้โดยไม่ได้ขยายความอะไรต่อ จากนั้นเธอเพียงแค่เปลี่ยนน้ำเสียง
“สิ่งที่ประธานฉินได้ตั้งคำถามกับดิฉันไว้มากมาย ดิฉันได้อธิบายไปหมดแล้วว่าดิฉันไม่มีทราบเรื่องการประมูลโครงการตึกแฝด ดังนั้นดิฉันจึงไม่ยินยอมให้ใครพูดถึงดิฉันอย่างสาดเสียเทเสีย”
ในที่สุดหัวข้อก็กลับไปสู่คำถามเริ่มต้น ตอนนี้ความรู้สึกของทุกคนที่มีต่อฉินซีนั้นแตกต่างออกไป
หากเปลี่ยนเป็นอีกคน เจอฉินซึ่งเทียนคอยพูดขู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเช่นนี้ คาดคงว่าคงจะสู้กับเขาอย่างถึงไหนถึงกันไปนานแล้ว ซึ่งสิ่งที่ฉินซีทำอยู่ในตอนนี้นับว่าเป็นการยับยั้งชั่งใจอย่างมาก
คำพูดเพียงไม่กี่คำของฉินซีสามารถเปลี่ยนทิศทางของความคิดเห็นของทุกคนได้
แน่นอนว่าฉินซึ่งเทียนไม่พอใจนัก หัวข้อก่อนหน้านี้อันตรายเกินไป เขาไม่คิดจะกลับไปพูดถึงอีกเพราะกลัวจะกลายเป็นว่ามีส่วนร่วมด้วย และในตอนนี้ก็กลับสู่หัวข้อเดิม ซึ่งแน่นอนว่าเขาไม่สามารถปล่อยให้ฉินซีโน้มน้าวคนอื่นๆได้อีกต่อไป
เขาพูดด้วยเสียงหนักแน่น “ฉินซี!สิ่งที่เธอพูดมามันไร้สาระทั้งนั้น เธอต้องการอะไรกันแน่ หยุดเบี่ยงประเด็นการประชุมในวันนี้ได้แล้ว!เธอ…”
ฉินซียกนิ้วชิดริมฝีปากไปทางเขาเพื่อเป็นเชิงให้หยุดพูด พลางเอ่ยขึ้นกลบคำพูดของฉินซึ่งเทียน
“ประธานฉินไม่ต้องรีบร้อนหรอกคะ เพราะดิฉันจะพูดถึงประเด็นหลักเดี๋ยวนี้เลย”
เมื่อพูดจบเธอก็หันหน้าไปทางทุกคน
“นี่คือความพยายามครั้งที่สองที่ประธานฉินต้องการจะโยนความผิดเรื่องที่ธุรกิจของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปตกต่ำลงให้กับดิฉัน ก่อนหน้านี้ดิฉันได้พูดไปแล้ว การที่บริษัทลู่ซื่อไม่ได้ต่อสัญญา อันเนื่องมาจากการหย่าร้างระหว่างประธานฉินและแม่ของดิฉัน ไม่เกี่ยวข้องกับดิฉันแม้แต่น้อย”
ทุกคนต่างขมวดคิ้วพลางนึกย้อนไปถึงการประชุมคณะกรรมการครั้งล่าสุด
“แต่เรื่องราวในครั้งนี้ ดิฉันจำเป็นต้องอธิบายให้ทุกท่านทราบ ซึ่งไม่สามารถพูดอย่างครั้งก่อนได้”
คำพูดของฉินซีเปลี่ยนไป
ใช้ช่วงเวลาที่ทุกคนกำลังแปลกใจอยู่นี้โยนระเบิดเล็กๆเข้าไปหนึ่งลูก
“ดิฉันจะไม่มีวันยอมรับในสิ่งที่ดิฉันไม่ได้ทำ แต่ในเมื่ออยู่ในความรับผิดชอบของดิฉันและดิฉันจะไม่หนี”
อารมณ์ของคณะกรรมทุกท่านในวันนี้ขึ้นๆลงๆราวกับนั่งอยู่บนรถไฟเหาะ
หมายความว่าอย่างไร ความรับผิดชอบที่ว่าคืออะไร ฉินซีทำอะไรเพื่อเป็นการขอโทษต่อเหตุการณ์ในฉินซื่อกรุ๊ปกันแน่
เธอใช้คำพูดมากมายเพื่อทำให้ทุกคนเกิดรู้สึกเห็นใจเธอ แล้วตอนนี้กลับหงายการ์ดขอยอมรับผิดเพื่อให้ทุกคนไม่ทำอะไรรุนแรงกับเธออย่างนั้นเหรอ
ในหนึ่งชั่วโมง สีหน้าของทุกคนต่างเปลี่ยนไปมากมายหลายอารมณ์ แต่มีเพียงสีหน้าของเท่านั้นฉินซึ่งเทียนเท่านั้นที่ดูจะสดใสขึ้นมาหน่อย
“ฉินซี ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าเป็นความรับผิดชอบของเธอ เธอหนีไปไหนไม่รอด หยุดเล่นลิ้นสักทีเถอะ!”
ดูเหมือนว่าฉินซีจะไม่ได้ยินคำพูดของเขา เธอมองสีหน้าของผู้คนที่ฟังอยู่ แล้วค่อยหันกลับมามองฉินซึ่งเทียน
ใบหน้ามีความสุขที่แทบจะกลั้นเอาไว้ไม่อยู่
ฉินซีแอบด่าคำว่า’คนโง่’ในใจ