Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 997
บทที่ 997 ความหวัง
ปลายสาย ฉินซีรับรู้ถึงความยากลำบากของอานหยันที่เงียบอยู่นาน
ชั่ววูบ เธอรู้สึกโกรธเกลียด
มีเรื่องอะไรที่พูดไม่ได้กันแน่ ปล่อยให้ตนต้องคิดแล้วคิดอีก อันหยันเองไม่ยอมบอกตน
แต่มิตรภาพหลายปีมานี้ ทำให้ฉินซีสงบลงอย่างรวดเร็ว
อานหยัน…..วางตนไว้อันดับแรกอยู่แล้ว หากเธอไม่ยอมบอก เช่นนั้น บางทีอาจไม่ใช่เรื่องดีสำหรับตน
“ช่างเถอะ” ฉินซีปริปากเอ่ยอย่างเหนื่อยล้า “ลำบากนัก ก็ไม่ต้องพูดหลอก”
อานหยันถอนหายใจเฮือก : “ขอโทษ ฉินซี”
ใช่ว่าเธอไม่อยากบอก เมื่อคืนนั้นเธอมั่นใจในความรู้สึกของลู่เซิ่น แต่การกระทำของลู่เซิ่นในวันนี้ กลับทำให้เธองุนงง
หากเซนส์ตนเองผิดไป หากความรู้สึกที่ลู่เซิ่นมีต่อฉินซีไม่ได้เป็นอย่างที่ตนคิด การที่ตนบอกฉินซีไปแบบนี้ ตรงกันข้ามกลับจะส่งผลให้ฉินซีตกอยู่ในอีกหลุมหนึ่ง
ฉินซีไม่เอ่ยใดๆอีก เธอตัดสายทิ้ง
ลู่เซิ่นเดินกลับเข้ามาด้านใน
เขาหยุดยืนที่หน้าฉินซี จับจ้องเธออยู่อย่างนั้น
“โทษที” เขาเพ่งพินิจคางที่ถูกตนบีบจนบวมแดง พร้อมเอ่ยเสียงแผ่ว “หากเธอรู้สึกปวด ก็ไปหายาที่พ่อบ้าน หรือไม่ก็ให้หมอที่บ้านดูสักหน่อย”
ฉินซีแหงนหน้าขึ้น จ้องตรงไปที่ลู่เซิ่น : “ลู่เซิ่น สิ่งที่คุณต้องขอโทษไม่ใช่เรื่องนี้ คุณ…..ไม่มีอะไรอื่นจะพูดกับฉันหรือ?” ลู่เซิ่นไม่หลบสายตาแต่อย่างใด แต่นัยน์ตากลับไร้ความรู้สึกๆใดๆให้เห็น
เสมือนว่าที่เขาสูญเสียการควบคุมเมื่อครู่นั้น เป็นฉินซีเองที่มองผิดไป
“ผมไม่มีอะไรจะสั่งเสีย” ลู่เซิ่นเผยรอยยิ้มอย่างมีมารยาท แต่กลับให้ความรู้สึกห่างไกลเสียยิ่ง “เธอพิสูจน์ให้ผมเห็นแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องมีผม ก็สามารถอยู่ต่อไปได้เป็นอย่างดี”
ฉินซีขมวดคิ้วด้วยความสงสัย : “ลู่เซิ่น คุณคิดแบบนี้ได้อย่างไร?”
“ฉินซี” ลู่เซิ่นน้ำเสียงราบเรียบ “คุณให้ฉินซึ่งเทียนจ่ายด้วยเงินสด ก็เพื่อใช้หนี้ผมโดยเร็วไม่ใช่หรือ?”
ฉินซีถูกแทงใจดำ เธอนิ่งชะงักไป
ลู่เซิ่นทำอะไรไม่ถูก เขาหรี่ตาลง : “เธอรีบขนาดนี้ ก็เพื่อ…..ไปจากผมไม่ใช่หรือ?”
“ฉันไม่…..” ฉินซีเริ่มไร้ความอดทน “แม้ฉันจะอยากใช้หนี้คุณโดยเร็ว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเพื่อไปจากคุณ…..”
ลู่เซิ่นส่ายหน้า : “ตอนนี้เราหย่ากันแล้ว ระหว่างเราเหลือเพียงแค่สัญญาหนี้กระดาษ แม้เพียงกระดาษคุณยังรีบร้อนที่จะหลุดพ้น ยังจะบอกว่าไม่ใช่เพราะอยากไปจากผมอีกหรือ?”
ฉินซีนวดกำปั้นไปมา ที่สุดเธอทนไม่ได้อีกต่อไปตะโกนเสียงดังลั่น : “ลู่เซิ่น! คุณช่วยฟังฉันให้จบก่อนจะได้ไหม! เลิกพูดเองเออเองไม่จบไม่สิ้นสักที!”
เธอขาดการควบคุม กระทั่งหลินหยังที่อยู่ไกลออกไปยังสะดุ้งโหยงหยุดฝีเท้าลง
ฉินซีหน้าร้อนผ่าว แต่ก็ยังไม่วายเดินเข้าไปประชิดลู่เซิ่น เพ่งลึกเข้าไปยังดวงตาคู่งาม ก่อนเอ่ยชัดถ้อยชัดคำ : “ลู่เซิ่น ไม่ใช่ทุกความสัมพันธ์ ที่จะฉุดรั้งได้ด้วยกระดาษใบเดียว คุณจะไป ฉันไม่รั้ง แต่ฉันหวังว่าหลังจากที่คุณกลับมา คุณจะคิดได้”
จบคำ เธอหันหลังเดินขึ้นห้องทันที อย่างไม่รีรอ
เมื่อหลินหยังเห็นว่าเธอเข้าห้องไปแล้ว เขาถึงได้ขยับเข้ามาด้วยความกล้า ก่อนลองใจถาม : “ประธานลู่ ต่างจังหวัด…..ยังต้องไปอยู่ไหมครับ “
ทีแรกเขาต้องไปเจรจาธุรกิจที่เมืองหนานกับรองประธานบริษัทลู่ รองประธานถึงสนามบินเป็นที่เรียบร้อย เตรียมเช็คอินขึ้นเครื่อง ใครจะไปรู้ ลู่เซิ่นกลับเปลี่ยนใจกะทันหัน จะไปคนเดียวซะงั้น
หลินหยังที่อยู่ระหว่างทางคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ แต่เมื่อถึงรีสอร์ทชิงหยวน เห็นทีท่าของลู่เซิ่นและฉินซีทั้งคู่อยู่ในสถานการณ์ “ชักดาบเข้าสู้” ในที่สุดเขาถึงได้เข้าใจอะไรขึ้นมาเล็กน้อย
ลู่เซิ่นแค่ต้องการถือโอกาสหลบหนี!
แต่ท้ายที่สุด…..ทั้งคู่เหมือนว่าจะไปกันได้ด้วยดี เขาถึงได้ถามว่างานนี้ ยังจำเป็นอยู่หรือไม่ที่ตัวลู่เซิ่นต้องไปด้วยตนเอง
ลู่เซิ่นเผยรอยยิ้มแกมหยอกล้อ หลินหยังติดตามเขามานาน เขามีเหตุผลที่จะเชื่อมั่น อารมณ์เขาในตอนนี้ดีอยู่ไม่น้อย
เช่นนี้…..แสดงว่าไม่ต้องไปไหนแล้ว?
หลินหยังตั้งความหวัง
แต่ทั้งที่ลู่เซิ่นเข้าใจความหมายของฉินซีแท้ๆ แต่เขากลับพยักหน้า
“แน่นอน”
หลินหยังไหล่ตก พร้อมเอื้อมมือรับสัมภาระจากพ่อบ้านอย่างยอมรับชะตากรรม ก่อนเปิดประตูรถให้กับลู่เซิ่น
…..
ฉินซีเดินก้าวยาวถึงห้องนอนใหญ่ พร้อมปิดประตูเสียงดังลั่น ด้วยความโมโห
ลู่เซิ่นคิดอะไรของเขาอยู่กันแน่?
ทำไมเขาถึงได้คิดว่า ระหว่างพวกเขาหากไม่เหลือสัญญากระดาษแล้ว จะไร้ความสัมพันธ์ใดๆต่อกันอีก
ฉินซีขว้างโทรศัพท์ลงบนเตียงอย่างโมโห
เธอไม่ชอบเรื่องราวที่เคลียร์กันไม่รู้เรื่อง
เธอจะหย่า ลู่เซิ่นไม่ฉุดรั้ง กลับพยักหน้าตอบรับ แถมยังยกเลิกสัญญาทั้งหมดของพวกเขา
แต่เมื่อเธอคิดว่านั่นเพราะว่าเขาไม่แคร์ไม่ใส่ใจตน ลู่เซิ่นกลับกอดตนเอาไว้แน่นอย่างเสียการควบคุม บอกไม่ให้เธอไป เขาไม่มีทางปล่อยมือ
ลู่เซิ่นคุ้นชินกับการซ่อนความรู้สึก ให้ฉินซีได้เห็นเพียงแวบ ยังไม่ทันมั่นใจในสิ่งที่เห็น คำตอบกลับมลายหายไป
ความรู้สึกที่อ่านความรู้สึกอีกฝ่ายไม่ขาด เสมือนตอนจบของหนังที่ทุกคนต่างอยากรู้จนลุ้นตัวโก่ง แต่กลับพบว่าเป็นหนังต่อเนื่อง
ฉินซีคว้าหมอนข้างขึ้นกอด
เธออาจไม่รู้ตัว อารมณ์ขึ้นๆลงๆ เรียกว่าความทุกข์
…..
ส่วนทางด้านลู่เซิ่น เขาถึงสนามบินเป็นที่เรียบร้อย
เขาหาไฟต์ที่เหมาะสมไม่ได้ หลินหยังมีแต่จะต้องจัดการใช้เครื่องบินส่วนตัวของบริษัทลู่ไปส่งเขาที่เมืองหนาน ลู่เซิ่นไม่เอ่ยอะไรมาก เขาเงียบตลอดทาง
แต่เมื่อหย่อนก้นนั่งลงบนเบาะ หลินหยังที่เพิ่งเก็บสัมภาระเสร็จ เขาแหงนหน้าขึ้น กลับพบใครบางคนที่เพิ่มเข้ามา
หลินหยังขี้ตกใจ เขาสะดุ้งโหยง เกือบล้มลงไปกองกับพื้น
“หลินยี่” น้ำเสียงของลู่เซิ่นดังมาจากทางด้านหลัง “อยู่ดีๆ มาหลอกผู้ช่วยฉันทำไม”
บุคคลที่ชื่อหลินยี่หันหน้าขวับ ก่อนส่งยิ้มไปทางลู่เซิ่น : “ไม่มีอะไร แค่รู้สึกว่าผู้ช่วยพี่อ่อนหัดชะมัด สนุกดี”
ยังไงซะหลินหยังก็เป็นชายชาตรี ได้ยินเช่นนั้น เขาไม่สบอารมณ์นัก
เขากำลังคิดปริปากเอ่ย สายตากลับเหลือบเห็นอุปกรณ์สีดำ นั่น ปืน!
หลินหยังกลืนประโยคลงคอ
ลู่เซิ่นเดินไปหยุดอยู่ข้างหลินยี่ เขามองไปตามสายตาของหลินหยัง พลันเห็นปืนในมือหลินยี่
“เก็บไว้ให้ดี” ลู่เซิ่นตบบ่าหลินยี่ “อยู่บนเครื่องบินส่วนตัวผม คุณเอาปืนขึ้นมาทำอะไร เดี๋ยวมีลูกหลง”
หลินยี่หันมองเขา : “เอามาเล่นเท่านั้น”
ลู่เซิ่นเม้มริมฝีปาก แหงนหน้าขึ้นเอ่ยกับหลินหยัง : “กลับไปพักที่ห้องตัวเองก่อน ถึงแล้ว แอร์จะไปเรียกคุณเอง”
หลินหยังอยากไปจากที่นี่จะแย่ เขาพยักหน้าก่อนกลับเข้าห้องตนเองไปอย่างเร่งด่วน ก่อนปิดประตู