Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - บทที่ 1558 ความเข้าอกเข้าใจกัน
เมื่อถังย่าเดินออกจากแผนกตึกผู้ป่วยใน เธอใจเย็นลงแล้ว
เธอไม่เสียใจที่ตนเองได้เปิดเผยและระเบิดออกมา เพียงแค่รู้สึกเสียใจเล็กน้อย
เธอระวังและเก็บงำความรู้สึกอยู่ภายในใจมาหลายปี จู่ๆก็ต้องมาลงเอยแบบคาราคาซังอย่างนี้
ถังย่าหัวเราะเยาะตัวเอง พยายามที่จะซ่อนอารมณ์ที่แอบเก็บงำไว้ในใจอีกครั้ง แล้วจดจ่อกับเรื่องที่เธอกำลังจะไปทำ
——เธอต้องหาซิวหน่ายซิงให้เจอ
ไม่ว่าซิวหน่ายซิงจะคิดทำอะไรอยู่ก็ตาม สิ่งที่เขาทำทั้งหมดในวันนี้มันเกินขอบเขตที่ถังย่าจะให้อภัย
ถังย่าไม่มีกะจิตกะใจที่จะเล่นซ่อนแอบเป็นเพื่อนซิวหน่ายซิง เธอยกมือขึ้นโทรศัพท์ ต่อสายตรงไปที่ฝ่ายเทคนิคเพื่อหาตำแหน่งที่อยู่ของเขา
สิ่งที่เหนือความคาดหมายของเธอคือ ซิวหน่ายซิงไม่ได้หนีไปไกล แต่เขาอยู่ที่……พื้นที่สีเขียวหลังโรงพยาบาล
ใบหน้าที่เย็นชาของถังย่า เพียงไม่กี่นาทีก็หาเขาเจอ
เขากำลังนั่งอยู่ข้างทะเลสาบเทียมของโรงพยาบาล ตื่นตาตื่นใจกับการดูหงส์ที่เคลื่อนตัวอย่างช้าๆ เมื่อได้ยินฝีเท้าหยุดที่ข้างกายเขา เขาเงยหน้าขึ้นมอง
เขาเห็นถังย่า เขาก็ยิ้มออกมา แสดงรอยยิ้มที่แช่มชื่นออกมาตามปกติ: “อาจารย์ กลับมาแล้วเหรอ?”
ถึงถังย่าจะมีความคับข้องใจสักเพียงใด เห็นหน้าตาเขาแบบนี้แล้วก็ไม่วิธีที่จะคะยั้นคะยอเขา แต่วันนี้ไม่เหมือนกัน ใบหน้าเธอยังคงเย็นชา เธอพูดเบาๆว่า: “เธอมาทำอะไรที่นี่?”
ไม่รู้ว่าซิวหน่ายซิงได้ยินที่ถังย่าพูดออกมาหรือเปล่า หรือแค่ตั้งใจทำเฉย เขาเผชิญหน้ากับใบหน้าที่เย็นชาของถังย่า แล้วยังคงยักไหล่พร้อมยิ้มแฉ่งว่า: “จ้านเซินกำลังพักฟื้นตัวในห้องคนไข้ คุณหมอไม่ให้ใครเข้าใกล้ ผมไม่มีอะไรทำ ก็เลยทำได้แค่มานั่งงุนงงที่นี่”
ถังย่ามองไปที่รอยยิ้มที่แช่มชื่นของเขา ความคุมความอัดอั้นในใจไว้ไม่ไหว เธอไม่มีเวลามาเล่นไทเก็กกับเขา แล้วพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า : “จ้านเซินเข้าห้องคนไข้ทำไมไม่ส่งข่าวให้ฉัน”
ถึงแม้พยาบาลจะพูดแบบผักชีโรยหน้าว่า “เกิดความผิดปกติทางกายภาพ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายคน” แต่ถังย่ารู้จักจ้านเซินเป็นอย่างดี
รู้ลึกและดีกว่าใครในโลกใบนี้ เธอรู้ดีว่าตามความสามารถในการต่อสู้ของจ้านเซิน ถ้าเขาเสียการควบคุมจริงๆ ถ้าอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นคงจะน่ากลัวมาก หมอคงจะเอาเป็นเอาตาย กว่าจะมีวิธีฉีดยาระงับประสาทให้กับเขาได้จริงๆ
ในสถานการณ์แบบนี้……อย่างไรก็ตามซิวหน่ายซิงไม่ควรที่จะไม่ส่งข่าวให้ตนเอง
แต่ปฏิกิริยาของซิวหน่ายซิงเป็นสิ่งที่ถังย่าคิดไม่ถึง เขาไม่ปฏิเสธ ไม่ได้อธิบายอะไรเพื่อตัวเองเลย เพียงแต่พยักหน้าปกติเบาๆ เขาตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่มีหนักแน่นว่า:“ใช่ ผมแค่ไม่อยากให้คุณกลับมายุ่งเรื่องนี้ก็เท่านั้น”
ถังย่าขมวดคิ้ว น้ำเสียงของเธอดุดันโดยที่ไม่รู้ตัว: “หมายความว่ายังไง”
ซิวหน่ายซิงเปะปากเป็นรูปโค้ง พร้อมสายตาที่เยือกเย็น เขาหันหน้าไปสบสายตากับถังย่า แล้วหันกลับมาที่ทะเลสาบเทียมมองหงส์สองสามตัวนั้นต่อไป: “อาจารย์ ตอนนั้นผมกำลังคิดว่า ถ้าหากอาจารย์กลับมา แล้วเกิดจ้านเซินเป็นอะไรไป อาจารย์จะทำยังไง”
ถังย่าไม่สามารถทนฟังคนอื่นพูด“เป็นอะไรไป”ไม่กี่คำนี้ออกมาจากปาก ใบหน้าของเธอเบี้ยวบูดสุดๆ เธอเอ่ยปากเตือนโดยการเรียกทั้งชื่อแซ่ว่า: “ซิวหน่ายซิง เธอรีบเก็บความคิดแบบนี้ไว้ให้ดี แล้วลืมมันไปซะ”
ซิวหน่ายซิงยังคงไม่หันกลับไปมองเธอ เหมือนเขายังพึมพำกับตัวเองต่อไปว่า: “ถ้าเขาไม่อยู่แล้ว เธอยังจะดึงดันที่จะอยู่กับเขาอยู่มั๊ย”
ถังย่าตกใจ
เธอรู้ว่าซิวหน่ายซิงรู้เข้าใจความรู้สึกของตนเองที่มีต่อจ้านเซิน แต่……กลับรู้สึกคลุมเครือ ตอนนี้คำพูดของเขาดูผิดปกติเล็กน้อย
ราวกับว่า……ถ้าให้เขาพูดต่อไป จะต้องมีเรื่องอะไรที่ไม่ดีเกิดขึ้น
พูดอีกอย่างคือ ตนเองจะรับรู้เรื่องอะไรที่ไม่ควรจะรู้
ตามสัญชาตญาณแล้ว ถังย่าจะเอ่ยปากตัดบทเขา แต่ว่าซิวหน่ายซิงเหมือนจะรู้ว่าเธอจะทำอะไร เขาไม่เพียงไม่หุบปาก ในการตรงกันข้ามกลับเพิ่มระดับเสียงขึ้นเล็กน้อย และพูดโพล่งต่อไป
“ฉันไม่ใช่เธอ ถังย่า” เขาค่อยๆหันหน้ากลับมา แล้วมองตรงไปที่ถังย่า
ถังย่าตัวสั่นโดยที่ไม่มีเหตุผล
ในความทรงจำ……ซิวหน่ายซิงแทบที่จะไม่เคยตะโกนเรียกชื่อแซ่ของเธอแบบนี้เลย เขามักจะยิ้มแย้มพร้อมตะโกนว่า “อาจารย์ อาจารย์”
การที่เขาพูดด้วยท่าทางที่เคร่งขรึมและเป็นทางการเช่นนี้ ถังย่ารู้ได้โดยทันทีว่า เขาไม่ใช่เด็กคนนั้นที่ตนเองเพิ่งเก็บมาอีกแล้ว”
อากิปกิริยาของเขาที่มองมาที่ตนนั้นทำให้เธอรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก การรับรู้นี้ไม่เคยจะชัดเจนแบบนี้มาก่อน ถังย่ารู้แต่เพียงว่าคนที่เธอแหงนหน้ามองในตอนนี้ แทบจะไม่รู้จักไปแล้ว
ซิวหน่ายซิงเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงในสายตาของถังย่า จึงหัวเราะเยาะตัวเอง แต่เขาก็ยังพูดต่อไปว่า: “ฉันไม่มีทางเหมือนเธอที่จะเก็บงำความรู้สึกไว้คนเดียว ทำอะไรคนเดียวมาโดยตลอดเวลา ฉันรักใครแล้ว ฉันจะต้องพูดมันออกมา ถังย่าฉัน—— ”
“พอแล้ว!”
แม้ว่าถังย่าจะเตรียมใจไว้แล้วก็ตาม แต่ก่อนที่ซิวหน่ายซิงจะควบคุมตนเองโพล่งพูดอะไรออกมา เธอพบว่าตนเองก็อดทนฟังต่อไม่ไหว
เธอ……ขี้อายจริงๆ
เธอไม่รู้ว่าตนเองจะไปเผชิญหน้ากับคำเหล่านั้นที่ซิวหน่ายซิงจะพูดออกมาอย่างไร เธอกลัวว่าหลังจากที่เขาพูดคำเหล่านั้นออกมาแล้ว ทุกอย่างจะยากเกินการควบคุม
ดังนั้นเธอจึงทำได้แค่เพียงขึ้นเสียงสูง เพื่อตัดบทคำพูดของซิวหน่ายซิง
ถึงแม้ซิวหน่ายซิงจะถูกตัดบทแต่เขาก็ไม่ได้อารมณ์เสีย หลังจากที่เขามึนงงอยู่ครู่หนึ่ง จู่ๆเขาก็หัวเราะออกมา
“ฉันจะพูดอะไร เธอรู้หมดแล้ว ใช่มั๊ย”
ถังย่าได้แต่เม้มปาก ไม่ตอบอะไร
ซิวหน่ายซิงหัวเราะเบาๆ: “ถังย่า ทั้งๆที่เธอก็รู้ว่าในใจของเขาไม่สามารถมีเธอได้ตลอดไป เธอจะฝืนไปทำไม?”การดิ้นรนที่ไร้ความหมาย จะให้ดำเนินต่อไปเหรอ?”
ถังย่าไม่ได้ตอบในทันที เธอเม้มปากแล้วเงียบไปหลายวินาที
“ทำไมต้องเป็นเขาด้วยนะ?” ซิวหน่ายซิงกลับเข้าสู่โหมดปกติ แต่เขาก็ยังเอ่ยปากเค้นถามอย่างก้าวร้าวเล็กน้อยว่า “เขาก็เป็นแค่คนธรรมดาทั่วไปเท่านั้น มันคุ้มมั๊ยที่เธอจะเจ็บช้ำน้ำใจแบบนี้ ยังจะฝืนต่อไปอีก? ”
เขากวาดสายตาไปที่ลำคอของถังย่า ร่องรอยที่น่าสยดสยองที่จ้านเซินบีบคอถังย่าอย่างโหดร้ายเมื่อสองสามวันก่อนตอนนี้จางขึ้นมากแล้ว แต่……มันเป็นสิ่งที่เคยมีอยู่จริง
เขาปฏิบัติกับเธอเช่นนี้ ทำไมถังย่าถึงยังไม่ยอมตัดใจ?
ซิวหน่ายซิงไม่รู้ว่าตัวเองควรจะอิจฉา หรือควรจะโกรธ หรือ……ควรจะเสียใจดี
ถังย่าได้แต่เพียงแต่เงียบ
เธอมองท่าทางตีโพยตีพายของซิวหน่ายซิง รู้สึกงุนงงอยู่พักหนึ่ง
เธอเข้าใจความฉุนเฉียวของซิวหน่ายซิง แต่เธอกลับไม่มีวิธีที่จะเข้าอกเข้าใจได้ ไม่ว่าเขาจะโกรธหรือว่าเศร้าเสียใจ สำหรับตัวถังย่าแล้ว ไม่ใช่ความประทับใจ น่าจะ……เป็นภาระมากกว่า
……ในสายตาของจ้านเซิน เธอก็เป็นแบบนี้ใช่มั๊ย?
เธอคิดเองว่านี่คือความรักความผูกพัน อันที่จริงแล้วในสายตาของคนอื่นก็เป็นได้เพียงแค่เรื่องตลกที่ไม่มีนัยสำคัญอะไรเลย