Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - บทที่ 1580 ตัดมือ
“แบบนี้คงลงมือได้แล้วสินะ” จ้านเซินโยนสัญญาลงในอ้อมแขนของลู่เซินแบบไม่ได้ตั้งใจโยน “ไม่ใช่ว่าคุณอยากได้สิ่งนี้เป็นหลักประกันหรอกเหรอ รับไปแล้ว ตอนนี้จะทิ้งมือข้างหนึ่งไว้ให้ผมได้แล้วหรือยัง ประธานลู่?”
ในน้ำเสียงของจ้านเซินเต็มไปด้วยการยั่วเย้า
ลู่ซ่นคนนี้ จนถึงวินาทีสุดท้ายแล้ว ยังจะคิดหาข้ออ้างในการผัดวันประกันพรุ่งอีก
เขายังคิดว่าตัวเองไม่น่าถือสัญญาออกไปเลยใช่ไหม? และคงกำลังคิดว่าจะต่อรองกับตัวเองอีกสักพักอย่างนั้นหรือ?
ขอโทษนะ เขาไม่ได้หมายความว่าจะให้โอกาสนี้กับลู่เซิ่นหรอก
พวกเขาทั้งสองคนสลับกันไปสลับกันมา คุณพูดคำผมพูดคำ แม้แต่ฉินซีที่ยืนอยู่ด้านข้างก็ไม่มีโอกาสได้พูดแทรกเลย และจ้องมองลู่เซิ่นหยิบสัญญาขึ้นมาดูอย่างละเอียดถี่ถ้วนตาปริบๆ ในที่สุดจึงได้โอกาสเอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า
“ลู่เซิ่น! วางสัญญาลงซะ!” เธอยกเท้าขึ้นมาอยากจะเดินไปอยู่ข้างๆลู่เซิ่น แต่กลับถูกจ้านเซินขวางทางเอาไว้ ส่วนลู่เซิ่นกลับเอาแต่ก้มหน้ามองลงไปที่สัญญา ราวกับว่าไม่ได้ยินเสียงของฉินซีเลย
“ฉินซี คุณจะรีบร้อนอะไรนักหนาเล่า” จ้านเซินทำสีหน้าหยอกเย้า แล้วก้มหน้าลงไปยิ้มให้ฉินซีและพูดว่า “ประธานลู่อยากจะดูสัญญาให้ดีดีสักหน่อย ให้เวลาเขาหน่อยสิ”
“หลีกไป!”ฉินซีไม่มีความคิดที่จะมาเสียเวลาทะเลาะกับจ้านเซินเลย จึงอยากจะยื่นมือไปผลักมือของเขาที่ขวางอยู่ตรงหน้าของตัวเองออก แล้วเดินไปอยู่ข้างๆลู่เซิ่น และเอาสัญญาบ้าๆฉบับนั้นออกไปฉีกเป็นชิ้นๆ ทำให้เขาเลิกคิดเรื่องไร้สาระแบบนี้อีกต่อไป
แต่กำลังการต่อสู้ของจ้านเซินไม่ว่าเมื่อไหร่ก็สามารถบดขยี้การดำรงอยู่ของฉินซีได้เสมอ เธอพยายามอย่างสุดชีวิตที่จะผลักดันออกไป แต่จ้านเซินกลับไม่ขยับเลยแม้แต่นิดเดียว เขายังคงแสดงสีหน้าที่เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้มออกมา และไม่มีความคิดที่จะหลีกทางเลยสักนิด
ในขณะที่เขากำลังมองดูสีหน้าที่เป็นกังวลของฉินซี เขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะขึ้นมา
ก็มีแต่เพียงคนที่ถูกความรู้สึกบดบังเหตุผลไปแล้วอย่างฉินซีเท่านั้นที่จะเชื่อจริงๆว่าลู่เซิ่นจะลงมือทำจริงๆ
คอยดูเถอะ อีกประเดี๋ยวเดียวตอนที่ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่ยอมตัดมือ ฉินซีจะต้องรู้สึกละอายต่อความตื่นเต้นของตัวเองที่มีอยู่ในตอนนี้อย่างแน่นอน
ในที่สุดถังย่าก็เดินเข้าไปใกล้ๆทั้งสองคนแล้ว ความจริงเธอไม่ได้จะมาลงมือกับจ้านเซินโดยตรงหรอก เธอทำได้เพียงกดเสียงให้ต่ำแล้วเตือนเขาว่า “จ้านเซิน สัญญากรรมสิทธิ์ที่ดินฉบับนั้นสำคัญมาก ทำอย่างนี้……มันไม่เหมาะสมไปหน่อยนะ”
จ้านเซินทำเสียงฮึดฮัดเสียงหนึ่งออกมาอย่างไม่สนใจอะไร แล้วพูดว่า“ไม่มีอะไรไม่เหมาะสมหรอก คุณคอยดูเถอะ”
ถังย่ายังอยากจะพูดอะไรอีกครั้ง แต่ลู่เซิ่นกลับดูสัญญาเสร็จเรียบร้อยแล้ว แล้วจึงเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้จ้านเซินเบาๆและพูดว่า “ผมดูเสร็จแล้ว สัญญาสองฉบับนี้ไม่มีปัญหาอะไร”
แล้วรอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าของจ้านเซินก็ลึกขึ้น “ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ถ้าอย่างนั้นประธานลู่ก็สมควรที่จะทำตามสัญญาของคุณแล้วใช่หรือไม่?”
เขาทำสีหน้าตั้งตารอคอย อยากเห็นว่าช่วงเวลาที่หัวเลี้ยวหัวต่อนี้ ลู่เซิ่นยังจะมีข้ออ้างอะไรใหม่ๆอีกหรือเปล่า ถ้าเขาบอกปัดอีก ฉินซีที่เป็นห่วงกังวลเขาด้วยใจจริงจะผิดหวังแค่ไหนกันล่ะ?
เขาถึงกับคิดคำพูดที่ประชดเหน็บแนมเอาไว้ด้วย
แต่รอยยิ้มที่มุมปากของเขากลับแข็งทื่อในวินาทีต่อมา
ลู่เซิ่นรับเอาสัญญามาเก็บไว้เป็นอย่างดี แล้วพยักหน้าให้จ้านเซินอย่างสงบนิ่ง และพูดว่า “ก็จริงนะ ทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้ว ถึงเวลาที่ผมสมควรต้องจ่ายค่าตอบแทนแล้ว”
ในขณะที่พูด เขาก็ยกมีดที่คมกรบเล่มนั้นที่อยู่ในมือของตัวเองขึ้นมา
ไม่กี่วินาทีถัดมา ภายในดวงตาไม่ว่าจะของฉินซีหรือว่าจ้านเซิน อะไรๆก็เปลี่ยนเป็นความยาวไกลที่หาที่สุดไม่ได้
ฉินซีค้นพบความมุ่งมั่นตั้งใจของลู่เซิ่นเป็นครั้งแรก ภายมนลำคอก็เปล่งเสียงคำรามที่แหลมมากออกมา เธออยากจะพุ่งเข้าหาลู่เซิ่น แต่มือของจ้านเซินกลับยังคงขวางทางไปของเธอไว้อย่างแน่นหนา ทำให้เธอไม่สามารถเข้าไปใกล้ลู่เซิ่นได้ เธอจึงทำได้เพียงมองดูมีดที่กำลังส่องประกายแสงอันเย็นยะเยือกเข้าไปใกล้ๆข้อมือขวาของลู่เซิ่นด้วยความเร็วที่เร็วมากตาปริบๆ
เมื่อแสงอันเย็นยะเยือกแวววับผ่านมา
เลือดก็พุ่งกระฉูดออกมา
มีอะไรบางอย่างตกลงบนพื้น ทำให้เกิดเสียงดังตุบๆขึ้นมา
ฉินซีไม่กล้าที่จะลู่สายตาลงมองสิ่งที่ตกลงไปบนพื้น
เธอไม่แม้แต่จะเปล่งเสียงของเธอออกมาได้แล้ว ราวกับว่าเธอถูกอะไรบางอย่างบีบคอของเธอเอาไว้ และในดวงตาของเธอก็เต็มไปด้วยสีแดงของเลือดแล้ว
โลกใบนี้คงไม่สามารถมีความรู้สึกซาบซึ้งและตื้นตันใจที่ได้รับของแบบนี้ได้หรอก แต่ในตอนนี้ดูเหมือนว่าเธอจะเชื่อมโยงเส้นประสาทกับลู่เซิ่นแล้ว ทั่วทั้งร่างกายของเธอรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดของลู่เซิ่นโดยตรง จนถึงขั้นที่ว่าข้อมือขวาของเธอก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาเหมือนกับกำลังจะฉีกขาดและแตกร้าวตามไปด้วย
ส่วนจ้านเซินที่อยู่ข้างๆเธอ ก็ได้อ้าปากกว้างเสียแล้ว
เขาไม่แสดงสีหน้าที่มีความสุขและโกรธใดๆเลย ตอนนี้บนใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ จะเห็นได้ว่าการกระทำนี้ของลู่เซิ่นมีผลกระทบต่อเขาเป็นอย่างมาก
จ้านเซินถึงกับไม่ได้คิดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปเลย เขาเอาแต่จ้องมองข้อมือที่เปื้อนเลือดของลู่เซิ่นด้วยความตกตะลึง ในหัวสมองมีเพียงประโยคเดียวเต็มไปหมด
เขาลงมือจริงๆได้ยังไงกันล่ะ?
เขาลงมือจริงๆได้ยังไงกันล่ะ?
นอกจากในใจของจ้านเซินจะรู้สึกไม่อยากจะเชื่อแล้ว ยังมีความโมโหเดือดดาลที่ไม่สามารถอธิบายได้กลุ่มหนึ่งลอยออกมาด้วย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขารู้สึกไม่สบายใจที่เห็นลู่เซิ่นยินยอมจ่ายค่าตอบแทนถึงขั้นนี้เพื่อฉินซีแล้วตัวเองก็จะถูกเปรียบเทียบ หรือเป็นเพราะว่าเขารู้สึกไม่พอใจที่การกระทำนี้ของลู่เซิ่นอยู่นอกเหนือการควบคุมของเขาแล้ว
ถังย่าตกตะลึงอยู่กับที่
เธอเคยเห็นฉากที่ยิ่งกว่าฉากนองเลือดฉากนี้มามากมาย แต่กลับไม่มีฉากไหนที่ทำให้เธอหวั่นไหวไปกว่าฉากที่เธอเห็นในตอนนี้เลย
——แท้จริงแล้วความรักของคนคนหนึ่ง สามารถแรงกล้าได้ถึงขั้นนี้ จนสามารถทำร้ายตัวเองได้ เพื่อมาเติมเต็มความรักให้สมปรารถนา
ถังย่าเติบโตขึ้นมาในองค์กรตั้งแต่เด็ก สำหรับเรื่องความรัก แม้ว่าเธอจะไม่ทึ่มไปเสียทั้งหมดอย่างจ้านเซิน แต่เธอก็เชื่ออย่างสุดซึ้งเช่นกันว่า คนทุกคนล้วนเห็นแก่ตัว ไม่สามารถเอาคนอื่นมาอยู่ในตำแหน่งที่สำคัญกว่าและอยู่เหนือตัวเองเพราะความรักได้หรอก
แม้ว่าจิตใต้สำนึกของเธอจะยินยอมพร้อมใจอุทิศตนเพื่อจ้านเซินก็ตาม แต่เธอกลับยังคงไม่เชื่อว่าความรู้สึกที่แรงกล้าแบบนั้นจะมีอยู่ในสติสัมปัญญาของเธอ
จนกระทั่งเธอได้มาเห็นฉากนี้ด้วยตาของตัวเอง
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ลู่เซิ่นกลับเป็นคนที่สงบนิ่งที่สุดในสี่คน เขากดเส้นเลือดใหญ่ของงตัวเองไว้ ห้ามไม่ให้เลือดไหลทะลักออกมามากเกินไป ในขณะเดียวกันก็เงยหน้าขึ้นไปมองจ้านเซิน แม้กระทั่งมุมปากก็ยังมีรอยยิ้มอยู่ด้วย แล้วพูดว่า “ผมก็ได้ทำตามสัญญาแล้ว จ้านเซิน คุณก็เซ็นสัญญาแล้ว หลังจากนี้พวกเรา ก็ไม่ติดค้างอะไรกันแล้ว”
พูดจบ เขายังพยักหน้าให้จ้านเซินอย่างมีมารยาทและสุภาพเรียบร้อย แล้วก็กำลังจะเดินออกไป
จ้านเซิ่นยังคงตกตะลึงอยู่ที่เดิมและสติก็ยังไม่กลับคืนมา แต่ฉินซีกลับมีปฏิกิริยาตอบกลับมาแล้ว เธอจึงผลักมือที่ไม่มีเรี่ยวแรงของจ้านเซินออก แล้วก้าวเท้ายาวๆมุ่งหน้าไปอยู่ข้างหน้าลู่เซิ่น ยังไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไร ในน้ำเสียงของเธอก็มีความสะอึกสะอื้นขึ้นมาแล้ว “คุณทำอะไรของคุณ! คุณโง่ไปแล้วหรือเปล่า! ทำไมฉันต้องใช้มือของคุณมาแลกเปลี่ยนด้วย! เห็นได้ชัดว่ามันมีวิธีที่ดีกว่านี้อยู่นะ!”
เธออยากจะเอื้อมมือออกไปกอดลู่เซิ่นเอาไว้ แต่กลับพบว่าหลังจากที่เวลาผ่านไปนาน บนร่างกายของลู่เซิ่นก็ไม่มีส่วนไหนดีเลย บริเวณช่องท้องเขามีบาดแผลที่ลึกมาก ผิวหนังบริเวณใบหน้าก็ฉีกไปแล้วหลายจุด แขนของเขา…ก็มีเลือดไหลออกมากลายเป็นสายน้ำ
เธอไม่แม้แต่จะหาที่ที่เธอสามารถกอดได้เลย
ใบหน้าของลู่เซิ่นเปลี่ยนจากขาวสีซีดเป็นสีเหลืองเหมือนเทียนไขเพราะว่าสูญเสียเลือดมากเกินไป แต่ตอนที่มองฉินซีอยู่ สายตาของเขากลับยังคงอ่อนโยน “ไม่ต้องกังวลหรอก ผมไม่เป็นไร”
น้ำตาของฉินซีตกลงมาอย่างหนัก แต่เธอกลับไม่สนใจที่จะเช็ดมันออก แล้วถือว่าเธอก็จับมุมเสื้อที่ยังไม่เสียหายของลู่เซิ่นและพูดว่า “ไป พวกเรารีบไปกันเถอะ ไปหาหมอเดี๋ยวนี้เลย!”
ลู่เซิ่นไม่ได้ขัดขืนอะไร เขาจึงยกเท้าจะก้าวตามไป แต่ไม่ทันได้ก้าวออกไปสักก้าว ร่างกายของเขาก็สั่นเทา อีกไม่นานเขาก็จะล้มลงไปด้านข้างแล้ว
แต่เขากลับกัดฟัน และยืนหยัดที่จะลุกขึ้นยืนให้มั่นคง แล้วกำลังจะเดินตามไป แต่สายตาของฉินซีกลับเห็นมันเข้าแล้ว