Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - ตอนที่ 36 จิ๋นลี่ยวนโกรธแล้วจริงๆ
ตอนที่ 36 จิ๋นลี่ยวนโกรธแล้วจริงๆ
ในห้องที่เงียบสงบ ยินจื่อเจิ้นนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน ในแววตามีความเคร่งขรึมที่ไม่สามารถปฏิเสธได้
ยินเสี้ยวเสี้ยวหายใจถี่ๆ กำมือเล็กๆของตัวเองไว้แน่น มองดูยินจื่อเจิ้น
เนิ่นนาน ก็ไม่มีใครพูดออกมา จากนั้นยินจื่อเจิ้นลุกขึ้นยืน แล้วเดินมาข้างเธอ ยื่นมือออกมาขยี้หัวของเธอเบาๆ แล้วพูดเสียงเบาว่า “เสี้ยวเสี้ยว พี่ชายจะไม่ทำร้ายเธอแน่นอน เชื่อฟังนะ”
พูดจบ ยินจื่อเจิ้น ก็เดินผ่านข้างเธอ กำลังจะเดินจากไปแล้ว ยินเสี้ยวเสี้ยวฟังเสียงฝีเท้าที่ก้าวไปข้างหลังเธอ ในใจกระวนกระวายยิ่งนัก ในที่สุด ในตอนที่เสียงฝีเท้ากำลังจะออกจากห้องของเธอ ยินเสี้ยวเสี้ยวหลับตาลง ครั้งแรกที่ขัดคำสั่งพี่ชายของตัวเอง
ดวงตาที่ปิดสนิทเปิดออกเฉียบพลัน ตามด้วยความดื้อรั้นที่ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ที่ไม่น่ารัก “พี่ชาย ฉันจะไม่หย่าค่ะ!”
เท้าของยินจื่อเจิ้น ก้าวเดินไปถึงหน้าประตู ก็ต้องหยุดชะงักไว้อย่างนั้น ห้องทั้งห้องกลับมาเงียบสงบในทันที
หลังจากที่ยินเสี้ยวเสี้ยวหายใจเข้าลึกๆ รวบรวมความกล้าทั้งหมด หันไปมองพี่ชายของตัวเองราวกับว่ากลัวเขาจะไม่ได้ยิน สิ่งที่ตัวเองได้พูดหน่อยเมื่อครู่ เลยพูดอีกครั้ง “พี่ชาย ฉันจะไม่หย่ากับจิ๋นลี่ยวน!”
ทันใดนั้น ยินเสี้ยวเสี้ยวรู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าร่างสูงใหญ่ของยินจื่อเจิ้นแข็งทื่อไว้ เต็มไปด้วยใส่โกรธดั่งพายุฝนกระหน่ำ
ร่างกายเล็กแอบถอยหลังเล็กน้อย ยินเสี้ยวเสี้ยวพูดต่อไปว่า “พี่ชาย ฉันเพิ่งได้แต่งงานกับจิ๋นลี่ยวนฉันไม่สามารถหย่ากับเขาได้ในเวลานี้! ฉันรู้ว่าพี่เพิ่งกลับมา ก็ได้รู้ข่าวการแต่งงานของฉัน ต้องตกใจมาก แต่ว่าพี่ชาย จริงๆฉัน……”
“เสี้ยวเสี้ยว!” ยินจื่อเจิ้น พูดเสียงต่ำ เห็นได้ชัดว่ากำลังระงับความโกรธของตัวเอง หันกลับไปอย่างช้าๆ จ้องตรงไปที่ยินเสี้ยวเสี้ยว แล้วถามขึ้น “เธอรู้ไหมว่า จิ๋นลี่ยวนคือใคร?”
คำพูดของยินเสี้ยวเสี้ยวถูกตัดบท ก็ไม่หงุดหงิด เพียงแค่มองสบตาพี่ชายตัวเอง หลังจากเงียบไปสองวินาที พยักหน้า แล้วพูดว่า “ฉันรู้ว่าเขาเป็นใคร และฉันก็รู้ว่า ตัวเองกำลังทำอะไรอยู่”
ยินจื่อเจิ้น ยืนอยู่ที่นั่น ทันใดนั้นก็เอามือของตัวเองล้วงกระเป๋ากางเกง อำนาจในตัวทั้งหมด ดูเหมือนจะผ่อนคลายลง ด้วยการกระทำนี้ แต่ ยินเสี้ยวเสี้ยวกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าพี่ชายของตัวเองร่างกายแข็งกระด้าง รีบพูดอธิบายอย่างไม่รู้ตัว
“พี่ชาย ฉันรู้ ว่าพี่รู้ว่าแฟนของฉันคบมาตลอดสี่ปีไม่ใช่จิ๋นลี่ยวน ฉันก็รู้ด้วย ว่าความสามารถของพี่ พี่ต้องรู้ว่าจิ๋นลี่ยวนคือใครแน่นอน” ยินเสี้ยวเสี้ยว อธิบายอย่างกระตือรือร้น ร่างกายเอนเอียงไปทางยินจื่อเจิ้น โดยไม่รู้ตัว แต่ก็ได้รักษาระยะห่างที่ปลอดภัยอย่างระมัดระวัง ไม่ก้าวเข้าไปอีก พูดอย่างร้อนใจ “พี่ชาย ในเมื่อพี่รู้ว่าจิ๋นลี่ยวนไม่ใช่แฟนที่ฉันคบมาตลอดสี่ปี นั้นพี่ก็ต้องรู้ด้วย ว่าทำไมฉันเดินมาถึงจุดนี้ได้”
ยินเสี้ยวเสี้ยวพูดอยู่ แก้มบนใบหน้าไร้เครื่องสำอางตกแต่ง เช่นเดียวกับน้องสาวที่น่ารักในความทรงจำของ ยินจื่อเจิ้น เมื่อนึกถึงตัวเองเพิ่งกลับบ้าน ก็ได้รับข่าวที่ทำให้เขาโกรธเคืองในทันที เบื้องหลังของความโกรธ ยิ่งทำให้เขาสงสารน้องสาวตัวเองยิ่งนัก
ในเวลาห้าปีที่เขาจากไป ต้องใช้ชีวิตระมัดระวังสะเทือนอกสะเทือนใจแบบไหนกันแน่……
หลังจากที่ยินเสี้ยวเสี้ยวมองสีหน้าของยินจื่อเจิ้น ได้ผ่อนคลายลงบ้างแล้ว ก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ แขนเล็กดึงแขนเสื้อของยินจื่อเจิ้น ไว้ ท่าทางนี้ดูเหมือนชีวิตในวัยเด็ก เธอมักจะติดตามอยู่ข้างหลังเขาตลอดเวลา และมักจะดึงบริเวณนี้ไว้ ระมัดระวังจนทำให้คนรู้สึกสงสาร…….
ยินจื่อเจิ้น ก้มหน้ามองหัวกลมๆของยินเสี้ยวเสี้ยวความโกรธแค้นมากมายในใจ ก็จางหายไปครึ่งหนึ่งแล้ว
“พี่ชาย……” ยินเสี้ยวเสี้ยวเรียกขึ้นเสียงเบา ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความน้อยใจ ในช่วงห้าปีที่อยู่ในบ้านยิน อยู่ในบ้านยิน ที่ไม่มียินจื่อเจิ้น เธอจำเป็นต้องเรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่าง ‘ทักษะเพื่อความอยู่รอด’ เยอะมากมาย……
ชีวิตในอดีตของเธอ ยินจื่อเจิ้น ก็คือผู้ที่ปกป้องเธอจากลมและฝน ดังนั้นวินาทีที่รู้ว่ายินจื่อเจิ้นกลับมา เธอตื่นเต้นดีใจจนควบคุมอารมณ์ไม่ได้เพราะเธอรู้ว่า ฟ้าของเธอกลับมาแล้ว เงยหน้าขึ้นดวงตายินเสี้ยวเสี้ยวแดงก่ำ พูดว่า “พี่ชาย ทำไมพี่ไม่กลับมาเร็วกว่านี้ ถ้าพี่กลับมาเร็วกว่านี้ นั้นฉันก็ไม่ต้องกลัวมากขนาดนี้แล้ว……”
ระหว่างพูด น้ำตาของยินเสี้ยวเสี้ยวก็ได้ไหลลงมา……
เธอไม่กล้าจินตนาการ ถ้าเธอตั้งตัวไม่ทันในงานเลี้ยงฉลองวันเกิด ถ้าเช่นนั้นระหว่างเธอและผู้จัดการจางจะเป็นยังไง เธอไม่กล้าไปคิด ถ้าเธอไม่ได้ยินการสนทนาของแม่ลูกหลี่หมึ้งในตอนกลางคืน แล้วการแต่งงานของเธอจะเป็นยังไงบ้าง เธอไม่กล้าไปคิด ถ้าเธอไม่ได้พบกับจิ๋นลี่ยวน แต่เป็นผู้ชายคนอื่น ซึ่งเป็นใครก็ตาม แล้วเธอก็จะกลายเป็นยังไง……
ยินจื่อเจิ้น มองยินเสี้ยวเสี้ยวด้วยความเจ็บปวดใจ ขมวดคิ้วแน่นหนา เขาไม่เคยคิดเลยว่า การจากไปของตัวเอง จะนำพาเธอไปสู่ความทุกข์ทรมานมากมายขนาดนั้น และเขาก็รู้นิสัยของเธอถ้าไม่ได้เกี่ยวกับความเป็นความตาย จะไม่ขอความช่วยเหลือจากเขาแน่นอน……
ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟาย แค่หลั่งน้ำตาออกมาด้วยความน้อยใจแล้วหยุดลง มองยินจื่อเจิ้นด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตา ยืนยันความคิดของเธออย่างแน่วแน่อีกครั้ง “พี่ชาย ฉันจะไม่หย่ากับจิ๋นลี่ยวน ตราบใดที่ฉันหย่า ในบ้านต้องบีบบังคับให้ฉันแต่งงานใหม่แน่นอน ในเวลานั้น แม้แต่พี่ ก็ไม่สามารถปกป้องฉันได้”
ยินจื่อเจิ้น ไม่ได้พูด เป็นเรื่องจริง ยินจื่อเจิ้น ในตอนนี้ อาจไม่สามารถปกป้องยินเสี้ยวเสี้ยวได้ เพียงเพราะว่า ยินไป่ฝันได้ตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่า จะทำให้ยินเสี้ยวเสี้ยว ออกจากบ้านยิน ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่นี่หรือไม่ ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ ต้องออกจากบ้านยินแน่นอน!
เป็นเวลานาน ที่ยินจื่อเจิ้นไม่ได้พูดอะไรเลย ยินเสี้ยวเสี้ยวรู้ว่า นั่นก็คือยินจื่อเจิ้น ได้ยินยอมอนุญาตแล้ว อารมณ์สีหน้าก็ได้ผ่อนคลายเยอะมาก จากนั้นก็ยิ้มออดอ้อนให้พี่ชายของตัวเอง เพื่อบรรเทาบรรยากาศในเวลานี้……
“พี่ชาย หลังจากครั้งนี้ที่พี่กลับมา จะไม่ไปอีกแล้วใช่ไหม?” ยินเสี้ยวเสี้ยวมองยินจื่อเจิ้นอย่างคาดหวัง
ตราบใดที่ยินจื่อเจิ้นอยู่ใน เมืองT นั้นเธอก็จะรู้สึกว่า ไม่ว่าเธอทำเรื่องอะไรเกิดขึ้น ยังมีคนคอยปกป้องเสมอ
“พี่จะรับ ‘บริษัทจื่อยิน’ไหม?”
‘บริษัทจื่อยิน’ คือธุรกิจของบ้านยิน และธุรกิจนี้ ถูกกำหนดให้อยู่ในมือของลูกๆ บ้านยิน
“พี่ชาย ครั้งนี้พี่จะเริ่มธุรกิจสร้างครอบครัวที่ เมืองT ใช่ไหม? ดีจังเลย ไม่แน่ฉันอาจจากมีพี่สะใภ้ในเร็วๆนี้……”
ยินเสี้ยวเสี้ยวยิ้มอย่างพอใจ สำหรับเธอแล้ว ยินจื่อเจิ้น ก็คือเทพเจ้าที่ปกป้องเธอ!”
ไม่ให้โอกาสยินจื่อเจิ้นได้ตอบเลยสักนิด ยินเสี้ยวเสี้ยวได้ตัดสินใจหมดแล้ว
ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่ยินจื่อเจิ้นทำได้เพียงยิ้มเบาๆอย่างจำใจ ถอนหายใจแล้วตามด้วยพยักหน้ายืนยัน จากนั้นก็พูดคุยกับยินเสี้ยวเสี้ยวอย่างสบายอารมณ์ ทั้งสองคนดูเหมือนว่า จะลืมเรื่องไม่สบายใจในเมื่อกี๊ไปแล้ว……
หลังจากพี่น้องทั้งสองได้พูดคุยกันเป็นเวลานาน ยินจื่อเจิ้น ถึงได้ลุกขึ้นแล้วออกไปจากห้องของ ยินเสี้ยวเสี้ยว แต่ได้บอกยินเสี้ยวเสี้ยวไว้ว่า เขาจะหาเวลาไปพบจิ๋นลี่ยวน ให้จิ๋นลี่ยวนเตรียมตัวไว้……
จนกระทั่งยินจื่อเจิ้นออกจากห้องไป ยินเสี้ยวเสี้ยวยังตั้งสติไม่ได้……
จิ๋นลี่ยวน เธอดูเหมือนจะลืมเขามานานมากแล้ว?
เมื่อนึกถึงว่าวันนี้เธอได้ผิดนัดกับคุณย่าบ้านจิ๋นไปแบบนั้น ยินเสี้ยวเสี้ยว สีหน้าเศร้าหมอง แล้วนึกถึงใบหน้าที่บึ้งตึงดำสนิทของจิ๋นลี่ยวน ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าชีวิตของเธอสิ้นหวังโดยสิ้นเชิงแล้ว
หลังจากที่วิ่งไปล็อคประตูเสร็จ ยินเสี้ยวเสี้ยวกอดโทรศัพท์มือถือของตัวเอง นอนอยู่บนเตียง มองดูอย่างละเอียดว่ามี WeChat เข้าไหม ไม่มีข้อความ ไม่มีสายที่ไม่ได้รับ แต่ไม่ว่าเธอจะหาช่องทางติดต่อมากเท่าไหร่ เธอก็ไม่พบร่องรอยของจิ๋นลี่ยวน แม้แต่น้อย หัวใจเต้นระรัวขึ้นมาในทันที
จิ๋นลี่ยวน หรือว่าจากโกรธแล้วจริงๆ?
มองดูเวลา สี่ทุ่มแล้ว ยินเสี้ยวเสี้ยวลังเลอยู่คู่หนึ่ง ก็ยังได้โทรไปหา จิ๋นลี่ยวน
หลังจากที่โทรศัพท์ดังขึ้นเป็นเวลานาน ในตอนที่จะถูกตัดการเชื่อมต่อแล้ว ถึงได้มีคนรับสาย หลังจากรับสาย คนทางปลายสายพูดเพียงแค่ประโยคหนึ่ง “มีเรื่องอะไร?”
ประโยคที่เรียบง่าย แต่ทำให้ ยินเสี้ยวเสี้ยวร่างกาย สั่นเทาเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้
จิ๋นลี่ยวนโกรธแล้วจริงๆ!
“คือว่า……” ยินเสี้ยวเสี้ยวพูดขึ้นเสียงเบา แต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไร คนทั้งคนสับสนจนมุดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่ม ดำมืดมนก็ไม่กลัว สัมผัสอย่างละเอียด กับเสียงลมหายใจของชายคนนั้น ที่ส่งตรงมากับโทรศัพท์ หลังจากนั้นเนิ่นนาน จึงได้พูดขึ้นเสียงเบา “จิ๋นลี่ยวน คุณโกรธแล้วเหรอ!”
ไหม”
แค่ถามออกมา ยินเสี้ยวเสี้ยว ก็อยากตบหน้าตัวเองทันที อะไรไม่ควรพูดดันมาพูดอันนั้นจริงๆเลยนะ เธอเป็นหมูหรือไงกัน?
เป็นตามที่คาด ชายหนุ่มปลายสายคำรามเสียงเบา เสียงเยาะเย้ยนั้น ยินเสี้ยวเสี้ยวฟังแล้วจับผ้าห่มแน่นอย่างไม่รู้ตัว
“ยินเสี้ยวเสี้ยว ในอาชีพแพทย์ โดยเฉพาะศัลยแพทย์ เธอไม่รู้หรือว่า ไม่สามารถนำอารมณ์ส่วนตัวเข้ามายุ่งเกี่ยวกับงานได้?” น้ำเสียงของจิ๋นลี่ยวน ฟังไม่ออกเลยสักนิด ว่ากำลังโกรธอยู่ หรือไม่ได้โกรธ เพียงแค่ช่วงเวลาที่รับโทรศัพท์ เธอรู้สึกถึงความโกรธ แต่ในตอนนี้กลับไม่มีแล้ว
“มีเรื่องอะไรก็รีบพูด ฉันยังต้องเข้าเวร”
เมื่อคำพูดสิ้นสุดลง ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ได้ออกมาจากผ้าห่ม แล้วถามด้วยความประหลาดใจ “จิ๋นลี่ยวน คุณยังทำงานอยู่เหรอ?”
ในตอนนี้จิ๋นลี่ยวน ขี้เกียจเกินกว่าที่จะคุยกับหัวหมูนี้ อยากจะวางสายอัตโนมัติ หญิงสาวทางปลายสายรีบตะโกนทันที “คุณไปทำงานเมื่อไหร่? ได้กินข้าวไหม? ตอนนี้ยุ่งไหม?”
คำถามชุดหนึ่งพุ่งเข้ามา แต่คนทางปลายสายแค่ตอบสั้นๆเท่านั้น “ทุ่มหนึ่ง ไม่มี ยุ่งมาก”
ยินเสี้ยวเสี้ยวได้ยินก็ลุกขึ้นจากเตียงทันที แล้วถามด้วยความเป็นห่วง “คุณไม่หิวเหรอ? ทำไมถึงไม่กินข้าว? หรือตอนนี้คุณไปหาอะไรกินหน่อยไหม……”
คราวนี้ ไม่รอให้ยินเสี้ยวเสี้ยวพูดจบ จิ๋นลี่ยวนก็ตัดบทเธออย่างหงุดหงิดทันที “ยินเสี้ยวเสี้ยว เธอมีเรื่องอะไรกันแน่ ตอนนี้ฉันยุ่งมาก!”
ยินเสี้ยวเสี้ยวขี้ขลาดขึ้นมาทันที ตอบกลับไปเสียงเบา มีความน้อยใจมาก “อืม ฉันไม่มีเรื่องอะไร ก็แค่อยากดูว่า คุณได้โกรธหรือเปล่า……”
ความคิดในใจเปิดเผยต่อหน้าจิ๋นลี่ยวนโดยปราศจากการปิดบังใดๆ เมื่อยินเสี้ยวเสี้ยวตั้งสติได้ รู้ว่าตัวเองได้พูดอะไรออกไป ไม่สบายใจบิดตัวไปมาบนเตียงอย่างอึดอัดใจมาก……
จิ๋นลี่ยวนทางปลายสายได้เงียบไปครู่หนึ่ง และในตอนที่ ยินเสี้ยวเสี้ยว นึกว่า จิ๋นลี่ยวนไม่อยู่แล้ว จิ๋นลี่ยวนก็พูดขึ้นมากะทันหัน และได้ตอบคำถามให้ยินเสี้ยวเสี้ยว “อืม ฉันโกรธแล้ว”
หลังจากพูดจบ จิ๋นลี่ยวนกล่าวอีกครั้งว่าตัวเขางานยุ่งมาก แล้วก็ได้วางสายโทรศัพท์ท แต่ยินเสี้ยวเสี้ยวได้ถือโทรศัพท์ไว้ ไม่รู้จะทำอะไร ในหัวสมองเต็มไปด้วยประโยคของจิ๋นลี่ยวน เขาโกรธแล้ว……
จิ๋นลี่ยวน โกรธแล้ว เธอควรทำยังไงดี?
ยินเสี้ยวเสี้ยวนั่งอยู่บนเตียงเป็นเวลานาน เหมือนตัดสินใจแน่วแน่ แล้วรีบลุกขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็ว ไปที่ห้องครัวในบ้าน หยิบเกี๊ยวที่เธอทำเองตอนเบื่อในหลายวันก่อน รีบต้มเกี๊ยวอย่างรวดเร็ว ทำน้ำจิ้ม รอเวลาที่ใกล้จะสุก ก็รีบขึ้นไปชั้นบนเปลี่ยนเสื้อผ้า ตามด้วยถือกระเป๋าเล็กของตัวเอง แล้วก็ออกจากบ้านไป….