Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - ตอนที่ 45 จิ๋นลี่ยวน คุณเป็นใครกันแน่
ตอนที่ 45 จิ๋นลี่ยวน คุณเป็นใครกันแน่
พอเรื่องของวันนี้จบลง ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ได้กลับห้องตัวเองแล้วล็อคประตู จากนั้นก็หลับตาย ตระกูลยินก็ไม่มีใครไปหาเรื่องเธออีก และไม่รู้ว่าพวกเขาได้ปล่อยปะละเลยเธอไปจริงๆหรือยังไง รอจนกว่ายินเสี้ยวเสี้ยวตื่นขึ้นมาอีกทีก็เป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว เธอจึงเอามือถือขึ้นมาดู นอกจากถาวหยีโทรมาแล้ว ก็ไม่มีใครต้องการหาเธอ
ทันใดนั้นยินเสี้ยวเสี้ยวก็ไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกตอนนี้ยังไง
เธอยืนอยู่ตรงข้างหน้าต่าง ลมเย็นตอนกลางคืนก็ได้พัดผ่านเข้ามา จากนั้นเธอจึงบิดขี้เกียจเล็กน้อย ตอนที่เธอยังบิดขี้เกียจไม่เสร็จ โทรศัพท์ของเธอจึงดังขึ้น
ยินเสี้ยวเสี้ยวเดินไป จากนั้นก็ยื่นมือแล้วเตรียมตัวเอามือถือขึ้นมา แต่มือของเธอกลับหยุดชะงักไป จนกว่าสายที่เข้าใกล้จะวางลง ยินเสี้ยวเสี้ยวจึงจะรับสาย จากนั้นก็เดินไปนั่งอยู่ใกล้เตียง มือซ้ายของเธอจับผ้าปูเตียงไว้แน่นๆ แล้วพูดขึ้นด้วยเสียงเบา “ฮาโหล จิ๋นลี่ยวน”
คนที่อยู่ในสายจึงหยุดชะงักไปสองวินาที ยินเสี้ยวเสี้ยวได้ยินเสียงถอนหายใจของเขาอย่างชัดเจน จากนั้นก็ได้ยินเขาพูดขึ้น “ผมอยู่บ้านคุณแล้ว ออกมาหน่อย”
ยินเสี้ยวเสี้ยวจึงรู้สึกสะดุ้งตกใจ และตอนที่เธอคิดจะพูดอะไรขึ้น จิ๋นลี่ยวนก็ได้วางสายลงแล้ว เธอจึงกัดริมฝีกปากตัวเองแน่นๆ แล้วได้จัดระเบียบตัวเองหน่อยๆ ก็รีบวิ่งออกไปนอกบ้าน
ยินเสี้ยวเสี้ยวเห็นเรนจ์ โรเวอร์จอดอยู่ตรงใต้ไฟข้างถนนแต่ไกล และได้เห็นชายที่พิงอยู่บนรถเรนจ์ โรเวอร์ รูปร่างของเขาสูงใหญ่ แล้วดูสง่าผ่าเผยมากๆ
เธอจึงเดินเข้าไปหาจิ๋นลี่ยวนทีละก้าว ยินเสี้ยวเสี้ยวรู้สึกว่าตัวเองเหมือนกำลังจะก้าวเข้าไปในโลกที่เธอไม่รู้จัก เธอจึงสูดลมหายใจเข้าลึกๆไม่หยุด จนกว่าเธอจะเดินถึงตรงหน้าจิ๋นลี่ยวน เธอจึงจะสามารถจัดการกับอารมณ์ตัวเองได้
ตั้งแต่ที่ยินเสี้ยวเสี้ยวก้าวออกจากประตูใหญ่ของบ้านยิน จิ๋นลี่ยวนก็ได้มองเธออยู่ตลอด มองท่าทางของเธอที่เดินอยู่ใจเย็น เขาจึงทำได้เพียงรออย่างอดทน จนถึงตอนนี้ที่เห็นเธอยืนอยู่ตรงหน้าตัวเอง แล้วพอเห็นเธอที่มีท่าทางที่ยังคงเหมือนสนูปี้ ที่ส่งยิ้มให้เขาอยู่อย่างนั้น ผมที่ถูกพัดขึ้นก็ได้ไปอยู่ข้างหลังไหล่ของเธอ ทำให้เธอดูพริ้วเพรามากๆ ทั้งตัวของเธอที่ยืนอยู่ตรงนั้น ก็สวยจนทำให้รู้สึกอยากคลุกคลีกับเรื่องทางโลกมากๆ
จิ๋นลี่ยวนนิ่งเงียบอยู่นานแล้วไม่พูดอะไรใดๆออก ในใจของจึงรู้สึกกังวลขึ้นมาเล็กน้อย ดวงตาของเธอหมุนขึ้นเล็กและเอียงหัวเล็กน้อยพลางยิ้มและพูดขึ้น “จิ๋นลี่ยวน ดึกป่านนี้แล้วคุณมาทำอะไร? คงไม่ใช่ว่าอยากจะเกี๊ยวที่ฉันทำใช่ไหม?”
จริงๆมันก็เป็นแค่คำพูดล้อเล่น แต่ยินเสี้ยวเสี้ยวกลับสัมผัสได้ถึงดวงตาที่สุดจะอันตรายของเขาค่อยๆหรี่ลง
พอนึกถึงเกี๊ยวของตนในออฟฟิศในค่ำคืนนั้น จู่ๆจิ๋นลี่ยวนก็รู้สึกเหมือนมีเรื่องที่เขาไม่รู้ น้ำเสียงของเขาแอบแฝงด้วยความดื้อรั้นและการลองใจเล็กน้อย จากนั้นก็ถามขึ้นด้วยเสียงเบา “เกี๊ยวที่คุณทำกินได้ด้วยหรอ?”
ยินเสี้ยวเสี้ยวจึงขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย แล้วถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ “วันนั้นฉันส่งให้คุณ คุณไม่ได้กินหรอ?”
หรือเป็นเพราะเขาไม่ชอบกินเกี๊ยว? หรือว่าเขาไม่ชอบไส้?
ดั่งที่คาดไว้ อารมณ์ของจิ๋นลี่ยวนจึงเปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนั้นก็ถามขึ้นตรงๆ “เกี๊ยวคืนนี้คุณเป็นคนส่งให้หรอ?”
“ไม่ใช่ฉันแล้วจะเป็นใคร? ฉันรอคุณนานขนาดนั้น คุณก็ไม่กลับมา หลังจากนั้นฉันเธอคุณหมอฉิง เธอบอกว่าคุณมีผ่าตัด ฉันเลยกลับ…..” ยินเสี้ยวเสี้ยวพูดทุกอย่างออกมาอย่างซื่อตรง นึกไม่ถึงเลยจริงๆว่าระหว่างพวกเขาจะพูดเรื่องพวกนี้ขึ้น จากนั้นเธอจึงพูดขึ้นเหมือนคิดอะไรได้บางอย่าง “โน๊ตที่ฉันเขียนให้คุณ ฉันทับมันไว้ใต้ข้าวกล่องเกี๊ยว คุณไม่เห็นหรือไง?”
จิ๋นลี่ยวนจึงหรี่ตาลงแล้วมองยินเสี้ยวเสี้ยวไปนาน จู่ๆก็ได้ยิ้มขึ้น รอยยิ้มนั้นทำให้ยินเสี้ยวเสี้ยวรู้สึกประหลาดใจ ในใจกลับรู้สึกเหมือนมีไฟลุกโชนขึ้นมาเล็กน้อย พอเธอนึกถึงคำพูดของพวกเขาสองคน ก็รู้ว่าจิ๋นลี่ยวนน่าจะเข้าใจผิดอะไรบางอย่าง จึงได้เดินขึ้นหน้าอย่างกล้าหาญไปหนึ่งก้าว แล้วหรี่ตาลงเพื่อมองเขา “จิ๋นลี่ยวน ไม่ใช่ฉัน งั้นคุณคิดว่าเป็นใครส่งไป?”
ทันใดนั้น ยินเสี้ยวเสี้ยวก็เหมือนแมวที่ระเบิดขน จิ๋นลี่ยวนสังเกตเห็นว่าอารมณ์ที่รู้สึกหม่นหมองของตัวเองในวันนี้ก็ดีขึ้นมาหน่อย จึงได้ยื่นมือไปกุมมือเล็กๆของยินเสี้ยวเสี้ยว จากนั้นก็พาเธอเดินกลับบ้านยิน พวกเขาเดินไปด้วยและพูดไปด้วย “ยินเสี้ยวเสี้ยว ผมหิวแล้ว ทำเกี๊ยวให้ผมกินหน่อยเถอะ”
ต้องรู้ว่าครั้งก่อนเขาโกรธจนไม๋โอเคร จากนั้นจึงหันหลังแล้วทิ้งเกี๊ยวน้ำลงไปในถังขยะทันที พอนึกถึงแบบนี้ จิ๋นลี่ยวนก็นึกขึ้นได้ว่าคืนนั้นยินเสี้ยวเสี้ยวยังคุยกับใครไม่รู้เป็นเวลานานพอสมควร……
เดี๋ยวหาโอกาสถามเธอดีหรือไม่?
ยินเสี้ยวเสี้ยวที่ยังคงไม่ได้สติกลับมาก็ได้ถูกจิ๋นลี่ยวนดึงเข้าบ้านไปแล้ว วันนี้คนในตระกูลยินก็ไม่รู้ไปไหนกันหมด จนถึงตอนนี้ อย่าว่าแต่ยินไป่ฝันกับหลี่หมึ้ง แม้กระทั่งยินจื่อเจิ้นและยินรั่วอวิ๋นก็ยังไม่ได้กลับมา แต่ว่าเธอก็ไม่อยากไปสนใจ ไหนๆจิ๋นลี่ยวนอยากจะกินเกี๊ยวน้ำ เธอก็จะเข้าครัวไปเริ่มต้มน้ำ
จิ๋นลี่ยวนก็ไม่ได้นั่งอยู่ตรงห้องรับแขก แต่มายืนอยู่ตรงประตูทางเข้าห้องครัว เขายืนพิงอยู่ตรงประตูและในมือก็ยังมีแก้วน้ำถือไว้ พอเห็นยินเสี้ยวเสี้ยวกำลังยุ่ง มุมปากของเขาจึงอมยิ้มขึ้น
วันนี้จุดประสงค์ที่เขามาจริงๆแล้วมีสองอย่าง หนึ่งคือบอกให้ยินเสี้ยวเสี้ยวไปบ้านจิ๋นในวันพรุ่งนี้ อีกอย่างคือเขาก็แค่อยากจะมาดูว่าพอเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นแล้วยินเสี้ยวเสี้ยวเป็นยังไงบ้าง ยังสบายดีไหม แต่กลับนึกไม่ถึงว่า ไหนๆพวกเขาก็ได้ปรับความเข้าใจกันในวันนั้นแล้ว ก็ถือว่าเป็นข้อได้เปรียบที่มาอย่างคาดคิดไม่ถึง……
“ยินเสี้ยวเสี้ยว ครั้งหน้าถ้าคุณไปหาผมที่โรงพยาบาล อย่าลืมเจอหน้าผมก่อนค่อยกลับ” จิ๋นลี่ยวนมองยินเสี้ยวเสี้ยวที่ชำนาญกับการทำเกี๊ยวมากๆ และท่าทีที่ปรุงอาหารเพื่อเขา เขาก็ได้เอ่ยพูดขึ้นเบาๆ “ต่อให้ผมยุ่งขนาดไหน ยังไงก็จะกลับออฟฟิศอยู่แล้ว”
ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่ได้คิดว่าเป็นแบบนี้ ในขณะที่เธอกำลังยุ่งก็ได้พูดขึ้น “รอคุณ? วันนี้ฉันรอจนถึงตีสองไม่ก็ตีสามนี่แหละ ถ้ารอต่อไป ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าจะได้เจอคุณเมื่อไหร่ อาจจะได้เจอคุณอีกทีตอนเช้าเลยก็ได้”
จิ๋นลี่ยวนได้ยิน จึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย รอถึงดึกขนาดนั้นเลยหรอ? เขาจึงได้ถามขึ้น “ดึกขนาดนั้น ทำไมคุณถึงไม่กลับ?”
“ฉันโทรหาพี่ฉัน ให้เขามารับฉัน” ยินเสี้ยวเสี้ยวล้างต้นหอมที่เขียวชอุ่มหน่อยๆ จากนั้นก็หั่นเป็นชิ้นเล็กๆแล้วใส่เข้าไปในถ้วย น้ำจิ้มเธอก็ได้ทำเสร็จแล้ว เธอจึงได้เก็บห้องครัวไปด้วยแล้วพูดไปด้วย “คุณไม่รู้ตอนนี้ในถนนไม่มีใครเลย ช่วงนี้ก็มีข่าวที่เด็กนักศึกษาหายไปเยอะขนาดนั้น ฉันก็ได้โทรหาพี่ชายฉันไปด้วยแล้วบอกให้เขามารับฉัน……”
ดวงตาดั่งหงส์ของเขาจึงหรี่ลง ท่าทีที่จิ๋นลี่ยวนกำลังดื่มน้ำก็ได้หยุดชะงักไป ที่แท้คืนนั้นเธอโทรหายินจื่อเจิ้นอยู่หรอ?
ยินเสี้ยวเสี้ยวจึงได้เอาเครื่องเคียงพวกนั้นไปวางบนโต๊ะอาหาร และได้ตักซุปไก่ที่พึ่งอุ่นเสร็จ แล้วยกมาให้จิ๋นลี่ยวน จากนั้นก็ทำเหมือนยุ่งมากๆจนไม่มีเวลาไปมองจิ๋นลี่ยวนแม้แต่แวบเดียว
แค่จิ๋นลี่ยวนที่อยู่ตรงหน้าประตูก็ได้ขวางทางอยู่ ทุกครั้งที่ยินเสี้ยวเสี้ยวเดินมาก็จะเฉียงลำตัว พอเขาทำแบบนี้ไปหลายครั้ง เธอก็ได้ใช้สายตาที่มองจิ๋นลี่ยวนอย่างน่ารังเกียจ จากนั้นก็พูดขึ้นอย่างอดกลั้นไว้ไม่อยู่ “ฉันว่านะ จิ๋นลี่ยวน ทำไมคุณถึงไปนั่งลงบนโต๊ะอาหารดีๆไม่ได้ มาเฝ้าอยู่ตลอดแบบนี้ ทำเหมือนฉันกำลังคิดจะทำร้ายคุณ”
จิ๋นลี่ยวนจึงได้ดื่มน้ำจนหมด จากนั้นก็กระตุกคิ้วขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็ท่าทางที่ดูดีแล้วแล้วหันหลังเดินออกไป ยินเสี้ยวเสี้ยวมองแล้วรู้สึกประหลาดใจ จากนั้นก็หันไปดูเกี๊ยวน้ำในหม้อต่อ พอแน่ใจแล้วว่าเกี๊ยวน้ำต้มเสร็จแล้วเธอจึงตักมันออกมา แล้วลวกน้ำเย็นและยกออกมา ทันใดนั้นในบ้านจึงเต็มไปด้วยกลิ่นหอมๆของเกี๊ยวน้ำ……
ยินเสี้ยวเสี้ยวพึ่งจะวางลง จิ๋นลี่ยวนก็ได้กินขึ้นมาอย่างไม่เกรงใจ เพราะว่าเกี๊ยวได้ลวกน้ำเย็นมาแล้ว ดังนั้นเกี๊ยวจึงไม่ได้ร้อนมากนัก และอุณหภูมิกำลังพอดี เกี๊ยวน้ำที่ทรงเล็กน่ารักแบบนี้เป็นเกี๊ยวที่เจอที่โรงพยาบาลในวันนั้นจริงๆ พอเขาอารมณ์ดีขึ้นหน่อยๆ ก็ได้ก็ได้กินเกี๊ยวหนึ่งลูกหนึ่งคำไม่หยุด แล้วดื่มน้ำซุปไม่หยุด ท่าทางของเขาดูพึงพอใจมากๆ
ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่มีอะไรทำ เลยได้นั่งดูเขากินจนหมด ขณะที่ในใจก็กำลังคิดว่า พรุ่งนี้จะได้ไปที่บ้านจิ๋นด้วยตัวเองก็โทรกลับไปก่อนดีกว่า เรื่องของเธอก็ถือว่าจัดการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แค่ไม่รู้ว่าคนในบ้านจิ๋นจะพึงพอใจหรือเปล่า? เขายังไม่ทันได้ครุ่นคิดอย่างละเอียด ตรงประตูก็มีเสียงที่แหลมดังขึ้น คนที่บ้านยินได้กลับมาแล้ว
ยินเสี้ยวเสี้ยวจึงรีบลุกขึ้นทันที พอพึ่งยืนขึ้น ยินไป่ฝันและหลี่หมึ้งก็ได้พายินรั่วอวิ๋นกลับมา ยินจื่อเจิ้นไม่ได้กลับมาพร้อมกับพวกเขา และไม่รู้ว่าเขากำลังยุ่งกับอะไรอยู่
“พ่อคะ แม่คะ” ยินเสี้ยวเสี้ยวเรียกขึ้นอย่างมีมารยาท ทันใดนั้นก็พึ่งนึกขึ้นได้ว่าจิ๋นลี่ยวนยังอยู่ในบ้าน นัยน์ตาของเธอจึงมองไปทางโน่น กลับทำให้เธอสังเกตอย่างน่าตกใจว่าจิ๋นลี่ยวนยังคงตั้งใจกินอาหารอยู่ แค่สีหน้านั้นดูเย็นชามากๆ ทำให้คนเห็นแล้วรู้สึกตกใจ
ตอนนี้ยินไป่ฝันมองยินเสี้ยวเสี้ยวก็เลยรู้สึกเครียดมากๆ วันนี้พวกเขาออกไปจัดการกับธุระของสื่อมวลชนเสร็ตแล้วก็ยังต้องวิ่งไปบ้านจาง ตอนนี้คุณจางก็ไม่ได้คิดจะยอมใครอะไรง่ายๆอีก เขาจึงรู้สึกเครียดจนอยากจะฆ่ายินเสี้ยวเสี้ยวและจิ๋นลี่ยวนให้ตายๆไปซะ ยินเสี้ยวเสี้ยวยังไม่คิดหน้าคิดหน้าก็ดื้อรั้นที่จะแต่งงานแบบนี้ ทำให้ตระกูลยินต้องเสียเปรียบไม่น้อย แล้วจะยังคงญาติดีกับเธออีกได้ยังไงกัน?
“แหม่ๆ แกเป็นคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลจริงๆเลยนะ” หลี่หมึ้งที่พูดขึ้นในขณะที่มองจิ๋นลี่ยวนยังคงนั่งนิ่งอยู่แบบนั้น เธอจึงรู้สึกโกรธเคืองมากๆ ต้องรู้ว่าพวกเขาต้องเสียผลประโยชน์ในสิ่งที่ไม่ต้องเสียไปก็ได้ ”ดึกดื่นป่านนี้แล้ว แกพาว่าที่สามีของแกมากินข้าวแบบนี้ ไม่กลัวว่าคนนอกจะเห็นหรอ จะให้นินทาแกขึ้นอีกหรือไง?”
เขาก็ได้ดื่มน้ำซุปไก่คำสุดท้ายให้หมด จากนั้นก็ได้เช็ดปาก แล้วเดินไปหายินเสี้ยวเสี้ยว ท่าทางของเขาดูสง่าจริงๆ
“ดูๆแล้วคุณผู้หญิงยินคงจะลืมไป วันนี้คุณพูดอะไรต่อหน้านักข่าว ”จิ๋นลี่ยวนจึงได้พูดขึ้นตรงๆ น้ำเสียงแอบแฝงไปด้วยความเลือดเย็น จากนั้นก็ยื่นมือออกไปจับเอวของยินเสี้ยวเสี้ยวไว้แล้วพูดขึ้นต่อ “ถ้าใครยังจะคิดแต่งเรื่องขึ้นอีก ครั้งนี้ก็ไม่ต้องให้เสี้ยวเสี้ยวออกหน้าออกตา ผมจะใช้พละกำลังทั้งหมดของตระกูลจิ๋นมี ทำให้คนเห็นว่าคนอะไรที่สามารถรังแกได้ คนอะไรที่ควรหลบเลี่ยง!”
พอพูดจบ ทั้งสามคนจึงได้หยุดชะไปทันที โดยเฉพาะคำสุดท้ายของจิ๋นลี่ยวน ทำให้พวกเขารู้สึกตกใจจริงๆ
ทำไมจิ๋นลี่ยวนบอกว่า ‘ตระกูลจิ๋น’ สามคำนี้ออกมา ยินรั่วอวิ๋นและหลี่หมึ้งจึงได้ตัวสั่นงันงกเล็กน้อย? พอเขาพูดคำพูดที่ข่มขู่อย่างชัดเจนแบบนั้น สีหน้าก็ยิ่งเปลี่ยนไปทันที
ยินไป่ฝันขมวดคิ้วขึ้นแล้วสังเกตมองจิ๋นลี่ยวนให้ละเอียด ในใจกลับรู้สึกยิ่งอยู่ยิ่งน่าตกใจ
จิ๋นลี่ยวน? ตระกูลจิ๋น?
คนในตระกูลจิ๋นไม่ชอบโอ้อวดตัวเอง และชอบมีชีวิตที่เรียบง่ายเสมอมา แต่เขากลับไม่เคยได้ยินตระกูลจิ๋น นอกจากคุณชายใหญ่ แล้วยังมีคุณหนูสองกับคุณชาย ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าคุณชายสามมีชื่อว่าอะไร แต่ว่าตอนนี้ดูจากจิ๋นลี่ยวนแล้ว กลับทำให้เห็นได้อย่างง่ายดายว่าฐานะของเขาต้องไม่ต่ำต้อยแน่นอน! มันให้ความรู้สึกว่าเขามีเสน่ห์ที่ลูกผู้ลากมากดีจะเป็นกัน!
จึงรู้สึกตกใจากๆ ยินไป่ฝันจึงได้พูดขึ้นอย่างร้อนใจ “จิ๋นลี่ยวน คุณเป็นใครกันแน่?”
พูดจบ ทั้งเรือนจึงเต็มไปด้วยความเงียบกริบ ไม่มีใครกล้าพูดอะไรเลย