Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - ตอนที่ 48 คุณจดจำไว้ดีๆว่าต้องปกป้องเป็นอย่างดี
- Home
- Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา
- ตอนที่ 48 คุณจดจำไว้ดีๆว่าต้องปกป้องเป็นอย่างดี
ตอนที่ 48 คุณจดจำไว้ดีๆว่าต้องปกป้องเป็นอย่างดี
พอเห็นคนในตระกูลจิ๋นได้เดินมาหาตัวเอง มุมปากของยินเสี้ยวเสี้ยวจึงคลี่ยิ้มที่อ่อนหวานออกมา ลักยิ้มเล็กๆของเธอทำให้คนอื่นรู้สึกชอบเธอมากขึ้น
พอเห็นพวกเขา ในใจของยินเสี้ยวเสี้ยวจึงอุทานขึ้นไม่หยุด ที่เป็นสังคมผู้ดีจริงๆ พอมองคุณหญิงย่าจิ๋น หยูเจียห้วย และจิ๋นหยวนเฟิง กระทั่งคุณชายใหญ่ตระกูลจิ๋นที่เธอไม่ได้พูดคุยหรือยุ่งเกี่ยวด้วย ดูจากท่าทางของทุกคนต่างก็มีสง่างามมากๆ ท่าทางที่เป็นผู้ดีอย่างจอมปลอมของหลี่หมึ้งจะมาเทียบกับพวกเขาได้ยังไงกัน?
เศรษฐีที่แท้จริงก็ควรเป็นแบบนี้ ต้องมีท่าทางที่เหมาะสม และวางตัวอย่างธรรมดาแต่ก็ดูสูงสง่า
นี่ เป็นตระกูลชั้นสูงที่โด่งดังมานับร้อยปีในเมืองT เป็นท่าทีของผู้ดีอย่างแท้จริงนั่นก็คือท่าทีที่ทุกอย่างที่ตระกูลจิ๋นได้แสดงออกมา!
“คุณย่าคะ” พอคุณหญิงย่าจิ๋นได้เดินเข้ามาใกล้ ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ได้เรียกขึ้นด้วยเสียงอ่อนหวาน จากนั้นก็ได้หันไปเรียกหยูเจียห้วยและจิ๋นหยวนเฟิงด้วย “พ่อแม่คะ”
ทุกการกระทำของเธอ เธอพยายามไม่ทำให้ตระกูลจิ๋นต้องอับอายขายหน้าเพราะเธอ และไม่ทำให้จิ๋นลี่ยวนขายหน้าด้วย
ตั้งแต่ตอนที่เธอไม่มีทางให้ถดถอย เธอจึงจำเป็นต้องดิ้นรนด้วยตัวเอง!
คุณหญิงย่าจิ๋นรู้สึกพอใจในความสง่างามที่น่าตกตลึงตอนที่ยินเสี้ยวเสี้ยวออกงานเมื่อครู่นี้ ตอนนี้ดวงตายังยิ้มจนหยี่อยู่ จากนั้นก็ได้หันไปมองผู้คนมากมาย ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ได้สังเกตเห็นว่าคุณผู้หญิงพวกนั้นที่ว่าเธอเมื่อกี้จึงขดตัวลงเล็กน้อย จากนั้นก็ถามขึ้น “อืม เสี้ยวเสี้ยวเป็นเด็กดีจริงๆ แล้วคนในบ้านจะมาเมื่อไหร่ล่ะ?”
เรือนร่างของยินเสี้ยวเสี้ยวจึงเกร็งขึ้นมาเล็กน้อย ทีแรกก็หนีไม่พ้นสายตาของคุณหญิงย่าจิ๋นอยู่แล้ว แค่ไม่รอให้พวกเธอได้เอ่ยพูดขึ้น จิ๋นลี่ยวนที่อยู่ข้างๆก็ได้พูดขึ้นด้วยเสียงเบาก่อน “เดี๋ยวตามมาครับ บอกว่ามีธุระต้องจัดการหน่อย”
ยินเสี้ยวเสี้ยวจึงรีบหันไปมองจิ๋นลี่ยวนโดยเร็ว นัยน์ตาของเธอเต็มไปด้วยความไม่น่าเชื่อ ตระกูลยินจะมาร่วมงานหมั้นของเธอด้วยหรอ? อย่าล้อเล่นเลย! งานหมั้นครั้งนี้ยังเป็นตระกูลจิ๋นเป็นฝ่ายจัดขึ้น! ตระกูลยินไม่เคยปรากฏตัวตั้งแต่แรกจนถึงตอนสุดท้าย!
คุณหญิงย่าจิ๋นก็ได้เผยยิ้มตรงมุมปากออกมา จึงไม่ได้สนใจอะไรเลยพายินเสี้ยวเสี้ยวเดินไปรอบทิศ จึงทำให้รู้จักคนเพิ่มมากไม่น้อย
——สายตาของหลานชายคุณไม่เลวจริงๆ ดูสิผู้หญิงคนนี้งดงามมากจนเหมือนดั่งดอกไม้จริงๆ
——เกิดมาหน้าตาสวยงามจริงๆ และตอนนี้ผู้หญิงที่รักนวลสงวนตัวนั้นน้อยมากๆ…….
——ตอนนี้คุณหญิงย่ากำลังเศษสุขกับการมีหลานสะใภ้ที่ดี……
……
คนรอบข้างมีคนไม่น้อยที่กำลังพูดถึงเรื่องพวกนี้อยู่ และรู้สึกไม่ค่อยพอใจในฐานะที่ยินเสี้ยวเสี้ยวมี แต่สำหรับเรื่องที่ยินเสี้ยวเสี้ยวเป็นผู้หญิงที่รักนวลสงวนตัว ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่พวกเขาชื่นชอบ ยังไงในวงการนี้ก็ไม่ชอบเรียกร้องคนที่เป็นผู้ที่มีฐานะต้อยต่ำที่สุดอยู่แล้ว แต่ยินเสี้ยวเสี้ยวกลับไม่ได้แปดเปื้อนความเป็นคนชั้นต่ำมาด้วยสักนิด
พอถึงเวลานี้ ยินเสี้ยวเสี้ยวจึงพึ่งจะรู้ว่า ในตระกูลยินมีคนที่มีชื่อเสียงอยู่ไม่น้อย และได้รู้จักคนอย่างกว้างขวาง เรื่องราวต่างๆของตระกูลจึงทำให้ผู้อื่นรู้อย่างถ้วนหน้า อย่างน้อยตอนแรกที่หลี่หมึ้งพาลูกของตนแต่งเข้าไปในตระกูลยิน เรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเมืองT
และงานเลี้ยงแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นการถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีของพวกเขาเอง หรือว่าท่าทีการกระทำของตระกูลจิ๋นในวันนี้ ก็คงไม่มีใครกู่เรื่องพวกนี้ออกมาพูดขึ้นจนทำให้เสียบรรยากาศ ถ้าถูกตระกูลจิ๋นเอาเรื่อง ชีวิตข้างหน้าก็คงจะอยู่อย่างไม่ดีแน่นอน ใครๆก็รู้ว่าห้ามได้ไปผิดใจกับตระกูจิ๋นซื่อ ต่อให้พวกเขาเป็นคนที่ว่าด้วยเหตุผล แต่ไม่ได้แปลว่าพวกเขายังยอมถูกรังแกง่ายๆ!
พอเธอได้เดินตามคุณหญิงย่าไปทั่วงานแล้ว ยินเสี้ยวเสี้ยวจึงได้กลับไปอยู่เคียงข้างจิ๋นลี่ยวนสักที จากนั้นพอมีโอกาส ยินเสี้ยวเสี้ยวจึงรีบว่าคำถามในใจ “จิ๋นลี่ยวน พ่อแม่ฉันจะมาจริงๆหรอ?”
ไม่ว่าจะยังไง ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ยังหวังและรอคอย อย่างน้อยวันนี้ในสถานการณ์แบบนี้ ยินไป่ฝันและหลี่หมึ้งก็สมควรคิดเผื่อเธอหน่อยได้หรือไม่ แค่นิดหน่อยก็ยังดี!
จิ๋นลี่ยวนจึงก้มหน้าลงแล้วมองยินเสี้ยวเสี้ยวที่เต็มไปด้วยความหวังและการรอคอย จากนั้นก็ละสายตาไปทางอื่นแล้วตอบกลับเสียงเบา “พวกเขาไม่มาหรอก”
พอพูดออกมาตรงๆ สีหน้าของยินเสี้ยวเสี้ยวจึงดูผิดหวังอย่างปิดกลั้นอาการไว้ไม่อยู่
เธอคือคุณหนูใหญ่ในตระกูล กลับแม้แต่สำคัญไม่เท่าคนแปลกหน้า…….
จากนั้นจึงได้หยุดชะงักไปเล็กน้อย ยินเสี้ยวเสี้ยวจึงถามขึ้นต่อ “งั้นใครจะมา?”
จิ๋นลี่ยวนมองนัยน์ตาของยินเสี้ยวเสี้ยวที่เต็มไปด้วยความหวังได้ค่อยๆแตกสลายไป จึงรู้สึกเจ็บปวดหัวใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ทำให้ยินเสี้ยวเสี้ยวทรมานจนเกินไป ไม่นานก็ให้คำตอบเธอ “พี่ชายคุณจะมา วันนี้เขาเป็นสักขีพยานของคุณเอง”
พอพูดจบ ใบหน้าของยินเสี้ยวเสี้ยวที่แต่งหน้าแล้วที่ทำให้หน้าสะสวยขึ้น พอใบหน้าเล็กๆที่เผยยิ้มออกมา ก็ยิ่งทำให้ดึงดูดคนอื่น
ก่อนหน้านี้เธอก็เคยคิดว่าจะไปหายินจื่อเจิ้น แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ไปหา แต่ตอนนี้เหมือนตระกูลยิน นอกจากยินจื่อเจิ้นแล้วก็คงไม่มีใครปรากฏตัว นี่ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี
จากนั้นจึงรีบปรับอารมณ์ของตัวเองให้กลับมาเป็นปกติ ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ได้ยิ้มแย้มเพื่อเผชิญหน้ากับคนอื่นอย่างปกติ
“คุณยินค่ะ สวัสดีค่ะ” เธอยังไม่ทันได้คิดอะไร ข้างกายก็มีคนทักทายเธอขึ้นแล้ว ยินเสี้ยวเสี้ยวจำได้ว่านี่เหมือนจะเป็นเพื่อนของตระกูลจิ๋น คุณผู้หญิงของตระกูลฉี เธอจึงรีบดึงสติกลับมาแล้วพูดคุยกับคนอื่น
คุณผู้หญิงฉีได้กวาดสายตามองไปรอบทิศ จึงได้ถามขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ “คุณยิน ทำไมฉันถึงไม่เจอคนในตระกูลยินมาล่ะ?”
ยินเสี้ยวเสี้ยวที่ยิ้มมุมปากอยู่ก็ดูเกร็งขึ้นมาทันที แล้วพูดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา “ต้องขอประทานโทษคุณผู้หญิงฉีด้วยนะคะ ตระกูลยินยังไม่ได้มาค่ะ”
คุณผู้หญิงฉี จึงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย กลับนึกไม่ถึงว่าต้องเจอกับสถานการณ์แบบนี้ เธอก็แค่ถามขึ้นลอยๆเท่านั้น คนรอบข้างก็ได้เงี่ยหูตั้งใจฟัง เธอจึงกล่าวคำขอโทษไปด้วยเสียงเบาอย่างเกรงอกเกรงใจ “ขอโทษด้วยนะคะ”
ยินเสี้ยวเสี้ยวกระตุกมุมปากขึ้น และทำสีหน้าที่ไม่แยแส “ไม่เป็นไรค่ะ ยังไงคนที่แต่งงานคือดิฉัน ไม่ใช่คนในครอบครัวดิฉัน ไม่ใช่หรือไงคะ?”
ฉีมองยินเสี้ยวเสี้ยว นัยน์ตาที่เต็มไปด้วยอาการที่ยินเสี้ยวเสี้ยวดูไม่ค่อยออก จากนั้นทั้งสองก็ได้พูดคุยกันอย่างเรื่อยเรื่อย แล้วก็แยกตัวกัน และในขณะเดียวกัน เรื่องที่ตระกูลยินไม่มางานจึงถูกลือกันไปทั่ว อีกอย่างยังมีคนบอกว่า วันนี้จะไม่มีคนในตระกูลยินมาสักคน
ตอนที่เรื่องนี้ถูกลือกันไปทั่ว พิธีกรก็ได้ยืนอยู่บนเวทีแล้ว จากนั้นก็ได้กล่วเปิดงานหมั้นด้วยเสียงเบาอย่างเป็นทางการ
ยินเสี้ยวเสี้ยวและจิ๋นลี่ยวนต่างก็ยืนอยู่บนเวที ท่าทางของทั้งชายและหญิงที่ดูดีก็ได้ทำให้คนที่อยู่ข้างต่างก็อุทานขึ้นอีกครั้ง จนบางคนยังอดคิดไม่ได้ว่า ลูกของพวกเขาที่เกิดมาจะเป็นยังไงกัน
“ต้องขอบคุณ ที่ยอมมาร่วมงานหมั้นที่จัดขึ้นอย่างกะทันหันและทำให้แพลนอื่นของหลายๆท่านนั้นถูกล้มเลิก” จิ๋นลี่ยวนพูดขึ้นเสียงเบา น้ำเสียงโทนต่ำอันเรียบเฉยนั้นทำให้คนลุ่มหลงจริงๆ ท่าทีที่ดูสง่าผ่าเผยของเขานั้นทำให้เขาดูดีจริงๆ “ขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงานหมั้นของผมกับเสี้ยวเสี้ยวนะครับ”
พูดตามตรง เสียงปรบมือที่ดังขึ้นจากข้างล่าง เหมือนกำลังอวยพรพวกเขาสองคนที่ยืนอยู่บนเวทีจากใจจริง
จากนั้น จิ๋นลี่ยวนก็พูดขึ้นต่อ “งานแต่งของผมกับเสี้ยวเสี้ยวจะจัดการในอีกสามอาทิตย์ข้างหน้า และก็คือสุดสับดาห์ของอีกหนึ่งอาทิตย์ หลังจาที่เสี้ยวเสี้ยวเรียนจบ หวังว่าถึงเวลาทุกท่านจะสามารถมาร่วมงาน และในวันงานแต่งนั้น บริษัทจิ๋นซื่อจะจัดกิจกรรมที่สนุกๆขึ้น หากใครที่สนใจก็สามารถมาดูได้ ถือว่าเป็นของขวัญชิ้นแรกที่ผมจะมอบให้กับเจ้าสาวที่ซึ่งเป็นภรรยาผม”
พอพูดจบ คนทั้งงานจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกตลึง บริษัทจิ๋นซื่อเป็นบริษัทที่ใหญ่ขนาดนั้น ทุกคนต่างก็รู้ดี บริษัทลูกที่อยู่ภายใต้บริษัทเขานั้นมีทั่วทั้งประเทศ ถ้าจะจัดทำกิจกรรมขึ้นภายใต้นามของบริษัทจิ๋นซื่อ และยังเป็นของขวัญชิ้นแรกที่ส่งมอบให้ยินเสี้ยวเสี้ยว แบบนี้ความมีชื่อเสียงที่ป่นปี้และเสียๆหายๆของยินเสี้ยวเสี้ยว ก็จะหายไปเพราะถูกความยิ่งใหญ่และทรงบารมีนี้เข้ามากลบ……
ครั้งก่อนที่บริษัทจิ๋นซื่อได้จัดกิจกรรมขึ้นมา ได้ยินว่าจิ๋นหยวนเฟิงได้ขอสู่คุณหนูใหญ่ของตระกูลหยูที่มีชื่อว่าหยูเจียห้วย วันนั้นบริษัทลูกของจิ๋นซื่อได้จัดกิจการมที่ต้องใช้พนักงานเป็นล้านคนและให้ไปอยู่ในสถานที่ที่มีบริษัทจิ๋นซื่ออยู่ จากนั้นก็ได้ถ่ายทำเรื่องราวที่เกี่ยวกับจิ๋นหยวนเฟิงให้คำมั่นสัญญาว่าหลังจากที่ได้เกษียรณอายุออกจากบริษัทก็จะพาหยูเจียห้วยไปเหยียบบริษัทลูกของบริษัทจิ๋นซื่อทั้งหมด แม้กระทั่งไปถึงทั่วโลก……
และวันนี้ จิ๋นลี่ยวนก็ได้พูดคำพูดแบบนี้ออกมา ทันใดนั้นก็จะทำให้ทุกคนเริ่มคิดถึงว่าจิ๋นลี่ยวนจะให้ของขวัญอะไร ต้องรู้ว่าตอนนั้นคำมั่นสัญญาของจิ๋นหยวนเฟิงได้เอ่ยพูดออกมา จนถึงปัจจุบัน บริษัทจิ๋นซื่อก็ได้กลายเป็นธุรกิจที่ทำเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ทำให้เป็นบริษัทที่ทำให้ธุรกิจท่องเที่ยวทั้งในและนอกประเทศเติบโตไปอย่างเร็ว และบริษัทที่เกี่ยวข้องกับงานไม่น้อยก็ได้รับผลประโยชน์ไปอีกมากมาย……
ทันใดนั้น ทุกคนเห็นสายตาของยินเสี้ยวเสี้ยวที่เปลี่ยนไปหน่อยๆ ต้องรู้ว่าเธอที่ได้รับความสำคัญจากตระกูลจิ๋นแบบนี้ ก็ยิ่งทำให้เห็นว่ายินเสี้ยวเสี้ยวไม่ได้ฐานะที่ต่ำต้อยในตระกูลจิ๋นอย่างแน่นอน! และคนพวกที่ชอบใช้สายตาที่ดูถูกเธอก็ได้เก็บเข้าไป
ตอนที่เรื่องนี้ถูกลือกันไปทั่ว พิธีกรก็ได้ยืนอยู่บนเวทีแล้ว จากนั้นก็ได้กล่วเปิดงานหมั้นด้วยเสียงเบาอย่างเป็นทางการ
ยินเสี้ยวเสี้ยวและจิ๋นลี่ยวนต่างก็ยืนอยู่บนเวที ท่าทางของทั้งชายและหญิงที่ดูดีก็ได้ทำให้คนที่อยู่ข้างต่างก็อุทานขึ้นอีกครั้ง จนบางคนยังอดคิดไม่ได้ว่า ลูกของพวกเขาที่เกิดมาจะเป็นยังไงกัน
“ต้องขอบคุณ ที่ยอมมาร่วมงานหมั้นที่จัดขึ้นอย่างกะทันหันและทำให้แพลนอื่นของหลายๆท่านนั้นถูกล้มเลิก” จิ๋นลี่ยวนพูดขึ้นเสียงเบา น้ำเสียงโทนต่ำอันเรียบเฉยนั้นทำให้คนลุ่มหลงจริงๆ ท่าทีที่ดูสง่าผ่าเผยของเขานั้นทำให้เขาดูดีจริงๆ “ขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงานหมั้นของผมกับเสี้ยวเสี้ยวนะครับ”
พูดตามตรง เสียงปรบมือที่ดังขึ้นจากข้างล่าง เหมือนกำลังอวยพรพวกเขาสองคนที่ยืนอยู่บนเวทีจากใจจริง
จากนั้น จิ๋นลี่ยวนก็พูดขึ้นต่อ “งานแต่งของผมกับเสี้ยวเสี้ยวจะจัดการในอีกสามอาทิตย์ข้างหน้า และก็คือสุดสับดาห์ของอีกหนึ่งอาทิตย์ หลังจาที่เสี้ยวเสี้ยวเรียนจบ หวังว่าถึงเวลาทุกท่านจะสามารถมาร่วมงาน และในวันงานแต่งนั้น บริษัทจิ๋นซื่อจะจัดกิจกรรมที่สนุกๆขึ้น หากใครที่สนใจก็สามารถมาดูได้ ถือว่าเป็นของขวัญชิ้นแรกที่ผมจะมอบให้กับเจ้าสาวที่ซึ่งเป็นภรรยาผม”
พอพูดจบ คนทั้งงานจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกตลึง บริษัทจิ๋นซื่อเป็นบริษัทที่ใหญ่ขนาดนั้น ทุกคนต่างก็รู้ดี บริษัทลูกที่อยู่ภายใต้บริษัทเขานั้นมีทั่วทั้งประเทศ ถ้าจะจัดทำกิจกรรมขึ้นภายใต้นามของบริษัทจิ๋นซื่อ และยังเป็นของขวัญชิ้นแรกที่ส่งมอบให้ยินเสี้ยวเสี้ยว แบบนี้ความมีชื่อเสียงที่ป่นปี้และเสียๆหายๆของยินเสี้ยวเสี้ยว ก็จะหายไปเพราะถูกความยิ่งใหญ่และทรงบารมีนี้เข้ามากลบ……
ครั้งก่อนที่บริษัทจิ๋นซื่อได้จัดกิจกรรมขึ้นมา ได้ยินว่าจิ๋นหยวนเฟิงได้ขอสู่คุณหนูใหญ่ของตระกูลหยูที่มีชื่อว่าหยูเจียห้วย วันนั้นบริษัทลูกของจิ๋นซื่อได้จัดกิจการมที่ต้องใช้พนักงานเป็นล้านคนและให้ไปอยู่ในสถานที่ที่มีบริษัทจิ๋นซื่ออยู่ จากนั้นก็ได้ถ่ายทำเรื่องราวที่เกี่ยวกับจิ๋นหยวนเฟิงให้คำมั่นสัญญาว่าหลังจากที่ได้เกษียรณอายุออกจากบริษัทก็จะพาหยูเจียห้วยไปเหยียบบริษัทลูกของบริษัทจิ๋นซื่อทั้งหมด แม้กระทั่งไปถึงทั่วโลก……
และวันนี้ จิ๋นลี่ยวนก็ได้พูดคำพูดแบบนี้ออกมา ทันใดนั้นก็จะทำให้ทุกคนเริ่มคิดถึงว่าจิ๋นลี่ยวนจะให้ของขวัญอะไร ต้องรู้ว่าตอนนั้นคำมั่นสัญญาของจิ๋นหยวนเฟิงได้เอ่ยพูดออกมา จนถึงปัจจุบัน บริษัทจิ๋นซื่อก็ได้กลายเป็นธุรกิจที่ทำเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ทำให้เป็นบริษัทที่ทำให้ธุรกิจท่องเที่ยวทั้งในและนอกประเทศเติบโตไปอย่างเร็ว และบริษัทที่เกี่ยวข้องกับงานไม่น้อยก็ได้รับผลประโยชน์ไปอีกมากมาย……
ทันใดนั้น ทุกคนเห็นสายตาของยินเสี้ยวเสี้ยวที่เปลี่ยนไปหน่อยๆ ต้องรู้ว่าเธอที่ได้รับความสำคัญจากตระกูลจิ๋นแบบนี้ ก็ยิ่งทำให้เห็นว่ายินเสี้ยวเสี้ยวไม่ได้ฐานะที่ต่ำต้อยในตระกูลจิ๋นอย่างแน่นอน! และคนพวกที่ชอบใช้สายตาที่ดูถูกเธอก็ได้เก็บเข้าไป
แค่ประโยคพวกนี้เหมือนจะทำให้คนลืมไปเลยว่าต้องมีพิธีขั้นตอนที่ให้ผู้ใหญ่กันด้วย ยินเสี้ยวเสี้ยวจึงได้ถอนหายใจแรงๆ แต่ตอนที่เธอยังไม่ทันได้ถอนหายไป คนข้างล่างก็เริ่มเอ่ยพูดขึ้น
“คุณยินถูกเอาใจอย่างดีจริงๆ ดังนั้นเรื่องที่ตอนคุณอยู่บ้านยิน พี่ชายคุณก็คอยให้ความสำคัญคุณก็เป็นเรื่องจริงน่ะสิ” มีหญิงสาวคนหนึ่งพูดแบบนี้ออกมา แค่ดูจากกริยาท่าทางของเธอนั้น ดูไม่ออกจริงๆว่าอยากจะมาช่วยเธอหรือมาทำร้ายเธอกันแน่ “ดิฉันได้ยินมาว่าคุณชายใหญ่ตระกูลยินกลับมาจากต่างประเทศแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้เราสามารถเจอเขาได้หรือไม่?”
คุณชายใหญ่ตระกูลยินรักน้องสาวที่ต่างพ่อต่างแม่ที่สุด ทุกคนทั่วเมืองTต่างก็รู้ดี จึงไม่มีเหตุผลใดๆที่จะทำให้เขาไม่ปรากฏตัวในวันงานหมั้นของน้องสาวตัวเองแบบนี้!
ข้างในจึงเต็มไปด้วยบรรยากาศที่เงียบสงบ คนทั้งหมดก็ได้รอฟังคำตอบจากยินเสี้ยวเสี้ยวอยู่
ต้องรู้ว่าครอบครัวยินไม่มาเยือน ไม่เพียงแต่ทำให้ยินเสี้ยวเสี้ยวต้องอับอายขายหน้า คนที่เสียหายกว่าคือหน้าตาของตระกูลจิ๋น! ทั้งเมืองTมีตระกูลชั้นสูงสักเท่าไหร่กันที่อยากจะกลายเป็นญาติของตระกูลจิ๋น แต่ว่าคุณชายทั้งสองของตระกูลจิ๋นเป็นชายหนุ่มที่บริสุทธิ์ ไม่เคยมั่วสุมกับใคร ในวันงานหมั้นแบบนี้ ถ้าคนในครอบครัวยินไม่มีใครมาสักคน งั้นก็คงจะเหยียบหน้าตระกูลจิ๋นเป็นอย่างมาก!
ยินเสี้ยวเสี้ยวถูกบีบบังคับให้ยืนอยู่ตรงหน้าเวที จากนั้นก็ได้เอ่ยพูดขึ้นด้วยเสียงเบา “ดิฉันต้องขอประทานโทษด้วยนะคะ วันนี้ตระกูลยิน……”
ทันใดนั้น จิ๋นลี่ยวนที่ยืนอยู่ข้างเธอก็ได้จับเอวของเธอไว้แน่นๆ วินาทีต่อไปยินเสี้ยวเสี้ยวก็เห็นประตูได้เปิดออกอีกครั้ง จากนั้นก็มีเสียงของคนๆหนึ่งที่ไม่ว่ายินเสี้ยวเสี้ยวจะฟังสักกี่รอบก็รู้สึกสบายใจดังขึ้น
“ทุกท่านครับ ต้องขอประทานโทษจริงๆ ผมมาสายแล้ว” ยินจื่อเจิ้นจึงได้พูดแทรกคำพูดของยินเสี้ยวเสี้ยว จากนั้นก็เดินเข้ามาจากทางโน่น ถึงแม้จะมีแค่เชาคนเดียว แต่เขากลับมีอิทธิพลและอำนาจที่ทำให้ผู้อื่นไม่สามารถละสายตาไปทางอื่นได้
การปรากฏตัวของยินจื่อเจิ้น จึงทำให้บรรายากาศในงานเปลี่ยนไปทันที พอเดินขึ้นไปตรงเวที ยินจื่อเจิ้นมองยินเสี้ยวเสี้ยวแล้วพูดขึ้นแค่คำเดียว “น้องสาวของพี่สวยจริงๆ เดี๋ยวพี่จะเป็นคนดำเนินพิธีงานหมั้นของหนูเอง แล้วจะเป็นคนส่งหนูให้กับตระกูลจิ๋นด้วยตัวเอง เป็นยังไงบ้าง?”
คำๆเดียวที่พูดขึ้นก็สามารถทำให้ดวงตาของยินเสี้ยวเสี้ยวแดงระเรื่อขึ้น ริมฝีปากอมชมพูและอ่อนนุ่มก็ได้เม้มขึ้นมาทันที
จากนั้นยินจื่อเจิ้นก็ได้มองไปยังจิ๋นลี่ยวนที่ยืนอยู่ข้างๆยินเสี้ยวเสี้ยว แล้วพูดขึ้นเสียงเบา “น้องสาวของผมดื้อรั้น คุณต้องรู้จักยอมเธอหน่อย อย่ารังแกเธอ”
ดวงตาที่ดุจดั่งหงส์ก็ได้หรี่ลงเล็กน้อย จากนั้นจิ๋นลี่ยวนก็ได้ตอบกลับเสียงเบา ท่าทางนั้นให้ความรู้สึกเหมือนยินเสี้ยวเสี้ยวได้แต่งงานกับเขาไปแล้ว
ทันใดนั้น ยินจื่อเจิ้นก็ได้หันไปแล้วเดินไปตรงที่ๆของคนในตระกูลจิ๋นอยู่ ในช่วงเวลานี้ ก็คงไม่จำเป็นที่จะให้ทุกคนปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนมากมายอีก ดังนั้นต่อให้วันนี้มีแค่ยินจื่อเจิ้นคนเดียวที่มีร่วมงานก็ตาม คนนอกก็คงจะจับผิดอะไรไม่ได้
ยินเสี้ยวเสี้ยวจึงพยายามอดกลั้นอารมณ์ที่อยากจะร้องไห้ จากนั้นก็ได้หันไปถามจิ๋นลี่ยวน“จิ๋นลี่ยวน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันไม่มีพี่ชายแล้วนะ ไม่มีครอบครัวแล้วด้วย คุณต้องจดจำไว้ดีๆว่าคุณต้องปกป้องฉันเป็นอย่างดี”
คำพูดแต่ละคำมาจากใจจริง คำพูดของเธอก็เต็มไปด้วยความอ่อน……
นี่เป็นสิ่งที่ยินเสี้ยวเสี้ยวอย่างแท้จริงในตอนนี้ ต่อให้ยินจื่อเจิ้นจะปรากฏตัวอย่างกะทันหันก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงนี้ได้……